“เศรษฐา” หารือทีมเศรษฐกิจ รทสช. ลั่น
ประชุมครม.นัดแรกถกลดราคาน้ำมันทันที ยันทำงานไม่มีหยุด ด้าน “สุพัฒนพงษ์”
บอกคุยวันนี้ยังไม่มีเสนอนโยบาย ชี้เรื่องพลังงานต้องคุยกับรมว.พลังงานคนใหม่
วันที่ 30 สิงหาคม 2566 เวลา 12.40 น.
ที่ พรรคสำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมคณะ เดินทางมายังพรรคเพื่อไทย เพื่อหารือนโยบายรัฐบาล
ร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะขั้นตอนในการลดราคาค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซลว่าสามารถลดราคาได้ตั้งแต่การประชุมครม.
นัดแรกเลยหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า จะประกาศทันที ขอให้รอนิดนึง
ยืนยันทำงานไม่หยุด มีการดูเรื่องนโยบายอื่นด้วย ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์
ก็ให้ความกรุณาและยินดีส่งไม้ต่อด้วยความราบรื่น
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา
เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า
เป็นเรื่องของการพูดคุยแลกเปลี่ยนมากกว่า ส่วนทางการบริหาร
ทางพรรคเพื่อไทยคงมาคุยกันอีกที เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ที่ นายกฯ 2 ท่าน ได้มาพบกัน
และสานต่อ เผื่อจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์ ที่ผู้นำประเทศ
ท่านนายกคนใหม่จะดำเนินการอะไรได้ อะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะมาเล่าสู่กันฟัง
เกี่ยวกับนโยบายที่จะเสนอต่าง ๆ
ส่วนประเด็นที่มีการมาพูดคุยแลกเปลี่ยนวันนี้กับพรรคเพื่อไทยเป็นประเด็นอะไรนั้น
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นประเด็นทั่ว ๆ ไป เมื่อถามว่าท่านนายกฯ
ได้มีการสอบถามเรื่องของพลังงานบ้างหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็มี
และบอกว่าทางกระทรวงพลังงานได้เตรียมไว้แล้ว คงมีการหารือกับกระทรวงพลังงานต่อไป
ตามขั้นตอนของการจัดตั้งรัฐบาล สำหรับความเป็นไปได้เรื่องการลดราคาพลังงานหลังจากที่รัฐบาลใหม่เข้ามามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้น
ก็คงต้องไปคุยกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เมื่อถามว่าสัญญาณการตอบรับจากพรรคเพื่อไทย
ในการพูดคุยวันนี้เป็นไปด้วยดีใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า
เป็นเรื่องของรัฐบาลรักษาการมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าจะส่งมอบหรือส่งต่อ
เป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลใหม่ ได้มาขอรับทราบสิ่งที่รัฐบาลรักษาการทำอะไรไว้บ้าง
ส่วนเรื่องการพิจารณาจะทำอะไรต่อไปนั้น ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ดำเนินการ
วันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เป็นการพูดคุย
หากรัฐบาลใหม่จะนำนโยบายของรัฐบาลรักษาการไปดัดแปลง หรือทำให้ดีขึ้น
เป็นนโยบายใหม่ของท่าน ก็สามารถทำได้ หลัก ๆ เป็นการพูดคุย
ไม่ได้เป็นลักษณะของการทำนโยบาย