วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566

“เศรษฐา” โต้ “ชูวิทย์” ยันบริหารแสนสิริอย่างมีธรรมาภิบาล ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลพิสูจน์

 


"เศรษฐา" ทวิตโต้ "ชูวิทย์" ยันบริหารแสนสิริอย่างมีธรรมาภิบาล ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูลพิสูจน์

วันที่ 16 สิงหาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้ทวิตข้อความตอบโต้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ประเด็นการซื้อขายที่ดิน ซึ่งยืนยันว่าการบริหารบริษัทแสนสิริจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและผู้ถือหุ้น ตลอดจนสังคมทั่วไป ตนยินดีและพร้อมให้ตรวจสอบ ขณะเดียวกันหากการตรวจสอบมีเจตนาบิดเบือนและนำเสนอข้อมูลเท็จ ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ข้อความที่นายเศรษฐาโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ มีความว่า

ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลง สุขุมวิท 55 ที่ปัจจุบันคือโครงการ คุณ บาย ยู และทางบริษัทแสนสิริได้ออกแถลงการณ์ข้อเท็จจริงแล้วนั้น

ผม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเคยบริหารแสนสิริมากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับ เชื่อถือ จากทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคมทั่วไป น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าบริษัทแสนสิริได้ถูกบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล

การตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจนาที่บริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น

การกระทำใด ๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบเป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง