วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566

‘ก้าวไกล’ ยืนยันเสนอญัตติทบทวนมติรัฐสภากรณีสภาโหวตนายกฯ ต่อไป ย้ำสภาควรแก้ไขกันเองได้ ทำเรื่องที่ถูกต้องให้เป็นบรรทัดฐาน ไม่ต้องพึ่งองค์กรภายนอก

 


ก้าวไกล’ ยืนยันเสนอญัตติทบทวนมติรัฐสภากรณีสภาโหวตนายกฯ ต่อไป ย้ำสภาควรแก้ไขกันเองได้ ทำเรื่องที่ถูกต้องให้เป็นบรรทัดฐาน ไม่ต้องพึ่งองค์กรภายนอก

 

วันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และ โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีสภาโหวตเลือกนายกฯ เนื่องจากผู้ร้องเรียนไม่ใช่บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ไม่อาจใช้สิทธิยื่นคำร้องเรียนได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213

 

รังสิมันต์กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้พิจารณาในเนื้อหาสาระข้อเท็จจริง แต่ยกเรื่องเทคนิคกระบวนการมาเป็นเหตุผล สำหรับพรรคก้าวไกลยืนยันโดยตลอดว่ากรณีเช่นนี้ สภาควรแก้ไขปัญหากันเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้องค์กรภายนอกอย่างศาลรัฐธรรมนูญเข้ามา อะไรก็ตามที่ทำไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดไป สภามีอำนาจแก้ไขปรับปรุง จึงเป็นที่มาที่ทำให้พรรคก้าวไกลเสนอญัตติเพื่อให้สภาทบทวน ว่าการที่สภาเคยมีมติว่าญัตติที่เสนอพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลซ้ำ ไม่สามารถทำได้นั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องทางกฎหมาย

 

ดังนั้น ในโอกาสที่จะมีการเลือกนายกฯ ต่อไป พรรคก้าวไกลขอยืนยันจะเสนอญัตตินี้ต่อไป และหวังว่ากระบวนการนี้จะทำให้สภาได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยยืนยันว่าไม่ใช่การตีรวนทางการเมือง

 

สถานะแคนดิเดตนายกฯ เป็นสถานะตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่พอเสนอกันไปแล้วไม่ผ่านในรอบแรก จะบอกว่าสถานะนั้นไม่มีอีกแล้ว การพิจารณาแบบนี้เป็นการเล่นการเมือง โดยไม่พิจารณาอยู่บนข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การพิจารณาแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นใคร หากรอบนี้ไม่ผ่าน รอบต่อไปก็เสนอได้” รังสิมันต์กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ พิธาจะยื่นคำร้องเองในฐานะบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือไม่ รังสิมันต์กล่าวว่า ไม่ยื่นแน่นอน แม้พรรคก้าวไกลจะเป็นเป้าของการไม่ให้เสนอนายกฯ ซ้ำ แต่เรายืนยันมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นกิจการของสภา จึงต้องการใช้กลไกของสภาในการทำสิ่งที่ถูกต้อง

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หรือเพื่อให้พิธากลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ อีกครั้ง ไม่ว่าแคนดิเดตเป็นใคร จะได้ประโยชน์จากข้อเสนอของพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น เว้นเสียแต่บางกลุ่มบางพวกต้องการวางหมากให้การเสนอนายกฯ เกิดขึ้นได้ครั้งเดียว ซึ่งไม่ใช่เจตนาที่ดีแน่ ๆ โดยอาจแบ่งเป็น 2 กรณี หนึ่งคือเพื่อให้พรรคก้าวไกลไม่ผ่านหรือพรรคการเมืองบางพรรคไม่ผ่าน แล้วหวังว่าตัวเองจะได้ประโยชน์ และสอง เป็นการปูทางไปสู่นายกฯ คนนอก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย” รังสิมันต์กล่าว

 

นอกจากนี้ รังสิมันต์ยอมรับว่า สถานะของญัตติดังกล่าวมีปัญหา เพราะแม้ตามกระบวนการมีผู้รับรองถูกต้อง และไม่มีอำนาจในข้อบังคับฯ ที่ให้ประธานวินิจฉัย ซึ่งประธานชี้แจงว่าให้รอศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่มีข้อกฎหมายเช่นกันว่าระหว่างที่รอ จะทบทวนไม่ได้ ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมาย

 

อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่าเป็นเจตนาดีของประธานรัฐสภา ที่ต้องการให้กระบวนการมีความชัดเจนก่อนแต่หากพิจารณาด้วยเหตุผล หากเรื่องนี้กลายเป็นบรรทัดฐาน หากรอต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีความชัดเจน จะสร้างความเสียหายแก่บ้านเมือง เพราะการเสนอชื่อบุคคลในรัฐสภานั้นไม่ได้มีแค่ตำแหน่งนายกฯ และหากเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำไม่ได้ อาจทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ทำลายประชาธิปไตย ทำลายการเมืองแบบรัฐสภา ทำลายความหวังของพี่น้องประชาชน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์