ส.ส.อมรัตน์
โชคปมิตต์กุล : อาลัย “วัฒน์ วรรลยางกูร”
ครอบครัววรรลยางกูร
เครือข่ายคนเดือนตุลา เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคารพที่มารวมตัวกันอยู่ในที่ของประชาชนแห่งนี้
ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงในเวทีเล็ก ๆ อย่างนี้ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
ในชีวิตที่ได้รับเกียรติเชิญขึ้นมากล่าวไว้อาลัยให้กับกวี นักเขียน นักปฏิวัติ
ตั้งแต่ 6ตุลา19 จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ความรู้สึกเสียใจหลังจากที่ได้ข่าวว่าพี่วัฒน์จากพวกเราไปเมื่อวันที่
21 มีนาคม เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ถูก อารมณ์ด้วยความรู้สึกว่าอย่างน้อยที่สุดในเกือบ
ๆ 3 ปีสุดท้ายของชีวิตพี่วัฒน์
ก็ได้อยู่ในดินแดงที่มีลมหายใจของเสรีภาพ ได้ใช้ชีวิตที่สุขสงบงดงามและได้ทำงานเขียนอันเป็นที่รักของพี่วัฒน์จนจบ
ณ ที่นั้น แม้นว่าจะเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่พี่วัฒน์ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ร่วมคลำสัมผัสหนังสือเล่มสุดท้ายอันเป็นที่รักนี้นะคะ
อย่างน้อยที่สุด
พี่วัฒน์ได้จากพวกเราไปในดินแดนผืนแผ่นดินเดียวกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ “วิกตอร์
อูว์โก” ผู้ประพันธ์เรื่องเหยื่ออธรรม
พี่น้องคะ
การขัดขืนไม่ยอมจำนนต่ออำนาจนอกระบบที่ไม่เคารพกติกามารยาทหลังรัฐประหารปี 2557
มีราคาที่จะต้องจ่ายด้วยชีวิตและอิสรภาพมากมาย ท่อนหนึ่งของบทประพันธ์ “จากลานโพธิ์ถึงภูพาน”
ที่พี่วัฒน์เขียนไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน
ยังวนเวียนซ้ำซากราวกับพี่วัฒน์ได้เขียนมันขึ้นมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้เอง
“มันตามจับ
ตามฆ่า ล่าถึงบ้าน
อ้างหลักฐาน จับเข้าคุก ทุกแห่งหน
เราอดทน
ถึงที่สุด ก็สุดทน
จึงเปลี่ยนหน
ทางสู้ ขึ้นภูพาน”
ในปีพ.ศ.นี้
ไม่มีป่าเขาลำเนาไพรให้ใครได้ขึ้นไปจับจองได้อีก ไม่มีภูสูงให้เข้าไปจับปืน
แต่พี่วัฒน์คงจะยินดีในบั้นปลายชีวิตที่ได้ทราบว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่กล้าสงสัย
กล้าตั้งคำถามซึ่งเป็นสิ่งที่พี่วัฒน์รอคอยตลอดชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับอำนาจนอกระบบ
กับอำนาจปรสิต ที่กัดกินบ่อนเซาะทำลายสังคมไทยอยู่จนถึงทุกวันนี้
รวมทั้งกฎหมายที่ไร้ความปราณีอย่างกฎหมายมาตรา 152 ที่ไม่เคยมีใครแตะต้อง
กำลังถูกตระหนักรู้ กำลังถูกผลักดันเข้าสู่รัฐสภาด้วยการเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 เพื่อให้ลดโทษขั้นต่ำเหลือศูนย์ ไม่ให้ใครจะสามารถนำมาตราที่ไม่เป็นที่ยอมรับนี้เอาไปฟ้องผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง
อันนี้พี่วัฒน์คงจะดีใจที่พี่วัฒน์ได้รับทราบก่อนที่จะเสียชีวิต
การต่อสู้ในสมัยนี้เป็นการต่อสู้ด้วยความรู้และแสงสว่างทางปัญญาที่ระบบระบอบโฆษณาชวนเชื่อจะไม่สามารถทำได้ผลอีกต่อไป
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัว
“วรรลยางกูร” คุณแม่บุญส่งของพี่วัฒน์ไม่ได้สูญเสียเฉพาะพี่วัฒน์ วรรลยางกูร
หรือลูกอ๊อดของคุณแม่เท่านั้น แต่คุณแม่บุญส่งยังได้สูญเสียลูกชายคนรองอีกคนหนึ่ง
นั่นคือคุณอุ๊ ไฟเย็น มือกลองของวงไฟเย็นที่ประสบชะตากรรมอย่างเดียวกับวัฒน์
วรรลยางกูร ต้องระหกระเหินเร่ร่อนออกจากบ้านเกิดเมืองนอนไปดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
การสนทนาครั้งสุดท้ายระหว่างพี่วัฒน์กับดิฉันเกิดขึ้นเมื่อปลายปีพ.ศ.
2564 ระหว่างที่พี่วัฒน์ป่วยหนักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส เสียงของพี่วัฒน์ยังคงแจ่มใส
ดิฉันยังได้ยินเสียงหัวเราะอย่างขำขื่นแบบที่เคย พี่วัฒน์มีความภูมิใจในตัวลูก ๆ
ทั้งสามของพี่วัฒน์มาก คือ ตุ๋ย, แตน และน้องเตย พี่วัฒน์ได้พร่ำบอกถึงความภูมิใจที่มีต่อความสำเร็จในหนทางต่าง
ๆ ของลูก
และดิฉันเสียใจเป็นอย่างยิ่งว่าคำสัญญาที่จะไปรับพี่วัฒน์กลับบ้านไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้
แต่อยากบอกว่าสิ่งที่เผด็จการอยากให้เกิดขึ้น
คืออยากให้ “วัฒน์ วรรลยางกูร” ถูกลบเลือน ถูกหลงลืมไปจากสังคม
แต่เขาจะไม่มีวันทำได้สำเร็จเพราะ “วัฒน์ วรรลยางกูร” สิงสู่อยู่ในทุกที่และจะตามหลอกหลอนผู้ใช้อำนาจเผด็จการระบบศักดินานี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์
เพราะผลงานของพี่วัฒน์สิงสถิตอยู่ในเรื่องสั้น ในงานเขียน ในบทกวี ในภาพยนตร์ และในทุก
ๆ ที่ พวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่เขาอยากได้ เพราะ “วัฒน์ วรรลยางกูร”
จะไม่มีวันหายจากไป
วันที่พี่วัฒน์เดินทางข้ามประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ดิฉันก็ได้เอาใจช่วย จนพี่วัฒน์ย้ายมาอีกประเทศหนึ่งในฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
วันที่พี่วัฒน์นั่งเรือหางยาวเดินทางฝ่าอันตรายผ่านเกาะแก่งของลำน้ำโขงขึ้นไปสู่ประเทศข้างบน
และการย้ายที่อยู่ในหลาย ๆ ที่ การมีโอกาสได้พบพี่วัฒน์
ได้ทราบว่ามีจิตใจที่แข็งแกร่งและไม่สยบยอม เป็นตัวอย่าง
เป็นหมุดหมายที่ดิฉันอยากจะบอกกับเพื่อน ๆ ทุกคนว่าสภาพความเป็นอยู่ของพี่วัฒน์คืออยู่ในทุ่งนานะคะ
ในเพิงพักที่ไม่มีฝาผนังบ้าน อยู่แบบนั้น แรก ๆ พี่วัฒน์ยังไม่กำลังใจที่ดี
ต่อมาหลังจากที่มีการอุ้มฆ่าอุ้มหายเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน
และรัฐบาลไทยไม่ได้มีการติดตาม กำลังใจของพี่วัฒน์ตกหล่นลงมาเรื่อย ๆ
การออกกำลังกาย การใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้เป็นไปเหมือนเดิม
นั่นเป็นเหตุบั่นทอนอายุของพี่วัฒน์ที่ควรจะอยู่ยืนยาวได้มากกว่านี้
ความยิ่งใหญ่ของนักสู้ทุกคนไม่ได้เกิดขึ้นในวันที่ประสบชัยชนะหรือในวันที่ประกาศความสำเร็จ
แต่ความยิ่งใหญ่ของทุกคนเกิดตั้งแต่วันที่ทุกคนตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย
ขอให้พี่วัฒน์ไปรอพวกเราอยู่ที่นั่น รอวันที่กองทัพของประชาชนประกาศชัยชนะ
รอพวกเราอยู่ที่นั่นและร่วมฉลองความสำเร็จร่วมกับพวกเรา ขอบคุณมากค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์