“พิธา” ขอบคุณทุกความไว้วางใจ ดันขึ้นที่หนึ่งนิด้าโพล กทม. เชื่อ
เป็นพลังขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลง ย้ำ จุดยืนไม่หยุดแค่เปลี่ยนตัวนายกฯ
แต่ต้องรื้อโครงสร้างเปลี่ยนประเทศ
วันนี้
(26 มี.ค. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในประเด็นการเมือง ก่อนการร่วมรณรงค์หาเสียงในจังหวัดนนทบุรี
ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 8 เขตตลอดทั้งวันนี้
พิธา
ได้ตอบคำถามกรณีที่นิด้าโพล ได้ออกผลสำรวจความเห็นคนกรุงเทพมหานครเมื่อเช้านี้ ที่ให้ความไว้วางใจพิธามาเป็นอันกับหนึ่งของบุคคลที่ชาวกรุงเทพต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยระบุว่าความไว้วางใจของพี่น้องชาวกรุงเทพฯ มอบให้ตามผลสำรวจของนิด้าโพล
สอดคล้องกับโพลภายในของพรรคเองที่มีการสำรวจมา
ซึ่งตนต้องขอขอบคุณทุกความไว้วางใจที่ได้มอบให้แก่ตน
และทุกการสนับสนุนจะเป็นพลังที่ร่วมผลักดันการทำงานของตนและพรรคก้าวไกลในการเปลี่ยนแปลงต่อไป
สำหรับจังหวัดนนทบุรีที่พรรคก้าวไกลมารณรงค์หาเสียงในวันนี้
เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ เราได้รับความไว้วางใจจากชาวนนทบุรีทั้งสิ้น 1.7 แสนคะแนน
เป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ ที่ผู้สมัครทั้ง 8 เขตมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งช่วงโควิด และช่วงที่มีปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดที่มีปัญหาน้ำท่วมกระทบพื้นที่เศรษฐกิจมากที่สุดในประเทศไทย
และวันนี้ตนจะได้ไปพบปะกับพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดนนทบุรี
ที่มีปัญหาหนี้สินเยอะเป็นพิเศษ
ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลจะเข้าไปพบปะนำเสนอนโยบายด้านการเกษตร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนี้ ธกส. นโยบายโซลาร์เซลล์ ธนาคารต้นไม้ เป็นต้น
ส่วนความนิยมในอนาคตนั้น
คาดได้ว่าจะเพิ่มขึ้นไปตามการทำงานที่ต่อเนื่องของพรรคก้าวไกล
ซึ่งจากจุดนี้ไปเราจะใช้เวลาช่วงที่เหลืออยู่นี้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
เข้าหาพบปะประชาชนต่อเนื่อง รวมทั้งย้ำนโยบายและจุดยืนการทำงานแบบพรรคก้าวไกลที่ต่างจากพรรคอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ในความชัดเจน ตรงไปตรงมา กล้าคิดกล้าทำ รวมถึงการที่พรรคก้าวไกลเน้นย้ำเสมอ
ว่าโจทย์ของการเลือกตั้ง 14
พ.ค. คือการเปลี่ยนแปลงประเทศและรื้อโครงสร้าง
มากกว่าแค่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตนต้องขอความช่วยเหลือไว้วางใจจากทุกคนที่เชื่อในสิ่งเดียวกันกับเรา
ให้ร่วมเป็นหัวคะแนนธรรมชาติ
ช่วยกันสื่อสารเจตจำนงนี้ของพรรคก้าวไกลออกไปให้ประชาชนได้รับรู้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวยังถามต่อไปถึงกรณีการเปิดตัว
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ซึ่งพิธาได้กล่าวว่าตนไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
เพราะอย่างที่บอกไป ว่าสำหรับพรรคก้าวไกลแล้ว
เป้าหมายทางการเมืองของเราไม่ได้เป็นเรื่องของการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือเป็นเรื่องของตัวบุคคล
แต่เป็นเรื่องของโครงสร้างและระบบ
ตนจึงไม่ได้ให้ราคาและความสำคัญกับเรื่องนี้แต่อย่างไร
ส่วนกรณีที่
ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร
พยายามเสนอนโยบายในทิศทางที่อาสาตนจะเป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น
ตนจำเป็นต้องขอเตือนความจำทุกคน ว่าความขัดแย้งในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นจากทั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ทำให้เกิดขึ้นมา แล้วอยู่ๆ จะมาฟอกขาวอ้างตัวเป็นโซ่ข้อกลางคงจะไม่ได้
ถ้าจะพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้งจริง ๆ
ทั้งคู่ต้องเข้าสู่กระบวนการรับผิดรับชอบ
ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นโซ่ข้อกลางได้
“การปรองดองต้องไม่เป็นแค่เรื่องของนักการเมืองมาให้อภัยกันฝ่ายเดียว
แต่ต้องเป็นเรื่องของประชาชนด้วย ที่ผ่านมามีประชาชนที่ถูกกระทำมากมาย
ไม่ได้รับความเป็นธรรม การปรองดองอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้
ก็ต่อเมื่อเราเอาทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตช์ ส.ว. เอาทั้ง 3 ป.
เข้าสู่กระบวนการรับโทษในสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาที่ทำไว้กับประเทศชาติเสียก่อน ต้องไม่มีวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลอีกต่อไปเท่านั้น
การปรองดองถึงจะเกิดขึ้นได้” พิธากล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66