"อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล" อดีต ผอ.TCDC ขึ้นเวทีในนามพรรคก้าวไกล
โชว์วิสัยทัศน์สร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ย้ำสิ่งสำคัญที่สุดต้องแก้กฎหมายจำกัดเสรีภาพ
วันที่
14 มีนาคม 2566 ผู้สื่อขาวรายงานว่า ที่ โรงแรม พูลแมน
คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ กทม. อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล อดีตผู้อำนวยการผอ.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(CEA) ในฐานะ
“ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลด้านนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ได้ขึ้นเวทีในเสวนา
“อนาคตประเทศไทย Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ?” เพื่อแสดงวิสัยทัศน์และเสนอ 5 นโยบายสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ซึ่งอภิสิทธิ์ชี้ให้เห็นความสำคัญที่รัฐบาลต้องเพิ่มงบประมาณส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
การสร้างระบบสวัสดิการที่สำหรับคนทำงานสร้างสรรค์ และแก้กฎหมายที่ปิดกั้นเสรีภาพ
อภิสิทธิ์
เริ่มต้นด้วยการบอกว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทย มีขนาดเศรษฐกิจกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
หรือ 7.5% ของ GDP มีแรงงานอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มากกว่า
9 แสนคน
แต่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์กลับไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในอุตคสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
“ตั้งแต่เราได้ยินคำว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คำว่า Soft Power ไม่ต่ำกว่า 20 ปี วันไหนที่เอกชนไปประสบความสำเร็จ
เราก็หยิบเรื่องนั้นขึ้นมาพูด ขึ้นมาชมเชย หยิบมงกุฎ หยิบชฎา
หยิบข้าวเหนียวมะม่วงมาชมเชย แต่ข้อเท็จจริงกว่าคนเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จได้
ล้วนมาจากความอุตสาหะของกาย เงิน ของคนเหล่านั้น”
อภิสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่าจากงบประมาณทั้งหมดของประเทศไทย
3.3 ล้านล้านบาท มีส่วนที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพียงแค่ 8,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น
หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้งบประมาณ 310 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ Korea Creative Content Agency
(KOCCA) ของประเทศเกาหลีใต้ ได้งบประมาณในปีที่แล้วถึง 22,000
ล้านบาท ซึ่งแตกต่างกันอย่างลิบลับ ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบาย
5 มิติเพื่อสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ขึ้นในประเทศไทย
เรื่องแรก
พรรคก้าวไกลจะเสนอให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ พร้อม ๆ
กับที่เราต้องส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่นๆ เรามีสถาบันการศึกษาที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ 130 แห่ง
มีธุรกิจที่จดทะเบียนในระบบมากกว่า 82,072 ราย
เราต้องรื้อระบบโครงสร้างงบประมาณใหม่ เพราะโครงสร้างงบประมาณเดิมยิ่งสร้างปัญหา
ไม่แหลมคมพอ กระจัดกระจาย รวมทั้งระบบการจัดซื้อในรัฐบาลต้องเปลี่ยนใหม่
เพื่อพุ่งเป้าไปสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มากขึ้น
สอง
พรรคก้าวไกลจะปรับระบบสวัสดิการคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
ให้มีชีวิตเพิ่มมากขึ้น
ให้เขาเห็นปลายแสงสว่างในชีวิตว่ามาทำอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แล้วไม่ได้่ตกทุกข์ได้ยากลำบาก
เราอาจเห็นร้านอาหารที่มีชื่อ อาจเห็นชื่อเสียงของนักดนตรีไทย แต่หลังบ้านของสิ่งเหล่านั้นเป็นหลังบ้านที่น่าสงสาร
สาม
พรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนพื้นที่บางพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ทดลองของคนในอุตสาหกรรมนี้
ประเทศไทยมีพื้นที่ว่างในพื้นที่ราชพัสดุ
ที่ดินทหารและส่วนราชการอีกเยอะแยะที่สามารถเอามาเป็นแล็ปให้พวกเขาได้ทดลอง
นอกจากนี้ เราต้องทำโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายให้ตอบโจทย์ เช่น เสนอคูปองให้พัฒนาความรู้
เพื่อนำไปบวกกับความคิดสร้างสรรค์ ไปบวกกับเทคโนโลยี ไปบวกกับทุนเดิมทางวัฒนธรรม
สี่
พรรคก้าวไกลเสนอให้รวบรวมกองทุนต่าง ๆ ทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ
ในวันนี้เรามีกองทุนหลายกองทุน เช่น กองทุนใน กสทช. กองทุนในกระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย กองทุนสื่อสร้างสรรค์
แต่กองทุนเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เฉพาะของตัวเอง
เราต้องปรับเนื้อหากองทุนเพื่อมาตอบโจทย์ในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กว้างมากขึ้น
เราต้องทำกองทุนให้ตอบโจทย์ผู้สร้างสรรค์ที่หลากหลายมากขึ้น
พรรคก้าวไกลเสนอให้การปรับกองทุนและเพิ่มเงินในกองทุน
เพื่อทำให้กองทุนความคิดสร้างสรรค์นี้สามารถกู้ยืมได้
สามารถต่อยอดไอเดียออกมาเป็นผลงานได้
สุดท้าย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกฎระเบียบ และพ.ร.บ. ต่างๆ ที่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์
ปิดกั้นความสามารถ เช่น เรื่องกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นในการเซนเซอร์ภาพยนตร์เรื่องหุ่นพยนต์
ข้อเสนอของพรรคก้าวไกล 5
ข้อที่ว่ามา สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีเสรีภาพ
มีสวัสดิการของคนที่ทำงานสร้างสรรค์ และที่สำคัญต้องแก้กฎหมาย
ทั้งนี้
อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล
เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บริหารองค์กรด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารองค์การมหาชนหลายแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นอดีต ผอ.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA), อดีตผอ.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
(TCDC) ปัจจุบันเป็นดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการสำนักการตลาด
กรุงเทพมหานคร
สาเหตุที่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกล
อภิสิทธิ์กล่าวว่าตนได้ติดตามพรรคก้าวไกลมาตลอด 4 ปี
ทำให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่เห็นผลงานรูปธรรมและที่สำคัญคือมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเพื่อเปิดโอกาสให้สิทธิคนตัวเล็กสามารถมีศักยภาพในการสร้างสรรค์ได้เทียบเท่ากลุ่มทุนขนาดใหญ่
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกฎหมายสุราก้าวหน้า
อภิสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า
ตลอดเวลาที่ทำงานในฐานะผู้บริหารองค์การมหาชนที่ต้องไปของบประมาณในสภา
พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ตั้งคำถามไม่เหมือนส.ส.พรรคอื่น
ที่มักถามรายชิ้นว่าทำไมอะไรแพง อะไรถูก
แต่พรรคก้าวไกลถามตรงประเด็นไปที่เนื้องานโครงการ และ impact ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนจริง ๆ
นอกจากนี้ ในการเสนอนโยบาย พรรคก้าวไกลพูดเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ชัดเจนที่สุด
ทุกพรรคพูดเรื่องนี้แต่ไม่บอกว่าทำอะไร แต่นโยบายพรรคก้าวไกลมีรายละเอียดพอสมควร
“ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่นานในการเข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล เพราะเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
เคยเป็นผอ.สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ก็เป็นเพียงคนปฏิบัติตามนโยบาย
แต่ถ้าเราได้ทำงานระดับนโยบาย ผมเชื่อว่าเราจะเห็น impact มากขึ้น
เช่น การแก้กฎหมาย พ.ร.บ.เซนเซอร์ภาพยนตร์
ที่การทำสิ่งเหล่านีในระดับปฏิบัติแก้ไขไม่ได้ ผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลคือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย”
อภิสิทธิ์กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66