วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2566

“พิธา” โทรยินดี “เศรษฐา” นั่งนายกฯ แล้ว หวังกู้วิกฤตศรัทธาประชาชน ลุยทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบ เชื่อรัฐบาลทำงานยาก เหตุอำนาจต่อรองสูง ขณะรอดู ครม.

 


“พิธา” โทรยินดี “เศรษฐา” นั่งนายกฯ แล้ว หวังกู้วิกฤตศรัทธาประชาชน ลุยทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบ เชื่อรัฐบาลทำงานยาก เหตุอำนาจต่อรองสูง ขณะรอดู ครม.


วันที่ 25 สิงหาคม 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ช่วย โย พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.เขต 3 จ.ระยอง หาเสียงเลือกตั้งซ่อมท่ามกลางสายฝนว่า พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ยังมีหลายนโยบายที่ทำงานได้โดยการผลักดันกฎหมายเข้าสภา และยังมีกฎหมายสำคัญสำหรับชาวระยอง เช่น กฎหมายสิ่งแวดล้อม PRTR และกฎหมายแรงงาน ซึ่งจะเป็นการทำงานเชิงรุกเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับประชาชนได้เหมือนเดิม แม้ไม่ 100% แต่หวังว่าจะเป็นการปูทางเมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้ามาถึงจะสามารถซื้อใจประชาชนได้มากกว่าเดิมถ้าตั้งรัฐบาลได้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้


ส่วนกรณีที่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่แล้ว อยากจะฝากความหวังอย่างไรบ้างนั้น นายพิธา ระบุว่า ตนได้โทรศัพท์ไปยินดีและยืนยันกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยตัวเอง โดยได้ยินดีกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พร้อมยืนยันว่า วิกฤตของบ้านเมืองไม่ใช่แค่วิกฤตเกี่ยวกับเศรษฐกิจและวิกฤตเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และการศึกษาอย่างเดียว แต่เป็นวิกฤตศรัทธาของประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการได้ฟังเสียงของประชาชนจากการลงพื้นที่ เป็นสิ่งที่ผู้นำคนต่อไปต้องแก้ไข โดยการรวมความคิดของคนในชาติให้กลับมาอยู่เป็นปึกแผ่นเดียวกันได้ และได้ยินนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า จะเป็นนายกฯ ของประชาชน ก็อวยพรว่า ให้ทำได้อย่างนั้นจริง ๆ และตราบใดที่นายเศรษฐายังคำนึงอยู่ว่าอำนาจอธิปไตยสูงสุดเป็นของประชาชน แล้วทำหน้าที่โดยไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเด็ดขาด แต่ฟังเสียงของประชาชน เป็นตัวแทนของประชาชนได้เยอะ ๆ ก็เชื่อว่านายเศรษฐาจะทำได้


ส่วนการบริหารงานของรัฐบาลเศรษฐาจะทำงานได้ยากหรือไม่นั้น เนื่องจากมีการจับกันหลายขั้วและอาจจะมีการต่อรองกันสูง นายพิธา ระบุว่า คิดว่าคงยากเป็นพิเศษ ก็คงต้องดูโผ ครม. ที่ออกมา เท่าที่ติดตามดูในข่าวเห็นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย บอกว่า จะออกมาสัปดาห์หน้านั้น ตนก็อยากจะฟังในสิ่งที่ตนและนายเศรษฐาเคยพูดร่วมกันในเวทีดีเบตหลาย ๆ เวที ที่พูดเรื่องการปฏิรูปกองทัพ การสมรสเท่าเทียม และสุราก้าวหน้า ก็ต้องดูว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม


นายพิธา กล่าวต่อว่า คนที่จะมาดูแลกระทรวงต่าง ๆ จะเป็นใคร จะผลักดันได้จริงหรือไม่ ซึ่งก็ยังหวังว่า การกู้วิกฤตศรัทธาที่ตนมองว่าเป็นวิกฤตที่เข้ามาเพิ่มเติมตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จะเกิดการแก้ไขและเรียกวิกฤตศรัทธาให้กลับมาสู่การเมืองไทย ทั้งนี้ ส่วนตัวก็ยังยืนยันที่จะทำงานตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และปราศจากคอรัปชั่นให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้


อย่างไรก็ตาม หากดูหน้าตาของรัฐมนตรีตามโผ ครม. แต่ละกระทรวงที่ออกมาตอนนี้แล้ว มีความเป็นห่วงกระทรวงไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า เป็นห่วงทุกกระทรวง เพราะแต่ละกระทรวงมีปัญหาหลายเรื่อง อย่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีปัญหาเรื่องน้ำมันรั่วที่จังหวัดระยอง ทั้งในปี 2556 และปี 2565 จึงเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ และเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องทำงานแบบมหภาค ต้องมีทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวัฒนธรรม ต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งหลายอย่างก็เป็นห่วงว่าบุคลากรจะเหมาะสมหรือไม่ เพราะพอต่างพรรคกันการแก้ปัญหาไม่ใช่แค่ทีละกระทรวง แต่จะทำงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่กังวล


ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหมโควตาจะเป็นคนนอกไม่ได้มาจากพรรคการเมืองนั้น มีความกังวลหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า การตั้งรัฐมนตรีจะคนในหรือคนนอกไม่ได้สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่ และถ้ามีความคิดที่ตรงข้ามกันกับนิยามของความมั่นคงหรือจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติมีความมั่นคง กองทัพจะต้องมีความทันสมัยมากขึ้น เรื่องนี้จึงต้องมีบุคลากรที่เข้าใจ เรื่องนิยามทางความมั่นคงที่ท้าทายในศตวรรษที่ 21จริง ๆ ถึงจะทำได้ และทำอย่างไรให้ตรงกับศรัทธาของประชาชนที่เคยให้ไว้ และความท้าทายจากทั่วทุกสารทิศ ดังนั้นจะคนในคนนอกก็คงไม่สำคัญ สุดท้ายนายพิธา ยังบอกถึงกรณีพรรคอนาคตไกลที่เตรียมจดทะเบียนพรรคการเมือง ขอยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตไกล


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พิธา #ก้าวไกล