มติที่ประชุมสส.เพื่อไทยเสนอ
“เศรษฐา” เป็นนายกฯ ระบุมั่นใจเสียงโหวตเกิน 375 แม้ “ก้าวไกล” ไม่โหวตให้
วันที่
15 สิงหาคม 2566 ที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน
ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม
เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย
นายแพทย์ชลน่าน
กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้ซึ่งสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย
และ สส. ของพรรคจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้ง 141 เสียง
รวมถึงเสียงของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็มีทิศทางไปในทางเดียวกัน
และมั่นใจว่าจะมีเสียงเกิน 375 เสียงขึ้นไป
โดยกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีคาดการณ์ว่าจะเป็นวันที่ 18 หรือ
21 สิงหาคมนี้ ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภากำหนด
ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติไม่ส่งผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อมจังหวัดระยอง
เนื่องจากได้ประเมินสถานการณ์ พื้นที่ และเสียงสนับสนุน
ที่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้
และการส่งผู้สมัครครั้งนี้ อาจจะมีประเด็นความเห็นต่างในมิติการเลือกตั้งและภาพรวมทางการเมือง
ทั้งผู้สมัครเดิมของพรรคเมื่อการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา ได้คะแนนเป็นลำดับที่
4 โอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคงเป็นไปได้ยาก
หากจะต้องส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง พรรคจะต้องเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้
ต่อกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติไม่โหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีท่าทีใด
เพราะถือมิติการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างมี พรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจ
และขอตอบอย่างจริงใจว่าไม่มีความขัดแย้ง
ซึ่งตั้งแต่มีข้อเสนอและพบปะพูดคุยกับพรรคก้าวไกลล่าสุด
ประเมินสถานการณ์การเมืองตลอด ยอมรับว่าโอกาสยากที่ก้าวไกลจะยกมือให้เพื่อไทย
นายภูมิธรรม
กล่าวเพิ่มว่า หากพรรคก้าวไกลโหวตให้ก็ขอบคุณ หากไม่โหวตก็ถือเป็นเอกสิทธิ์
ขณะที่การรวมรวมเสียงนั้นได้เกิน 375 เสียงแน่นอน
หากโหวตได้นายกรัฐมนตรีและมีการโปรดเกล้าฯ ก็พร้อมจัดตั้งรัฐบาลมาแก้ไขปัญหา
เชื่อมั่นว่านายเศรษฐา ทวีสิน จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนจะมีพลังประชารัฐหรือรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ต้องรอความชัดเจนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ซึ่งจากการหารือกันมีความคืบหน้าเรื่อย ๆ
และเท่าที่คุยกับพรรคร่วมทุกพรรคมุ่งเป้าหมายโหวตนายกรัฐมนตรี
หากโหวตเสร็จจะคุยการแบ่งกระทรวงภายใต้กรอบวิกฤตการณ์ และการบริหารแต่ละกระทรวง
รวมถึงต้องหาคือกันถึงประเด็นการคุมกระทรวงเดิมของพรรคร่วมนั้นภายใต้กรอบวิกฤต 3 อย่าง และจากที่คุยบรรยากาศเป็นไปด้วยดี
ส่วนกรณีนายชูวิทย์
กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉนายเศรษฐา เกี่ยวกับความไม่สุจริต เรื่องนี้อาจกระทบเสียง
และการตัดสินใจของสว. หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนรู้จักนายชูวิทย์ดี ว่า
สามารถนำเสนอประเด็นได้เรื่อย ๆ แต่คุณสมบัติของเศรษฐาก็เป็นไปตามระเบียบ
ถ้าผ่านกระบวนการมาเรียบร้อยแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา
และเมื่อมีการรับรองแล้วจะมีคนเห็นเหมือน หรือเห็นต่างอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #โหวตนายก #จัดตั้งรัฐบาล