‘พิธา’ ถาม ‘อนุพงษ์’
เอาเบี้ยบำนาญตัวเองไปตัดสินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนอื่น
เป็นวิธีคิดที่ถูกต้องหรือไม่ จี้แจงรายละเอียดให้ชัดเจน
15
สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. ที่ศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอแกลง จ.ระยอง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคก้าวไกล
เดินทางไปติดตามและให้กำลังใจผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลในการสมัครรับเลือกตั้ง
การเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง
โดยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อกรณีการแก้เกณฑ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
โดยพิธากล่าวว่า
สำหรับกรณีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เข้าใจว่าเป็นราชกิจจานุเบกษาจากกระทรวงมหาดไทย
ส่งลูกให้คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ เป็นเรื่องใหญ่และต้องสื่อสารให้ชัดเจน
เพราะไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งมีแต่จะต้องเพิ่มงบประมาณ
ไม่ใช่ตัดงบประมาณดูแลผู้สูงอายุ
“สิ่งที่เขาต้องการพูดว่ามีผู้สูงอายุ 11 ล้านคน
ใช้งบประมาณ 9 หมื่นล้านบาท เพราะยังไม่มีความชัดเจน
ตอนนี้ที่เราลงพื้นที่ระยองก็ยังมีความกังวลใจกัน ความชัดเจนเท่าที่เห็น
ผมอ่านจากบีบีซีไทยว่าการกระทำครั้งนี้ของรัฐบาลรักษาการจะสามารถลดลงประมาณ 5
ล้านคน ประหยัดงบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ผมฟังแล้วผมก็รู้สึกว่าจริง ๆ แล้วเรือดำน้ำก็ 3 หมื่นกว่าล้านบาท
แล้วความท้าทายในการใช้เรือดำน้ำต่อสู้แทบจะไม่มี
แต่ความท้าทายของสังคมสูงวัยที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ
เป็นสิ่งที่ต้องเพิ่มงบประมาณรับมือสังคมสูงวัย เทรนด์โลกเป็นแบบนั้น
น่าเสียดายที่สภาผู้แทนราษฎรยังไม่ได้เปิดและทำงานประชุมเต็มรูปแบบ
ยังไม่มีกระทู้ถาม ไม่เช่นนั้นจะให้
สส.ก้าวไกลตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีอนุพงษ์วันพฤหัสนี้
ว่าแท้จริงแล้วมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ใช้งบประมาณเท่าไร กระทบกี่คน
ทำไมไม่มีงบประมาณ และจะใช้กฎเกณฑ์อะไร จะตกสำรวจหรือไม่
และทำไมสวัสดิการถ้วนหน้าไม่ต้องพิสูจน์ความจนถึงทำไม่ได้ จึงขอฝากพี่ ๆ สื่อมวลชน
เหมือนเราตั้งกระทู้กันสด ๆ แบบนี้” พิธากล่าว
สุดท้าย
หัวหน้าพรรคก้าวไกลทิ้งท้ายถึงอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีรักษาการกระทรวงมหาดไทย
ว่าการเอาความรู้สึกของคนเป็นรัฐมนตรีว่ามีบำนาญเท่าไร
แล้วเอาไปตัดสินแทนพี่น้องประชาชน ชาวระยอง แกลง เขาชะเมา
เป็นวิธีกระบวนการคิดที่ถูกต้องหรือไม่