วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565

ส.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล : อาลัย “วัฒน์ วรรลยางกูร”

 


ส.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล : อาลัย “วัฒน์ วรรลยางกูร”


ครอบครัววรรลยางกูร เครือข่ายคนเดือนตุลา เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคารพที่มารวมตัวกันอยู่ในที่ของประชาชนแห่งนี้ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงในเวทีเล็ก ๆ อย่างนี้ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ในชีวิตที่ได้รับเกียรติเชิญขึ้นมากล่าวไว้อาลัยให้กับกวี นักเขียน นักปฏิวัติ ตั้งแต่ 6ตุลา19 จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต


ความรู้สึกเสียใจหลังจากที่ได้ข่าวว่าพี่วัฒน์จากพวกเราไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ถูก      อารมณ์ด้วยความรู้สึกว่าอย่างน้อยที่สุดในเกือบ ๆ 3 ปีสุดท้ายของชีวิตพี่วัฒน์ ก็ได้อยู่ในดินแดงที่มีลมหายใจของเสรีภาพ ได้ใช้ชีวิตที่สุขสงบงดงามและได้ทำงานเขียนอันเป็นที่รักของพี่วัฒน์จนจบ ณ ที่นั้น แม้นว่าจะเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่พี่วัฒน์ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ร่วมคลำสัมผัสหนังสือเล่มสุดท้ายอันเป็นที่รักนี้นะคะ อย่างน้อยที่สุด พี่วัฒน์ได้จากพวกเราไปในดินแดนผืนแผ่นดินเดียวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ “วิกตอร์ อูว์โก” ผู้ประพันธ์เรื่องเหยื่ออธรรม


พี่น้องคะ การขัดขืนไม่ยอมจำนนต่ออำนาจนอกระบบที่ไม่เคารพกติกามารยาทหลังรัฐประหารปี 2557 มีราคาที่จะต้องจ่ายด้วยชีวิตและอิสรภาพมากมาย ท่อนหนึ่งของบทประพันธ์ “จากลานโพธิ์ถึงภูพาน” ที่พี่วัฒน์เขียนไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ยังวนเวียนซ้ำซากราวกับพี่วัฒน์ได้เขียนมันขึ้นมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้เอง


“มันตามจับ ตามฆ่า ล่าถึงบ้าน

 อ้างหลักฐาน จับเข้าคุก ทุกแห่งหน

เราอดทน ถึงที่สุด ก็สุดทน

จึงเปลี่ยนหน ทางสู้ ขึ้นภูพาน”


ในปีพ.ศ.นี้ ไม่มีป่าเขาลำเนาไพรให้ใครได้ขึ้นไปจับจองได้อีก ไม่มีภูสูงให้เข้าไปจับปืน แต่พี่วัฒน์คงจะยินดีในบั้นปลายชีวิตที่ได้ทราบว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่กล้าสงสัย กล้าตั้งคำถามซึ่งเป็นสิ่งที่พี่วัฒน์รอคอยตลอดชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับอำนาจนอกระบบ กับอำนาจปรสิต ที่กัดกินบ่อนเซาะทำลายสังคมไทยอยู่จนถึงทุกวันนี้ รวมทั้งกฎหมายที่ไร้ความปราณีอย่างกฎหมายมาตรา 152 ที่ไม่เคยมีใครแตะต้อง กำลังถูกตระหนักรู้ กำลังถูกผลักดันเข้าสู่รัฐสภาด้วยการเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 เพื่อให้ลดโทษขั้นต่ำเหลือศูนย์ ไม่ให้ใครจะสามารถนำมาตราที่ไม่เป็นที่ยอมรับนี้เอาไปฟ้องผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง อันนี้พี่วัฒน์คงจะดีใจที่พี่วัฒน์ได้รับทราบก่อนที่จะเสียชีวิต การต่อสู้ในสมัยนี้เป็นการต่อสู้ด้วยความรู้และแสงสว่างทางปัญญาที่ระบบระบอบโฆษณาชวนเชื่อจะไม่สามารถทำได้ผลอีกต่อไป


ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัว “วรรลยางกูร” คุณแม่บุญส่งของพี่วัฒน์ไม่ได้สูญเสียเฉพาะพี่วัฒน์ วรรลยางกูร หรือลูกอ๊อดของคุณแม่เท่านั้น แต่คุณแม่บุญส่งยังได้สูญเสียลูกชายคนรองอีกคนหนึ่ง นั่นคือคุณอุ๊ ไฟเย็น มือกลองของวงไฟเย็นที่ประสบชะตากรรมอย่างเดียวกับวัฒน์ วรรลยางกูร ต้องระหกระเหินเร่ร่อนออกจากบ้านเกิดเมืองนอนไปดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง


การสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างพี่วัฒน์กับดิฉันเกิดขึ้นเมื่อปลายปีพ.ศ. 2564 ระหว่างที่พี่วัฒน์ป่วยหนักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เสียงของพี่วัฒน์ยังคงแจ่มใส ดิฉันยังได้ยินเสียงหัวเราะอย่างขำขื่นแบบที่เคย พี่วัฒน์มีความภูมิใจในตัวลูก ๆ ทั้งสามของพี่วัฒน์มาก คือ ตุ๋ย, แตน และน้องเตย พี่วัฒน์ได้พร่ำบอกถึงความภูมิใจที่มีต่อความสำเร็จในหนทางต่าง ๆ ของลูก และดิฉันเสียใจเป็นอย่างยิ่งว่าคำสัญญาที่จะไปรับพี่วัฒน์กลับบ้านไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้


แต่อยากบอกว่าสิ่งที่เผด็จการอยากให้เกิดขึ้น คืออยากให้ “วัฒน์ วรรลยางกูร” ถูกลบเลือน ถูกหลงลืมไปจากสังคม แต่เขาจะไม่มีวันทำได้สำเร็จเพราะ “วัฒน์ วรรลยางกูร” สิงสู่อยู่ในทุกที่และจะตามหลอกหลอนผู้ใช้อำนาจเผด็จการระบบศักดินานี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ เพราะผลงานของพี่วัฒน์สิงสถิตอยู่ในเรื่องสั้น ในงานเขียน ในบทกวี ในภาพยนตร์ และในทุก ๆ ที่ พวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่เขาอยากได้ เพราะ “วัฒน์ วรรลยางกูร” จะไม่มีวันหายจากไป


วันที่พี่วัฒน์เดินทางข้ามประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ดิฉันก็ได้เอาใจช่วย จนพี่วัฒน์ย้ายมาอีกประเทศหนึ่งในฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง วันที่พี่วัฒน์นั่งเรือหางยาวเดินทางฝ่าอันตรายผ่านเกาะแก่งของลำน้ำโขงขึ้นไปสู่ประเทศข้างบน และการย้ายที่อยู่ในหลาย ๆ ที่ การมีโอกาสได้พบพี่วัฒน์ ได้ทราบว่ามีจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่สยบยอม เป็นตัวอย่าง เป็นหมุดหมายที่ดิฉันอยากจะบอกกับเพื่อน ๆ ทุกคนว่าสภาพความเป็นอยู่ของพี่วัฒน์คืออยู่ในทุ่งนานะคะ ในเพิงพักที่ไม่มีฝาผนังบ้าน อยู่แบบนั้น แรก ๆ พี่วัฒน์ยังไม่กำลังใจที่ดี ต่อมาหลังจากที่มีการอุ้มฆ่าอุ้มหายเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน และรัฐบาลไทยไม่ได้มีการติดตาม กำลังใจของพี่วัฒน์ตกหล่นลงมาเรื่อย ๆ การออกกำลังกาย การใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้เป็นไปเหมือนเดิม นั่นเป็นเหตุบั่นทอนอายุของพี่วัฒน์ที่ควรจะอยู่ยืนยาวได้มากกว่านี้


ความยิ่งใหญ่ของนักสู้ทุกคนไม่ได้เกิดขึ้นในวันที่ประสบชัยชนะหรือในวันที่ประกาศความสำเร็จ แต่ความยิ่งใหญ่ของทุกคนเกิดตั้งแต่วันที่ทุกคนตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย ขอให้พี่วัฒน์ไปรอพวกเราอยู่ที่นั่น รอวันที่กองทัพของประชาชนประกาศชัยชนะ รอพวกเราอยู่ที่นั่นและร่วมฉลองความสำเร็จร่วมกับพวกเรา ขอบคุณมากค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์