'เบญจา-โรม-วิโรจน์' แท็กทีมปราศรัยเดือด ถล่มรัฐบาลประยุทธ์พาประเทศถึงปากเหว
ย้ำแก้ปัญหาปากท้องพร้อมแก้การเมืองทำได้ ขอชาวปทุมธานีกา ‘ก้าวไกล’
ให้ประเทศเปลี่ยน การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
วันที่
17 มีนาคม 2566 ที่ตลาดจัมโบ้ คลองสาม จ.ปทุมธานี
พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยแนะนำแนวนโยบายพรรคก้าวไกล และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร
ส.ส. จ.ปทุมธานี ครบทั้ง 7 เขต
เบญจา
แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ในเดือนพฤษภาคมปีนี้
จะครบ 9 ปีที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครองอำนาจ ถือเป็น 1 ทศวรรษที่สูญหาย สูญเสีย และสิ้นหวังของสังคมไทย
"9
ปีภายใต้ระบบนายทุน ขุนศึก ศักดินา เสนาพาณิชย์
พวกเขานำเรามาถึงปากเหวในทุกๆ ด้าน มองไม่เห็นอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ
สาธารณสุข การศึกษา สิ่งแวดล้อม" เบญจากล่าว
เบญจา
กล่าวว่า ตลอด 4
ปี การทำงานของ ส.ส. พรรคก้าวไกลในสภาฯ สมัยแรก ได้พิสูจน์ทุกอย่าง
เราขยับความก้าวหน้าได้หลายเรื่อง
และเราจะทำได้มากกว่านี้หากมีพลังของประชาชนหนุนหลัง ดังนั้น ในอีกไม่ถึง 60
วันข้างหน้า
พี่น้องประชาชนจะมีโอกาสได้ใช้สิทธิกำหนดอนาคตของตัวเองอีกครั้ง
ขอให้ออกไปเลือกพรรคก้าวไกลเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้การเมืองดี ปากท้องดี
มีอนาคต เรายืนยันว่าปัญหาปากท้องกับการเมืองเกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องเดียวกัน
ไม่สามารถแก้เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยลำพัง
เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครมาพูดโกหกว่าต้องแก้เรื่องนั้นก่อนเรื่องนี้ก่อน
เพราะเราทำทั้งสองเรื่องไปพร้อมกันได้
ต่อมา
รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ปราศรัยว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าลงพื้นที่กี่จังหวัด
เจอปัญหาเดียวกันคือ ‘ของแพง ยาบ้าถูก’ เป็นปัญหาใหญ่ ที่กำลังทำลายลูกหลานของเรา
พอไปดูว่ายาเสพติดส่วนใหญ่มาจากไหน ก็พบว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งที่มีด่านเต็มไปหมด แต่ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่จัดการให้เด็ดขาด
ที่เป็นแบบนี้เพราะมีคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มาเกี่ยวข้องกับการเมือง มี
‘คนทรงเอ’ ที่เกี่ยวข้องกับนายกฯ
รวมถึงเกี่ยวข้องกับที่ทำการของพรรคการเมืองบางพรรคใช่หรือไม่
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า
วันนี้มีข่าวลือว่าจะมีการยุบสภาในวันที่ 20 มีนาคม เหลือเวลาก่อนเลือกตั้งอีกไม่นาน
แต่เราจะทำให้แผ่นดินที่งดงามกลับคืนมา อย่างน้อยวันนี้ตนทำให้ ส.ว.
คนหนึ่งน้ำตาไหล เพราะการทำหน้าที่ตรวจสอบของตนในฐานะ ส.ส. ฝ่ายค้านในประเด็น
‘ส.ว.ทรงเอ’ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ได้เป็น
ส.ว. ก็เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ เลือก และ ส.ว. ก็กลับมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์
เป็นนายกฯ
สุดท้าย
ตนกังวลว่าเรื่องนี้ จะมีคนอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดการล้มคดี
ซึ่งจะทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม
ต่อไปใครจะเชื่อว่ากฎหมายมีความเสมอภาคเท่าเทียม การเลือกปฏิบัติเรื่องการออกหมายจับ
ว่าคนนั้นคนนี้ต้องมีขั้นตอนพิเศษ
จะทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่าเขาจะมีสิทธิพิเศษแบบนี้บ้างหรือไม่
“ท่านจะบอกว่าผมเป็น ส.ส. ต้องได้รับการปฏิบัติเหมือนท่าน เรื่องนี้ตลกร้าย
เพราะผมเคยถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อมูลนิธิป่ารอยต่อ น่าแปลกใจที่คดีเล็กๆ
แบบนี้ แต่ผมยังถูกออกหมายจับ ส่วนที่บอกว่าหลักฐานแชทที่ผมใช้ในการอภิปราย
มีเอกสารปลอมหรือแปลผิด ก็ชี้มาเลยว่าส่วนไหนที่ผิด” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวว่า
นอกจากกรณี ส.ว.ทรงเอ ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ยังมีปัญหาทุนจีนสีเทา ธุรกิจมืด
แก๊งคอลเซนเตอร์ เพื่อจะแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ เราต้องการพรรคการเมืองที่เป็นพลังใหม่
เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง กล้าแก้ปัญหาที่ต้นตอ นี่คือคุณสมบัติของพรรคก้าวไกล
"หากพรรคการเมืองยังเป็นแบบที่เป็นอยู่ การเมืองไทยจะไม่มีวันเปลี่ยน
เรายอมรับไม่ได้ พรรคการเมืองอะไรก็แล้วแต่ ที่จะต้องไว้ชีวิตไม่แตะ 1 ป. เพื่อกำจัดอีก 1 ป. เพราะทั้ง 3 ป. นั้นเลวร้ายพอกัน" รังสิมันต์กล่าว
ด้าน
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปราศรัยช่วงหนึ่งว่า 3 ป.
คือความล้มเหลวแบบครบวงจร ตอนนี้ประเทศมีปัญหาเยอะมาก ทั้งทุนจีนสีเทา ยาเสพติด
แก๊งค้ามนุษย์ ค่าไฟแพงเอื้อทุนพลังงาน ประชาชนต้องรับภาระ ตำรวจดีไม่มีที่อยู่
และน่าแปลกที่เรามี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ไว้ปราบปรามคนเห็นต่าง
แต่ไม่เคยปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ได้
น่าตั้งคำถามว่าเป็นเพราะมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของใครหรือไม่
"เวลาย้อนกลับมาไม่ได้ ถ้าเรายอมอีก 4 ปี จะรวมเป็น 12
ปี นานขนาดเด็ก ป.6 กลายเป็นผู้ใหญ่
โตขึ้นมาบนแผ่นดินที่สูญเปล่า เขาไม่ได้แค่ขโมยเวลา แต่สังขารก็เอากลับมาไม่ได้
ดังนั้น ต้องกาก้าวไกลเพื่อความเปลี่ยนแปลง ขอยืนยันเหมือนที่ทุกคนเห็นมาแล้วว่า
ส.ส.พรรคก้าวไกล ชัดเจนที่สุด พร้อมยืนหยัดปกป้องเพื่อผลประโยชน์ประชาชน”
วิโรจน์กล่าว