รบ.เพื่อไทย
สลายขั้ว!
อย่าพูดว่ามันต้องเจ็บปวดเพื่อได้สังคมใหม่ มันไม่ใช่! มันทำให้ความพยายามเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมใหม่ ยากลำบากขึ้น
[ถอดคำพูดฉบับเต็ม จากรายการ สับประเด็น ดำเนินรายการโดย อาร์ท เอกรัฐ
ตะเคียนนุช ทาง PPTV HD36 ออกอากาศเมื่อ
16 สิงหาคม 2566]
** การจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ อาจารย์นิยามอย่างไร?
**
เป็นรัฐบาลที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างผู้รักประชาธิปไตยกับผู้ที่สนับสนุนระบอบเผด็จการและการสืบทอดอำนาจไปแล้ว
ก้าวข้ามไปแล้ว เส้นมันดำรงอยู่ พรรคการเมืองอาจจะเรียกว่าเป็นขั้ว
แล้วบอกว่าสลายขั้ว แต่สำหรับประชาชน
การต่อสู้เพื่อให้ได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงมันมีมายาวนาน
เป็นมรดกตกทอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แล้วก็จะไม่ล้มเลิก คนเสื้อแดงเป็นส่วนหนึ่งในมรดกของการต่อสู้และประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน
แต่
ณ บัดนี้ ต้องพูดตรง ๆ นะ ความจริงก็ถือว่าเป็นมิตรสหายกัน มิตรร่วมรบ สหายร่วมศึก
แต่ว่าตอนนี้เขาเลิกรบ เท่ากับเราสูญเสียทัพใหญ่ของประชาชนไปหนึ่งทัพ เพราะว่าเขาได้ก้าวข้ามเส้นแบ่ง
พูดง่าย ๆ ว่าจากการอยู่กับต่อสู้ของประชาชนไปร่วมมือกับฝั่งที่เป็นฝั่งตรงข้ามของการต่อสู้ประชาชนไปเรียบร้อยแล้ว
**อาจารย์มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่น้องคนเสื้อแดง
หรือประเมินความรู้สึกภาพรวมใหญ่ ๆ ประเมินว่าอย่างไร? ไม่พอใจหนักเลย พอรับได้
หรือมีจุดใดที่รับได้บ้าง? **
อย่างที่บอกว่าเราต้องเข้าใจว่าคนเสื้อแดงมีหลายส่วน
ถ้าเป็นคนเสื้อแดงอุดมการณ์ที่ผ่านมาต่อสู้และรับมรดกของการต่อสู้มา
คนเสื้อแดงเหล่านี้เขาต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้อำนาจประชาชนจริง
คนเสื้อแดงเหล่านี้เขาก็จะยืนยัน
เขาไม่สนับสนุนในการที่จะไปจับมือกับฝั่งที่สืบทอดอำนาจรัฐประหารแน่นอน
เพราะนั่นคือเป็นปฏิปักษ์กับอุดมการณ์และการต่อสู้เรา
เท่ากับเราได้ทอดทิ้งสิ่งที่ต่อสู้มายาวนาน แล้วเราจะไปทวงความยุติธรรมที่ไหน
เพราะว่าเขาไปอยู่ด้วยกันแล้ว นี่เป็นเสื้อแดงในส่วนนี้
แต่ก็อาจจะมีเสื้อแดงอยู่จำนวนหนึ่ง
อาจจะเป็นแฟนคลับ อาจารย์ไม่ได้ด้อยค่าเขา เขาเป็นแฟนคลับ อาจจะมาทีหลัง หรือมีความผูกพันกับพรรค
หรือมีความผูกพันกับคุณทักษิณ ก็จะมีอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ว่าตัวเลขเหล่านี้
ถ้าเป็นวิทยาศาสตร์มันจะเห็นเลยว่ามันน้อยลงไปนับตั้งแต่มีพรรคทางเลือก
ดังที่อาจารย์เคยบอกแล้วว่าในปี 2554 หลังจากที่มีการฆ่าในปี 2553 เกิดการสลายการชุมนุมและนำไปสู่การเลือกตั้งปี
2554 คือคนเสื้อแดงทั้งหมดเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทย
แล้วออกมาเป็นประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ออกมาโหวต ประมาณ 45%
เลือกเพื่อไทย 15.7 ล้านเสียง คนมาเลือกตั้ง 35 ล้านคน
เราไม่พูดถึงเลือกตั้งบัตรใบเดียวนะ
อันนั้นประมาณ 7-8 ล้าน ข้ามมาเลย เอาบัตร 2 ใบ การเลือกตั้งรอบนี้ 2566
คนมาเลือกตั้ง 39 ล้านคน ปรากฏว่าเพื่อไทยได้คะแนนเสียง 27% จาก 45% เหลือ 27% ถ้าพูดเป็นตัวเลขก็ 15.7 ล้านคน เหลือ
10.9 ล้านคน เพราะฉะนั้นตัวเลขมันลงมาเยอะมาก
แสดงให้เห็นว่าคนเสื้อแดงยังมีการต่อสู้อยู่ในรูปการณ์จิตสำนึกอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น
เมื่อมีทางเลือกที่คิดว่าตอบโจทย์ตัวเอง เพราะว่าเขาต้องการเปลี่ยนประเทศไทย
คนเสื้อแดงไม่เคยออกมาเรียกร้องทางเศรษฐกิจ เขาไม่ได้ต่อสู้ทางเศรษฐกิจนะ
เขาต่อสู้ทางการเมือง ดังนั้น เราก็จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงคะแนนเสียง
** อาจารย์ประเมินให้หน่อย การเดินหน้าไปข้างหน้าว่ามันมีโอกาสจะลดลงไปมากขนาดไหน?
**
ถ้าเป็นคนเสื้อแดงซึ่งส่วนใหญ่นะ
ในทัศนะอาจารย์เป็นคนส่วนใหญ่
เพราะเราได้ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ของการต่อสู้ไว้หมดแล้ว เขาไม่เคยออกมาต่อสู้เรื่องเศรษฐกิจเลย
ต่อสู้เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างเดียว อาจารย์ว่าคนส่วนนี้จะรับไม่ได้เกือบหมดเลย
ยกเว้นคนที่เฉดของการต่อสู้น้อยกว่า
แต่ว่าเป็นเฉดความรักและความเชื่อในพรรคมากสักหน่อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด
เราก็ไม่ได้ด้อยค่า เพราะว่ามันต่างกันได้ ฉะนั้นเดินไปข้างหน้า
คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะต้องใช้แนวทางแบบบ้านใหญ่เหมือนเดิม แต่มาถือธงของฝ่ายอนุรักษ์นิยมแล้วคือมาแย่งตลาดฝั่งอนุรักษ์นิยม
เพราะตลาดเสรีประชาธิปไตยก็จะไม่ใช่แล้ว อาจจะมีพรรคใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้
เพราะตลาดมันใหญ่ ตลาดนี้มีคนรุ่นเก่าไปจนถึงคนรุ่นใหม่ 100% เพราะฉะนั้นตลาดอนุรักษ์นิยมนี้ตอนนี้มันจะเหลือ
20% เพราะรอบนี้รวมกันมันประมาณ 70 กว่าเปอร์เซ็นเป็นฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
** อารมณ์ความรู้สึก “สลายขั้ว” ไปไหวมั้ยครับ
คือคำว่า “สลายขั้ว” มันใช้ได้กับพรรคการเมือง แต่ว่าประชาชนใช้ไม่ได้ เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องมิติการต่อสู้ของประชาชน ประมาณว่าภาษาเดียวกันหมด “ก้าวข้ามความขัดแย้ง-สลายขั้ว” ความจริงอาจารย์ก็เป็นห่วงพรรคเพื่อไทย ที่เตือนมาก่อน ๆ หน้านี้เป็นการเตือนด้วยความหวังดี ไม่ว่าจะเป็นตอนแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ก็คิดไม่เหมือนกัน เพราะว่าของอาจารย์มองว่ามันมีความขัดแย้งมาก ดังนั้นต้องเลือกสสร.ทั้งหมด แล้วสสร.ไปตั้งกรรมการร่างฯ ไม่ใช่รัฐบาลตั้ง จากนั้นโยนให้เป็นสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แต่ว่าต่างกัน ของพรรคเพื่อไทยคือพรรคตั้งกรรมการร่างฯ แล้วสสร.โหวตยกมือ แล้วถ้าตอนนั้นมีการเลือกตั้งจริงตามรัฐธรรมนูญแบบนปช.นะ อาจารย์ว่าเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้นนะ เพราะว่ามีการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 แล้วก็สสร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ทุกคนก็ลงสู่กติกา ที่ดีกว่าเดิม
เรื่องนิรโทษกรรม
อาจารย์บอกว่ามันไม่ได้ อันนั้นอาจารย์รู้ว่ามันไม่ได้ นปช.เสนอเป็นพระราชกำหนดด้วยซ้ำ
นิรโทษเฉพาะประชาชน ไม่ใช่แกนนำ เพราะเรารู้ว่าประชาชนแต่ละข้างเจ็บปวด
ฝ่ายที่เป็นเสื้อเหลืองก็ไม่ต้องการนิรโทษให้คุณทักษิณ ส่วนคนเสื้อแดงต้องการช่วยคุณทักษิณ
แต่ก็ไม่ต้องการนิรโทษให้ฝั่งที่ฆ่าประชาชน มันไม่ใช่เพราะฆ่าคนเสื้อแดงอย่างเดียวนะ
มันก็จะฆ่าประชาชนไปเรื่อย ๆ นี่คือความขัดแย้งจริง
แต่ว่าแกนนำและผู้นำต้องเสียสละ แต่ในที่สุดมันก็ออกมาเป็นสุดซอย
อันนี้ก็คือไม่เชื่อเรา แต่ว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้ลุกขึ้นมาต่อต้านนิรโทษสุดซอยและกปปส.นะ
เขาทำอยู่ข้างเดียวจนกระทั่งรัฐบาลพัง ที่สำคัญคือนำไปสู่การทำรัฐประหาร
อีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่อง
ICC เรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศ อาจารย์ไป ICC มา
แล้วอาจารย์ก็บอกกับทางพรรคเพื่อไทย คือกว่าจะให้ ICC เขารับเรื่องได้
ไม่ใช่ง่ายนะ จนกระทั่งอัยการ ICC มาถึงแล้วก็ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศเซ็น
เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา 6 ไม่ถึงพระมหากษัตริย์เลย เป็นเฉพาะกรณีปี
2553 ให้เขามาแค่สำรวจตรวจสอบ แล้วถ้ากระบวนการยุติธรรมของศาลไทยเป็นไปได้ด้วยดี
เขาก็ไม่ต้องมายุ่งเลย เพียงแต่ว่าเขามาตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ในขั้นต้นก่อน ทางรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเขาก็ไม่ยอมเซ็น
เราทำเพราะเราเกรงไปว่าความยุติธรรมสำหรับประชาชนมันจะไม่เกิดขึ้น
และมันจะมีการฆ่าประชาชนอีกต่อไป นี่คือ 3 เรื่องใหญ่ ๆ
มาในสถานการณ์ปัจจุบัน
เพราะตั้งแต่ต้นอาจารย์มองดูอาการออกแล้วว่าพรรคเพื่อไทยเองตอนแรกก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ว่าไม่เอาลุง
เพราะเขาคงไม่แน่ใจว่าผลสุดท้ายการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร
แต่อาจารย์มองแล้วว่าการที่เขาวางโจทย์เรื่องเศรษฐกิจ
ในฐานะนักต่อสู้และคนเสื้อแดงที่สู้มายาวนาน เรารู้ว่ามันไม่ตอบโจทย์ประเทศ
ไม่ตอบโจทย์ประชาชน ไม่ตอบโจทย์คนเสื้อแดง ซึ่งต้องการเปลี่ยนแปลง
อาจารย์เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้พรรคเพื่อไทยเขาก็รู้แล้วว่าประชาชนและคนเสื้อแดงต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
มันไม่ใช่การทำงานแบบสังคมสงเคราะห์ เอาเงินไปแจก เพราะฉะนั้นกระเป๋าเงินวอลเล็ต 1
หมื่น มันก็ยังไม่สามารถทำให้แลนด์สไลด์ได้
มันพิสูจน์ให้เห็นว่าหัวใจประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง
** คุณภูมิธรรมพูดว่าเราต้องมีการสลายขั้ว ยอมเจ็บปวด ยอมกลืนเลือด ไปสู่สังคมใหม่
อาจารย์จะท้วงเรื่องนี้ **
ใช่
ขอท้วงเรื่องนี้ คำพูดนี้ อาจารย์ในฐานะคนรุ่นเก่า ภาษานี้มันเป็นภาษาของฝ่ายก้าวหน้า
สังคมที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมใหม่มันต้องผ่านการเจ็บปวดเหมือนการคลอด
ให้ได้สังคมใหม่ที่ก้าวหน้า
แต่ว่าที่เพื่อไทยกำลังทำนี้มันไม่ได้ไปสู่สังคมใหม่ที่สวยงามของประชาชนนะ
เพราะมันไม่ใช่สังคมที่ก้าวหน้า การที่คุณไปร่วมอยู่กับกลุ่มขั้วรัฐบาลเดิม เราเคารพในความเชื่อที่ต่าง
แต่ในฐานะประชาชนที่ต่อสู้มายาวนาน การที่คุณเปลี่ยนกลับ
แทนที่จะอยู่ในฝ่ายที่ต่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตย อันนี้เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ดังนั้น
อย่าพูดว่ามันต้องเจ็บปวดเพื่อได้สังคมใหม่ แล้วคุณคิดว่าที่คุณไปร่วมนี่คุณได้สังคมใหม่ที่ดีกว่าเดิมเหรอ?
มันไม่ใช่นะ มันจะทำให้ความพยายามเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมใหม่ยากลำบากขึ้น
เพราะเราเสียทัพใหญ่ไปเลยหนึ่งทัพคือพรรคเพื่อไทย มันก็เหลือทัพน้อยลง แต่อาจารย์คิดว่าในทัพน้อยลงนี้
ประชาชนจะมากขึ้น ปัจจุบันก็ 70 กว่าเปอร์เซ็น นี่ไม่ใช่พูดซ้ำเติมนะ
แต่เรากำลังพูดความจริง
รับชม
รายการสับประเด็น
EP.117
(1/2) ลิ้งค์ https://www.youtube.com/watch?v=rq1QUmkUVQ0
EP.117
(2/2) ลิ้งค์ https://www.youtube.com/watch?v=ywVxvJyHIFo&t=16s
ขอบคุณ
PPTV HD36
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #จัดตั้งรัฐบาล #เพื่อไทย #สลายขั้ว #คนเสื้อแดง