ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
12ปี ยังไม่มีความยุติธรรม วีรชนเมษา-พฤษภา53
สวัสดีค่ะ
วันนี้ดิฉันมาพบกับท่านผู้ชมเพื่อที่จะเชิญชวนให้เราไม่ลืม 12 ปี
ที่ความยุติธรรมยังไม่ปรากฏ ในกรณีของการเกิดเหตุ เมษา-พฤษภา 53 ดังนั้นเราจึงได้ร่วมกันกับญาติวีรชนในการจัดงานรำลึกเพื่อทวงความยุติธรรม
12
ปี ยังไม่มีความยุติธรรมสำหรับวีรชนเมษา-พฤษภา53
เราไปจัดงานที่อนุสรณ์สถาน
14ตุลา16 เพราะว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้
เพราะเป็นสถานที่กลางแจ้ง ในภาวะที่มีโควิดระบาด เพราะฉะนั้นการเสี่ยงก็จะน้อยมากในที่เปิด
เป็นสถานที่ใกล้เคียงกับการเกิดเหตุและสะดวกในการที่จะเดินทางมา
งานก็จะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณบ่ายโมง เราไปนัดพบกับที่นั่นบ่ายโมง
เริ่มด้วยพิธีสงฆ์ จากพิธีสงฆ์ในเวลาน่าจะประมาณบ่ายโมงครึ่ง
น่าจะสิ้นสุดประมาณบ่ายสอง
จากนั้นก็เป็นการวางพวงหรีดและดอกไม้ในการแสดงความเคารพวีรชนเมษา-พฤษภา53
โดยผู้ที่มาร่วมงาน มีทั้งอดีตแกนนำ องค์กรประชาธิปไตย และผู้ที่ต้องการร่วมรำลึกวีรชนเมษา-พฤษภา53
ซึ่งแน่นอนเราคงไม่มีแบบวีรชน
14ตุลา16 หรือ พฤษภา35 ที่จะมีรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เป็นฝ่ายรัฐ
พูดง่าย ๆ ว่าฝ่ายรัฐคงไม่มา เพราะว่าวีรชน53 นั้น
ยังถูกถือว่าเป็นฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่า
เมื่อเรามีการรำลึก ถ้าเป็น 14ตุลา16 จะมีคณะรัฐฯ มาเต็ม พฤษภา35 ก็ยังมีส่วนหนึ่ง
แต่ว่า 6ตุลา19 กับ พฤษภา53 ก็จะไม่มีฝ่ายรัฐ พูดง่าย ๆ ว่า
ฝ่ายรัฐและฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งหลายก็จะถือว่าผู้เสียชีวิตไม่ใช่วีรชน
ดังนั้นเขาก็ไม่มา (เราก็ไม่อยากให้เขามา)
แต่ว่าในเหตุการณ์
6ตุลา19 ก็ยังมีอนุสรณ์สถานให้ไป แต่ว่าสำหรับพวกเรา วีรชนเมษา-พฤษภา53 เราก็ต้องมาใช้สถานที่ที่นี่
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมาจัดที่นี่
เพราะมันเป็นที่ที่ดีที่สุดแล้วดังที่เราได้กล่าวไว้
แล้วเวลาเราได้แจ้งไว้แล้วว่ามีการวางหรีดในเวลาประมาณบ่ายสอง
น่าจะสิ้นสุดก็เกือบบ่ายสาม ถ้าหรีดไม่มาก อย่างมากก็ครึ่งชั่วโมง
แต่ตามความเข้าใจของดิฉันที่ปีที่แล้วใช้เวลานานพอสมควร เพราะว่ามีคณะประชาชน
เยาวชน และคนเสื้อแดงส่วนต่าง ๆ ก็มาวางหรีดกันมากมาย ดังนั้นก็ในเวลาประมาณ 15
นาฬิกากว่า ๆ ก็จะได้เริ่มมีการปราศรัยหรือการพูดรำลึกเหตุการณ์ น่าจะสิ้นสุดก็ประมาณ
4 โมงเย็นหรือเลยกว่านั้นนิดหน่อย แต่น่าจะอยู่ในประมาณ 4 โมงเย็น หลังจากนั้นก็อาจจะมีการเดินทางไปวางดอกไม้
ณ จุดที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสี่แยกคอกวัว หรือว่าที่ตรงหน้าบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่มีความสูญเสียเกิดขึ้น
ในช่วงเวลานี้ก็อยากจะให้ดูวีดีทัศน์ที่เราได้ทำขึ้นมานานแล้ว
แต่ว่ามันก็มีภาพและเรื่องที่ยังใช้ได้อยู่
ดังที่เราได้มีการนำสคริปบรรยายออกมาลงเป็นตอน ๆ วีดีทัศน์ก็จะมีเหตุการณ์ก่อน
10เมษา แล้วก็เหตุการณ์วันที่ 10เมษา แล้วก็วีดีทัศน์อันที่สามคือยิงนกในกรง
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในประมาณวันที่ 14 จนกระทั่งถึง 19พฤษภา53 ประกอบไปด้วย
ยุทธการขอคืนพื้นที่
เมษา53 ตอนที่ 1 ลิ้งค์ https://www.youtube.com/watch?v=j1i-HFGmG60&t=236s
ยุทธการขอคืนพื้นที่
เมษา53 ตอนที่ 2 ลิ้งค์ https://www.youtube.com/watch?v=gIavhPiiE8w&t=1060s
ยุทธการ
ยิงนกในกรง พฤษภา53 ลิ้งค์ https://www.youtube.com/watch?v=kMx3M80-CJ4&t=94s
ดิฉันอยากให้ช่วงเวลานี้
และแม้กระทั่งในทุกเวลาเป็นเวลาที่ประชาชนจะช่วยกันทำความจริงให้ปรากฎ
เพราะว่าสังคมไทยขณะนี้ยังเป็นสังคมที่ถูกครอบงำด้วยอำนาจของฝ่ายจารีตและอำนาจนิยม
ผู้กระทำในปี53 ยังครองอำนาจมาจนถึงปัจจุบัน
และอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องครองอำนาจนาน อันนี้เป็นสิ่งที่เราคุยกันมาตลอด
เพราะว่าการครองอำนาจยาวนานของคณะรัฐประหารนี้
มันไปเทียบเคียงกับในอดีตตั้งแต่ยุคจอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ กระทั่งมาถึง 2516
นั่นก็คือเป็นช่วงระหว่างที่ฝ่ายจารีตต้องการขึ้นมาครองอำนาจให้ยาวนานที่สุด เพื่อขัดขวางการเปลี่ยนแปลงในการคืนอำนาจให้ประชาชนมีอำนาจเต็มที่ตามชื่อของระบอบประชาธิปไตย
แต่นั้นยังไม่พอ
มันยังมีกรรมที่ได้ก่อเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมษา-พฤษภา53 ซึ่งผู้สั่งการ คดีก็ถูกหยุดด้วย
ป.ป.ช. ที่ไม่ได้มาจากประชาชน
ผู้กระทำก็ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีต่อหลังจากการทำรัฐประหาร
เพราะเมื่อศาลบอกว่าผู้สั่งต้องไปทางป.ป.ช. แล้วก็ไปหยุดอยู่ตรงนั้น
ส่วนผู้กระทำก็ให้ดำเนินหารฟ้องร้องต่อไป จบ! กลายเป็นมุมดำ
แล้วก็กลายเป็นคดีที่ไม่ได้คืบหน้าหลังจากการทำรัฐประหาร 2557
ดังนั้น ดิฉันจึงขอเชิญชวนว่า 12 ปี ยังไม่มีความยุติธรรม แล้วมันจะยังไม่มีความยุติธรรมสำหรับวีรชนเมษา-พฤษภา53 จนกระทั่งถึงเยาวชนปัจจุบัน ด้วยการครองอำนาจ การครอบงำของเครือข่ายจารีตอำนาจนิยมและผู้ที่กระทำการก่อกรรมเอาไว้ตั้งแต่ปี 53 นี่เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ยาวนานใช่หรือไม่?
ประชาชนต้องมาช่วยกันทำความจริงให้ปรากฎเหมือน
6ตุลา 6ตุลา19 ก็จัดการใครไม่ได้ด้วยการนิรโทษกรรมสองฝ่ายไปแล้วด้วยส่วนหนึ่ง
แต่สิ่งที่ต้องกระทำเป็นอย่างยิ่งและจะมีคุณอนันต์ อย่าง 6ตุลา ก็ได้ทำไปแล้วคือ “ทำความจริงให้ปรากฏ”
ให้มันรู้ไปว่าในแผ่นดินนี้ เมื่อเราประชาชนช่วยกันฟ้องร้อง ไม่พูดเท็จนะ พูดความจริง
เล่าเรื่องจริง เล่าเรื่องจริงจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ไปเขียนจากตำนานที่ไหน
ช่วยกันทำความจริงให้ปรากฏ ให้บันทึกไว้ในแผ่นดิน ให้เป็นประวัติศาสตร์ของประชาชน
มีทั้งคำบอกเล่า มีทั้งภาพ ดังนั้นจึงมีทั้งเสียงและมีทั้งเรื่องราวที่บันทึกไว้
เพื่อให้เป็นความทรงจำของประเทศนี้ เพราะประเทศนี้ประวัติศาสตร์ที่แล้วมาถูกเขียนโดยฝ่ายจารีตและอำนาจนิยม
ไม่มีประวัติศาสตร์ประชาชนที่แท้จริง บางเรื่องเพิ่งมารื้อฟื้นกัน เกิดเมื่อ 120
ปีที่แล้ว ยกตัวอย่างเรื่องที่ภาคอีสานซึ่งเพิ่งมีการรื้อฟื้น
เราไม่ต้องรอ
120 ปี 12 ปี คนที่ถูกกระทำอาจจะยังไม่ถูกดำเนินคดีด้วยกระบวนการยุติธรรมในคราบหรือในอำนาจที่ยังมีอยู่
แต่ว่าให้ความจริงมันปรากฏ ให้เป็นประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตและประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องจริงของประชาชนเพื่อบันทึกไว้ในแผ่นดิน
ดิฉันอยากให้ทุกคนทำเพราะสิ่งที่เราทำได้
ดังนั้นให้มันรู้ไปว่า
“เมื่อความจริงออกมาแล้ว สังคมไทยจะเปลี่ยนจากสังคมจารีตนิยม อำนาจนิยม
มีอำนาจ มาเป็นสังคมที่ประชาชนมีอำนาจได้หรือไม่ “ ยาวนานเพียงใดเราอาจจะทำให้สั้นได้ด้วยมือของเรา
.
ดงนั้น
ดิฉันก็เชิญชวนให้มีการบอกเล่าหรือว่าส่งเรื่องเข้ามาที่เพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ,
ที่ยูดีดีนิวส์ หรือคุณทำของคุณเองก็ได้ และเราจะช่วยกันทำประวัติศาสตร์ประชาชน
เรายังให้เขาถูกพิพากษาไม่ได้โดยกระบวนการยุติธรรมของรัฐจารีต
แต่เราจะทำให้เขาถูกพิพากษาโดยประชาชนค่ะ
#12ปีรำลึกเมษาพฤษภา53
#นปช #คนเสื้อแดง
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์