ศาลอาญาคดีทุจริตสั่งกกต.แจงถูกฟ้อง157และปม
“พิธา” ถือหุ้นสื่อ เลือกตั้งครั้งที่เเล้วตรวจสอบเจอหรือไม่
วันที่
8 สิงหาคม 2566 ที่
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา
ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.116/2566 ที่ นายยงยุทธ
เสาแก้วสถิต ทนายความยื่นฟ้อง นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการ กกต. กับพวกรวม 7
คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ของรัฐ
กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐโดยทุจริต เจตนาร่วมกัน
ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 วันนี้โจทก์และทนายโจทก์มาศาล โจทก์ยื่นคําร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ฉบับ 3
ส.ค.
ศาลพิเคราะห์คำร้อง
แล้วเห็นว่า โจทก์ตรวจสอบเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
พบรายชื่อประธานและ กรรมการการเลือกตั้งเหลือเพียง 6 คน
จึงเชื่อว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกเพียงแค่นั้น
ต่อมาตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานอื่นหลายหน่วยงาน
จึงพบข้อมูลที่ถูกต้องจากเว็บไซต์ของไทยพีบีเอส ในคอลัมน์ “เปิดประวัติ กกต.”
จึงทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานและ
กรรมการการเลือกตั้งรวม 7 คน
การระบุชื่อ นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย
เป็นจำเลยที่ 8 ตามคำร้องนี้
โจทก์บรรยายพฤติกรรมการร่วมกระทำความผิดของคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ครอบคลุมแล้ว
แสดงให้ เห็นว่าโจทก์มีเจตนาจะฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนเป็นจำเลย
เพียงแต่ไม่ได้ระบุตัวผู้ถูกฟ้องคดี ให้ครบถ้วน เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป
การขอแก้ไขฟ้องของโจทก์จึง ไม่ต้องห้าม
อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องแต่เพื่อความสะดวกในการพิจารณาของศาล ให้เรียก นายธวัชชัย
เทิดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 7 และให้เรียก นายแสวง บุญมี
จากเดิมจำเลยที่ 7 เป็นจำเลยที่ 8
ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์และรายงานเจ้าพนักงานคดีขั้นตรวจฟ้องฉบับลงวันที่
24 ก.ค. แล้ว เห็นว่าคำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียด
และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 8
พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐาน
ให้ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 จึงมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้อง
โดยระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดตัวบุคคล
เอกสาร หรือวัตถุตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้ง 8
กระทำผิดตามฟ้อง พร้อมเสนอหรือชี้ของพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงตามฟ้อง
โจทก์ รวมถึงพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1.
ให้โจทก์แก้ไข เพิ่มเติมคำฟ้องถึงชื่อ นามสกุล ที่อยู่
ให้ถูกต้องและเพื่อมิให้เป็น
การฟ้องคดีผิดไปจากบุคคลที่โจทก์ประสงค์ฟ้องคดีนี้ให้โจทก์ส่งสำเนาทะเบียนราษฎรของจำเลยทั้งแปด
ให้ครบถ้วน โดยแนบมากับคำฟ้องฉบับที่แก้ไขใหม่ต่อศาล
2. ให้เพิ่มเติมถึงระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่
1-7 ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด
และระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่
8 นับตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด
พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
3. ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งแปดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ
และเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเหตุใดและตามกฎหมายใด
พร้อมทั้งชี้ซ่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
4.
ให้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลยที่ 1-7 เป็น
รายบุคคลที่เกี่ยวพันกับการออกประกาศวันเลือกตั้ง
การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตร เลือกตั้ง
การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่การสืบสวน
ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ว่าเป็นหน้าที่ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด
พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
5.
ให้บรรยายเพิ่มเติมถึงการประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ออกแบบบัตรเลือกตั้งของเดิมเป็นอย่างไร
และที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศเป็นอย่างไรแตกต่างกัน อย่างไร
ส่วนใดที่ทำให้ประชาชนหรือโจทก์เกิดความสับสน พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้
ชัดเจนเพียงพอ
6.
จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ออกแบบบัตรเลือกตั้ง ตามฟ้องข้อ 2.1 เมื่อใด จำเลยแต่ละคนกระทำการอย่างใดบ้าง
และจำเลยที่ 1 ลงนามในวันใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
7. การกระทำของจำเลยทั้งแปดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไรพร้อมทั้ง
ชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
เห็นสมควรให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ (ครบกำหนด วันที่ 7
ก.ย.)
เพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีในการตรวจฟ้องโจทก์
เห็นควรมีหนังสือ ถึง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
พร้อมแนบสำเนาคำฟ้องและสำเนารายงานกระบวนพิจารณา ฉบับนี้
เพื่อให้ชี้แจงและกรณีมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องขอให้แจ้งรวมมาด้วย กับแนบระเบียบ
คำสั่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางภายใน 30 วัน
นับจากวันที่ได้รับ หนังสือ ดังนี้
1.
ประวัติเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 และ
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8
2.
จำเลยทั้งแปดมีหน้าที่ประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ออกแบบบัตรเลือกตั้งและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
หน้าที่ การสืบสวน
ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.
ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด
3.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ตอบหนังสือคัดค้านการยื่นคําร้องกล่าวหา
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของโจทก์ ฉบับลงวันที่ 26 พ.ค. หรือไม่อย่างไร
4.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศการแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ
และออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศให้ต่างจาก
การเลือกตั้งครั้งก่อนๆหรือไม่ เพราะเหตุใด ผู้ใดเป็นผู้ออกแบบและอนุมัติ
และเหตุใดจึงต้องมี
การแก้วิธีให้หมายเลขของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง
ให้แตกต่างจากหมายเลขพรรคที่ผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นสังกัดอยู่ในแบบ
การเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ
5.
มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนหรือไม่ เพราะเหตุใด และ
ภายหลังการเลือกตั้ง มีวิธีจัดการอย่างไรกับบัตรเลือกตั้งส่วนที่พิมพ์เกิน
6.
กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถือหุ้นบริษัทไอทีวี
จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ดำเนินการไต่สวน
ข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร มีการให้นายพิธา ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร
เพราะเหตุใด และใช้ ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและวินิจฉัยคำร้องนานเท่าใด
และได้นำคำสั่งของศาลฎีกา
คดีหมายเลขดำที่ ลต สสข 9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ลด สสข 24/2566 วันที่ 2 พ.ค.
ที่คืนสิทธิผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้แก่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์
มาพิจารณา หรือไม่ เพราะเหตุใด
7.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกี่สมัยและ
ในแต่ละสมัยมีการตรวจสอบคุณสมบัติในเรื่องถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 4.2 หมื่นหุ้น
มาก่อนหรือไม่ เหตุใดจึงมาพบภายหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. และ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เคยแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบมาก่อนหรือไม่
8.
ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส. ในเรื่องเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตรวจสอบไปยังนายทะเบียนบริษัทหรือ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ เพราะเหตุใด
และในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเอง
หรือมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะเหตุใด
ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคําพิพากษาวันที่ 25 ก.ย. เวลา 09.30 น.