“ณัฐวุฒิ” ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย เปิดอกยอมรับว่าอยู่ต่อไม่ได้
ขอรับผิดชอบต่อจุดยืนที่ประกาศกับประชาชน เผย พรรคเพื่อไทยยัน “เศรษฐา” โหวตนายกฯ
ผ่านแน่
วันที่
21 สิงหาคม 2566 จากรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้เชิญ นายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มาสนทนากันถึงสาเหตุที่ก่อนหน้า (20 ส.ค.)
ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า “วิกาลเดียวดาย และยิ่งเดียวดายเมื่อปรากฏเงาหลังคนผู้หนึ่ง
คนเสเพลผู้ถูกขับจากสำนักเล่งฮู้ชง สุราอุ่นแล้ว ปิศาจสุราล้อมวง รสสุราซื่อสัตย์
ชาวยุทธ์บ้างเมามาย บ้างกู่ก้องถามไถ่ ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้า
มาถึงแล้ว” ซึ่งนายสรยุทธซักถามถึงที่มาที่ไปของโพสต์ดังกล่าว หมายความว่าอย่างไร?
โดยนายณัฐวุฒิ
กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าตนขอยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยตั้งแต่บัดนี้
แต่จะใช้คำว่าลาออกคงไม่ได้ เพราะตำแหน่งนี้ไม่ได้อยู่ในโครงสร้าง
จึงต้องใช้คำว่ายุติบทบาท ซึ่งมีการบอกกล่าวผู้ใหญ่ในพรรคตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม
2566 เมื่อสถานการณ์อาจจะมีแนวโน้มว่าอาจจะจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรคที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล
ตนมีความเข้าใจพรรคเพื่อไทยและไม่ได้โกรธเคือง และเมื่อถึงจุดนั้นตนคงจะอยู่ต่อในพรรคเพื่อไทยไม่ได้
นายณัฐวุฒิ
กล่าวว่า “เหตุการณ์เดินมาเรื่อย ๆ จนวันที่ 12 สิงหาคม
ก็ได้ติดต่อคุณเศรษฐา (ทวีสิน) ได้บอกกล่าวว่า
ผมคงจะอยู่ในพรรคหรืออยู่ในกระบวนการของรัฐบาลไม่ได้ บอกคุณเศรษฐา, คุณอุ๊งอิ๊ง
บอกผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนในพรรค ผมโทรเรียนท่านนายกฯ ทักษิณ ด้วย
เพราะท่านเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ และท่านเป็นคนก่อตั้งพรรคการเมืองนี้
รวมถึงท่านนายกฯ ปู ก็บอกทุกคนไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน เพียงแต่ว่าผมรอเวลาให้พรรคการเมืองที่ผมรัก
ให้บุคคลที่ผมรัก เดินมาอยู่ในจุดที่ไม่ได้เป็นสถานการณ์ที่กำลังยากลำบาก
แต่อย่างน้อยที่สุดก็กำลังเดินไปสู่การโหวตนายกรัฐมนตรี ผมถามคนสำคัญในพรรค
ก็ได้รับการยืนยันว่าคุณเศรษฐาผ่านการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีแน่ ๆ
คุณเศรษฐาปลอดภัยแล้ว”
ส่วนการกลับบ้านของ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนละเรื่องกับการจัดตั้งรัฐบาล
แต่มาลงวันเดียวกัน ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่กำลังพอดี ก่อนจะระบุต่อไปว่า
ตนเองไม่เคยเดินออกมาจากใครในวันที่เขาลำบาก รอจนทุกอย่างน่าจะเดินไปข้างหน้า
ขอส่งตรงนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ละคร นักเลงเขาไม่ทำแบบนั้น อย่าใช้คำว่าตัดขาด
เพียงแต่หลังจากนี้จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือร่วมทำกิจกรรมกับพรรคและรัฐบาล
ทั้งนี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า การที่มีพรรค 2 ลุง เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลเป็นเหตุผลสำคัญ
แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย
เพียงแต่วิถีการเมืองของตนเมื่อได้ประกาศกับประชาชนแสดงจุดยืนมาตลอด
จึงต้องรับผิดชอบสิ่งที่ยืนยันมา การตัดสินใจยุติบทบาทวันนี้ ยอมรับว่าการเดินออกมายาก
เพราะมีความผูกพัน ความรัก และความปรารถนาดี
พร้อมฝากบอกคนในพรรคเพื่อไทยและกองเชียร์ ไม่มีทางจะทำให้พรรคเสียหาย
ไม่ปาหินใส่หลังคาบ้านแม้ตนจะไม่เห็นด้วย เพราะคนต่อว่าพรรคเพื่อไทยมากแล้ว
อย่าให้ออกจากปาก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลย มองว่าถ้าร่วมรัฐบาลกับ 2 พรรคจะเดินยากมาก
แต่เมื่อเป็นการตัดสินใจภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็เอาใจช่วย
อยากให้เพื่อไทยทำสำเร็จ มีรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงกฎหมายต่าง ๆ
ที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุม และคิดว่าอาจจะหยุดการเมืองด้วยซ้ำ
คนเก่งคนใหม่มีมาก
นายสรยุทธ
สุทัศนะจินดา ถามว่าคิดจะไปอยู่กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ
ตอบว่าตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร อยากเป็นคนดูมากกว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยตนเอาใจช่วยให้เดินไปข้างหน้า
ขอให้พรรคเพื่อไทยทำตามที่รับปากกับประชาชน ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง
ๆ โดยเฉพาะ พ.ร.บ. ป.ป.ช. ที่ร่างเสร็จแล้ว รอวันเสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภาเท่านั้น
แม้จะเป็นงานที่ยากแต่ขอให้ทำให้สำเร็จ ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน สำหรับตนขอส่งตรงนี้
และเหตุผลที่ออกมาประกาศชัดเจนในวันนี้เพราะว่าพรุ่งนี้ (22 ส.ค.)
จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าคุณเศรษฐาจะผ่านการโหวตในที่สุด นายณัฐวุฒิกล่าว
สำหรับตนเองจากนี้ไปก็จะไปช่วยขายข้าวแกง
ชื่อร้าน “เยี่ยมใต้ South
Cuisine” ซึ่งเป็นร้านของภรรยา
ซึ่งอยู่บริเวณถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด จ.นนทบุรี ณัฐวุฒิ กล่าวในที่สุด