เครือข่ายประชาชนฯ
บุก คลัง คัดค้านตัดสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เสนอ 5 ข้อเรียกร้อง
บ่ายมุ่งหน้าไปร้องเรียนที่มหาดไทยและพม.
วันที่
17 สิงหาคม 2566 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หน้ากระทรวงการคลัง
กลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ, เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม
(We Fair) และเครือข่ายสลัมสี่ภาค ได้เดินทางมาเรียกร้องคัดค้านการตัดสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผู้มีฐานะร่ำรวย
จากการประกาศปรับระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 โดยมีตัวแทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังมารอรับหนังสือร้องเรียน
ทั้งนี้
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่า จะต้องทำการยื่นหนังสือเรียกร้องกับมือนายกฤษฎา
จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เท่านั้น แต่ทางปลัดกระทรวงการคลัง
ไม่ได้ออกมาตาคำเรียกร้อง ทางผู้ชุมนุมจึงไม่ได้ทำการยื่นหนังแต่อย่างใด
และใช้วิธีพับหนังสือเรียกร้องเป็นจรวดและร่อนเข้าผ่านรั้วกระทรวงคลังแทน
จากนั้นเวลา
10.45 น. ผู้ชุมนุมได้เตรียมตั้งขบวน เคลื่อนไปยังที่หมายถัดไป คือ
กระทรวงมหาดไทย และช่วงบ่ายจะไปที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์ (พม.)
เป็นลำดับสุดท้าย
ทั้งนี้
ได้มีการแถลงการณ์ประชาชนต่อการตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า
ในห้วงยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี
รัฐบาลทหารยังคงรักษาการณ์ในช่วงดูกรุ่นของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กระทรวงมหาดไทย
อาศัยจังหวะฝุ่นตลบนี้ ออกหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
โดยเพิ่มคุณสมบัติการเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพเข้ามาเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการรับสวัสดิการเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ
ทั้งที่กว่าทศวรรษสวัสดิการรายเดือนของผู้สูงวัยถูกปรับให้ก้าวหน้าขึ้น
เปลี่ยนจากการสงเคราะห์คนยากไร้มาให้สิทธิอย่างถ้วนทั่วทุกคน ขอเพียงให้มีอายุ 60 ปี
และไม่ได้รับสวัสดิการ หรือบำนาญอื่นใดจากรัฐในลักษณะเดียวกัน
แต่จากการดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(พม.) กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ภายใต้การนำของรัฐบาลทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ไม่เคยเชื่อมั่นในระบบสวัสดิการถ้วนหน้า กลับลิดรอนลดทอนด้อยค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยการให้พิสูจน์ความยากจนเสมอมา แต่ทว่าขี้ขลาด ไม่เคยแสดงความองอาจและความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพลเมืองในประเทศนี้ให้อยู่ดีกินดีเลยสักครั้ง
“ยิ่งสังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น
รัฐควรต้องออกโรงมาปกป้องดูแลทรัพยากรมนุษย์
ผู้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศมาชั่วนาตาปี ด้วยการเพิ่มสิทธิสวัสดิการยกระดับคุณภาพชีวิต
ในฐานะพลเมือง ทรัพยากรบุคคลของประเทศ ในนามของพลเมือง
ที่จะได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบของทั้งกระทรวงมหาดไทย
และหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ” โดยมีขอเรียกร้องด้งนี้
1.
กระทรวงมหาดไทย ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2566 แล้วกลับไปใช้ระเบียบเดิม ซึ่งคงสิทธิถ้วนหน้า
โดยไม่ต้องพิสูจน์ความยากจน และตัดสิทธิการรับสวัสดิการซ้ำช้อนไว้แล้ว
2.
คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ต้องออกมาปกป้องสิทธิของผู้สูงอายุทุกคน
ไม่ให้ถูกลิดรอนต่ำลงไปกว่าที่เคยเป็น
ด้วยการไม่สนองตอบต่อหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. 2566
3.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ยกระดับการเปลี่ยนเบี้ยยังชีพให้เป็นบำนาญถ้วนหน้า ด้วยการออกเป็นกฎหมายรองรับ
ไม่ใช่ใช้หลักนโยบายการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามมติคณะรัฐมนตรี
4.
กระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ของตัวเองในการศึกษาตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
และหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ เข้ารัฐ
เพื่อเพิ่มรายได้มาเติมเต็มการจัดสวัสดิการให้กับประชาชนแบบถ้วนหน้า เช่น
การศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดเก็บภาษีความมั่งคั่ง ภาษีลาภลอย
ภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้น เป็นต้น
5. รัฐบาลใหม่ ต้องผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเรื่องรัฐสวัสดิการเป็นสิทธิแบบถ้วนหน้าบรรจุในกฎหมายให้ชัดเจน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เบี้ยผู้สูงอายุ
ที่กระทรวงการคลัง