วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2565

จาตุรนต์ ฉายแสง : 12ปีรำลึกเมษาพฤษภา53

 





จาตุรนต์ ฉายแสง : 12ปีรำลึกเมษาพฤษภา53


สวัสดีครับ พี่น้องญาติวีรชนทุกท่าน พี่น้องเสื้อแดงและพี่น้องประชาชนที่ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษาและเดือนพฤษภา พี่น้องผู้รักประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนที่ดูรายการอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก


ผมมาในวันนี้เนื่องจากเห็นว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ร่วมในเหตุการณ์การชุมนุมวันที่ 10เมษาเมื่อ 12 ปีก่อน และก็ได้รับรู้เหตุการณ์ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่มีความหมาย และทำให้ผมเห็นว่าเหตุการณ์วันที่ 10เมษา นอกจากเป็นเรื่องของการมาถามหาความยุติธรรมทวงคืนความยุติธรรมแล้ว มันมีความหมายต่อสังคม มีความหมายต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประเทศไทย มันสะท้อนปัญหาที่สำคัญของสังคมไทยที่ทุกคนในประเทศจะต้องรับรู้ จะต้องตระหนักว่าปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เราจะต้องร่วมกันแก้ไขต่อไป


เมื่อประมาณ 5 โมงกว่าในวันที่ 10เมษา ประมาณ 5 โมงกว่า แดดร่มลมตกกว่านี้ แต่ไม่เงียบแบบนี้ ไม่ใช่มีแต่เสียงรถยนต์เสียงไมโครโฟนแบบนี้ มีเสียงประทัด มีเสียงปืนยิง มีเฮลิคอปเตอร์บินวนไปมาโรยแก๊สน้ำตาอยู่ ผมมาจากบ้านตั้งใจมาที่เวทีชุมนุมเพราะเห็นมีการออกข่าวว่าจะยึดคืนพื้นที่ จะทวงคืนพื้นที่ รัฐบาลจะทวงคืนพื้นที่ เมื่อ 5 โมงกว่าแล้วก็หมายความว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงจะมืด และผมก็มีประสบการณ์พอดีใคร ๆ ก็รู้ว่ามืดแล้วจะยึดคืนพื้นที่โดยมีรถฮัมเมอร์รถทหารมาเรียงอยู่ตรงนั้นตรงนี้หลายคัน มืทหารมีอาวุธมาด้วย เมื่อถึงเวลามืดขึ้นไม่มีทางที่รัฐบาลจะคุมสถานการณ์ได้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น

 

เพราะฉะนั้นผมจึงตั้งใจมาเพื่อจะหาทางมาสื่อสารกับรัฐบาลในขณะนั้น มาถึงเวทีชุมนุมผู้ที่คุมเวทีอยู่ก็รีบเชิญผมขึ้นบนเวทีบอกว่าให้ขึ้นไปพูดหน่อย เพราะว่าตอนนี้พี่น้องประชาชนที่นั่งอยู่กำลังระส่ำระสาย หนีไปตรงโน้นบ้าง วิ่งมาตรงนี้บ้าง วิ่งกลับมาบ้าง ผมก็ขึ้นไปพูดเพื่อจะบอกให้พี่น้องเข้ามารวมตัวกันและนั่งอย่างสงบ เพราะอันนั้นจะเป็นวิธีที่ทำให้เราปลอดภัยมากที่สุด เมื่อมารวมตัวกันแล้ว


สิ่งที่ผมพูดกับรัฐบาลในขณะนั้นก็คือสิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้นี้แหละ ผมพูดกับหัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พูดกับผบ.ทบ. บอกว่าพี่น้องประชาชนที่นี่ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงเลย อีกไม่กี่นาทีก็จะมืด ขณะที่ผมพูด ๆ ไปนั้นเพลงชาติขึ้น ก็แสดงว่า 6 โมง ผมก็บอกว่าอีกสักพักก็จะมืดแล้ว พื้นที่ตรงนี้ทำไมต้องยึดคืน ก็ในเมื่อรัฐบาลเขาประกาศไม่กี่วันก่อนบอกว่าจะเอาคืนพื้นที่ราชประสงค์คืน ส่วนที่ราชดำเนินจะชุมนุมยังไงก็ชุมนุมกันไป แล้ววันนี้ทำไมจะมายึดพื้นที่คืน มันไม่มีเหตุผล ทำไมต้องมายึด ถ้าหากว่าเป็นการเข้าไปยึดธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องยึดคืนก็ว่าไปอย่าง ไอ้นี่อยู่กับถนน ชุมนุมอย่างสงบและก็ประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการใช้ความรุนแรง ขอให้สั่งให้หยุดการยึดคืนพื้นที่แล้วมาเจรจากัน ถ้าจะเอาพื้นที่คืน วันพรุ่งนี้ค่อยมาเจรจากันก็ได้ แกนนำการชุมนุมเขาก็พร้อมที่จะเจรจาด้วย


ผมพูดอยู่พักใหญ่ ก็สื่อสารเต็มที่แล้วบอกว่าถ้าไม่รีบหยุดการกระชับพื้นที่ยึดคืนพื้นที่เดี๋ยวจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น พวกคุณจะเสียใจ พวกคุณจะต้องรับผิดชอบ แต่ในที่สุดผมพูดไปจนกระทั่งได้ใจความหมดแล้ว กำลังไปรอฟังให้กำลังใจผู้พูดคนอื่น ก็ถูกแก๊สน้ำตาต้องลงจากเวทีไปล้างตา ระหว่างนั้นก็มีการประสานติดต่อมาจากทางรัฐบาล แต่ว่าการประสานมานั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีการยิงระเบิดใส่ประชาชนและข้าราชการ เสียชีวิตไป 20 กว่าคนแล้ว ก็เกิดขึ้นจริง ๆ อย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ ไม่ใช่ว่าผมรู้ว่าจะมีใครจะทำอะไร แต่การมีรถทหาร มีทหาร มีอาวุธ มันอยู่ในแถวนี้ แล้วมีเสียงปืนดังเป็นระยะสลับกับประทัดมันเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และความจริงขณะที่ผมพูด 6 โมงกว่า ๆ มีคนเอาหนังสือมาแจ้งบอกว่าขณะนี้มีพี่น้องประชาชนถูกยิงเสียชีวิตไปแล้ว 1 คน ผมตัดสินใจไม่ประกาศเพราะเกรงว่าประกาศไปก็จะเกิดความแตกตื่น กลายเป็นความเสียหายมากขึ้นไปอีก


หลังจากนั้นผมเป็นตัวกลางให้เกิดการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลที่อยู่กับนายกรัฐมนตรีกับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เจรจากันอยู่หลายรอบจนในที่สุดเขาถามว่าจะให้ทำยังไง ตอนนี้มีการเสียชีวิตไปแล้ว ทำยังไงถึงจะให้สงบ ผมก็บอกว่าง่ายนิดเดียว คุณก็ถอนกำลังออกไปให้ห่าง ๆ การชุมนุม แล้วเดี๋ยวการชุมนุมเขาก็จะสงบกันไปเองไม่มีปัญหาอะไรเลย ในที่สุดเขาก็ทำตามนั้น


เรื่องนี้มันบอกว่าถ้ารัฐบาลฟังข้อเสนอของประชาชนตั้งแต่ต้น ไม่ต้องกระชับพื้นที่ ไม่ต้องยึดคืนพื้นที่ เพราะมันไม่มีความจำเป็นอะไรเลย จะไม่มีการเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว และเรื่องนี้มันก็ทำให้เราเห็นว่า การที่ประชาชนเสียชีวิตบาดเจ็บในวันที่10เมษา เมื่อ 12 ปีก่อน เกิดขึ้นเนื่องจากการปล่อยปละละเลยหรืออาจจะต้องบอกว่า รู้ทั้งรู้ว่าอาจจะต้องเกิดความรุนแรงเสียหายถึงชีวิตก็ยังไม่ระงับยับยั้ง ความบกพร่องย่อมเกิดกับรัฐบาลในขณะนั้นอย่างไม่อาจปฏิเสธหลีกเลี่ยงได้


แต่ผ่านมา 12 ปี ไม่มีใครรับโทษ ไม่มีการลงโทษใคร ไม่มีใครรับผิดชอบทางการเมืองต่อเรื่องนี้แม้แต่น้อย พี่น้องครับ พูดแค่นี้มันก็จบด้วยการบอกว่าต้องทวงคืนความยุติธรรม ต้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย แค่นี้มันก็อาจจะเป็นสูตรตายตัวไปเสียหมดแล้ว ผมอยากจะชวนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย พี่น้องผู้อยากเห็นบ้านเมืองสงบบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าทั่วประเทศมาช่วยกันคิดหน่อย เหตุการณ์วันที่10เมษามันเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของการเคลื่อนไหวเดือนมีนา-พฤษภา มันต่อเนื่องมาจากปี 52 ด้วย เหตุการณ์ที่นปช. เสื้อแดง และประชาชนอีกเป็นแสน ๆ คนต่อสู้นั้น เขาต่อสู้คัดค้านอะไรและเสนออะไร


เขาคัดค้านการที่องค์กรอิสระ ศาลที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนมาล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้มนายกฯ ไป 2 คน ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เขามาคัดค้านการที่องค์กรที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนมาล้มรัฐบาลเท่านั้น นปช. เสื้อแดงและพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยมาคัดค้านการที่กองทัพเข้ามาแทรกแซงการเมืองด้วยการข่มขู่พรรคการเมือง แล้วไปจัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร เขามาร่วมกันคัดค้านบอกว่าการทำอย่างนี้เป็นการล้มเจตนารมณ์ของประชาชนในการเลือกตั้ง


การมาต่อต้านครั้งนี้เขาเสนออะไร? เขาต้องการให้สำเร็จด้วยวิธีการอย่างไร เขาไม่ได้บอกว่าจะใช้กำลังความรุนแรงไปล้มรัฐบาล ไม่ได้บอกว่าจะไปยึดสถานที่ราชการอะไรที่ไหน เขามาเสนอบอกว่าให้ยุบสภาแล้วมีการเลือกตั้ง ให้ประชาชนทั่วประเทศพิสูจน์ตัดสินว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาลกันแน่


สิ่งที่เขามาเสนอนี้เจอกับอะไร? เจอกับการบังคับใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติ ที่ไม่เป็นมาตรฐาน เจอกับการที่ปล่อยให้มีการกระทำความผิดของรัฐ ของผู้มีอำนาจรัฐและเจ้าหน้าที่ ก็คือฆ่าคนต่อไปอีกรวมกันแล้ว 99 ศพ โดยที่ไม่มีใครต้องรับผิดชอบแม้แต่รายเดียว ก็หมายความว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการทำผิดกฎหมายได้ของฝ่ายรัฐโดยไม่ต้องรับผิดใด ๆ ทั้งสิ้น


ทีนี้ที่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางการเมืองก็คือ มันมีการบังคับใช้กฎหมายแบบที่คนกระทำผิดไม่ถูกลงโทษได้อีกแบบหนึ่ง แต่มันกลับข้าง ก็คือเวลาใดที่มีคนมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีมา 2 รอบ จะเกิดการชุมนุมต่อต้านที่กระทำผิดกฎหมายได้อย่างไม่จำกัดและไม่มีการลงโทษเลย ยึดทำเนียบรัฐบาลจนปลูกข้าวได้ก็ได้ ยึดสนามบินจนเดินทางไปไหนมาไหนกันไม่ได้ ยึดกระทรวงมหาดไทยเป็นเดือน ๆ ก็ได้ ไม่มีความผิด การชุมนุมแบบนี้ที่ผิดกฎหมายตำรวจเข้าไปจับไม่ได้เพราะอะไร เพราะตำรวจเข้าไปแล้วจะพบว่าหน่วยการ์ดแสดงบัตรประจำตัวว่าเป็นใคร หน่วยการ์ดของผู้ชุมนุมที่จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นทหาร รัฐบาลออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีคำสั่งมา 10 คำสั่ง ศาลแพ่งซึ่งไม่เกี่ยวเลยออกคำวินิจฉัยมาว่าคำสั่งทั้งหมดใช้ไม่ได้ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น การชุมนุม การทำผิดกฎหมายอย่างไม่จำกัดเกิดขึ้นกับการชุมนุมการต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง


แต่ถ้ามีการชุมนุมเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องการเรียกร้องให้มีการยุบสภา ให้มีการเลือกตั้ง ให้มีประชาธิปไตย เจอกับการปราบการฆ่าโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีใคร มันเกิดสลับกันอยู่อย่างนี้ สลับกันเพื่อจะบอกว่าประเทศนี้อยู่เป็นสุขไม่ได้ สงบไม่ได้ ถ้าไม่ปกครองโดยรัฐบาลที่อยู่ภายใต้การกำกับควบคุมบงการของกองทัพและองค์กรอิสระที่ไม่ได้มาจากประชาชน เมื่อเป็นอย่างนั้นก็เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจของพวกเผด็จการผู้นำกองทัพ ว่าต้องให้พวกผม หมายถึงพวกผู้นำกองทัพ เข้ามาปกครองบ้านเมืองจึงจะสงบ จึงจะไม่มีการชุมนุมผิดกฎหมายกันอีก เพราะจะใช้กฎอัยการศึก ใช้คำสั่งคสช. ระบบแบบนี้เป็นระบบที่นำไปสู่การปกครองกติกาอย่างปัจจุบันนี้ที่ประชาชนไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง


วันนี้เรามารำลึกวีรชน10เมษา วีรชนเดือนพฤษภา เรามารำลึกเพื่อที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เขา แต่ว่าผมคิดว่าถ้าจะให้มีคุณค่ามีความหมายก็คือเรามานึกถึงเจตนารมณ์ของเขา เจตนารมณ์ของเขาต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ให้การเลือกตั้งมีความหมาย ไม่ใช่เลือกตั้งมาแล้วองค์กรอะไรก็ไม่รู้ ใช้คนชุมนุมเดินขบวน 7 องค์กรนี่ก็ล้มรัฐบาล ล้มรัฐบาลไม่ได้ก็ทำต่อกันไปจนกระทั่งยึดอำนาจ แบบนี้มันไม่ใช่ประชาธิปไตย เขาเรียกร้องเมื่อเดือนเมษาที่แล้ว พฤษภาที่แล้ว เสื้อแดงและนปช. และประชาชนเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ให้ประชาชนพิสูจน์


พรุ่งนี้ถ้ามีเลือกตั้ง การเลือกตั้งจะมีความหมายอย่างที่พี่น้องเสื้อแดงและประชาชนเมษาพฤษภาปี 53 เรียกร้องหรือไม่? ไม่มี ความหมายไม่เหมือนกัน เพราะขณะนี้การเลือกตั้งของประเทศไทยมันเป็นการเลือกตั้งโกหกจอมปลอม มันเป็นกติกาที่คน ๆ เดียวเลือกคนมาได้ 250 คน เท่ากับคน 19 ล้านคน คน 19 ล้านคนถึงจะเลือกผู้แทนมาได้ 250 คน อันนี้มันคน ๆ เดียวมันตั้ง 250 แล้วมาเลือกตัวเขาเองเป็นนายกฯ


เพราะฉะนั้นพี่น้องที่เคารพครับ เราจะรำลึกถึงวีรชน เรามาแสดงความเสียใจ อาลัย ให้กำลังใจญาติวีรชนเดือนเมษาพฤษภา เรามาบอกว่าความยุติธรรมยังไม่เกิด และเรามาบอกว่าระบบที่การบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรมยังคงอยู่ ระบบที่พร้อมจะทำลายเจตนาของประชาชนในการเลือกตั้งก็ยังอยู่ ระบบที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์มีเสียง ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเมื่อไหร่ก็ถูกปราบถูกทำร้าย ผู้ที่ปราบผู้ที่ทำร้ายก็ยังคงลอยนวลอยู่ได้ ไม่มีการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายใด ๆ เป็นระบบที่จะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง เป็นระบบที่จะต้องยกเลิกไป บ้านเมืองนี้จะต้องเป็นประชาธิปไตย ไม่ให้วีรชนเดือนเมษาพฤษภาเสียชีวิตไปเปล่า ๆ ต้องมาช่วยกันทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย ต้องทำให้รัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ให้ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริงครับ


#ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์