ตำรวจสันติบาลคลั่ง
ยิงปืนหลายนัด หลังมีข้อมูลว่าหน่วยงานต้นสังกัด เข้ามาพาตัวไปรักษาอาการป่วย
แต่เจ้าตัวไม่ยอม เบื้องต้นยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
และได้ยินเสียงปืนดังขึ้นกว่า 20 นัด พร้อมเสียงตะโกนโวยวาย “มึงออกไป!
กูไม่คุยกับใคร”
วันที่
14 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 11.00 น.
เกิดเหตุชาย ทราบชื่อภายหลังคือ พันตำรวจโทกิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าวของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล คลุ้มคลั่งยิงปืนหลายนัด
ภายในบ้านมั่นคง ซอยจิระมะ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
ล่าสุดผ่านมาแล้วกว่า
2 ชั่วโมง ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
โดยตำรวจพื้นที่ได้ประสานกำลังหน่วยอรินทราชเข้ามาร่วมควบคุมสถานการณ์มากกว่า 20 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้ามากระชับพื้นที่บ้านเกิดเหตุ
และยังใช้รถกระบะสีขาวมาจอดขวางทางแยกบริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ
เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์
ขณะที่หน่วยอรินทราช
เริ่มเข้าประชิดบ้านหลังเกิดเหตุ ปรากฏว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง 19 นัด
และมีจังหวะหนึ่งที่เสียงปืนและแนวกระสุนเข้ามาใกล้ทางฝั่งทิศทางของสื่อมวลชน
ทำให้สื่อมวลชนวิ่งหนีและหลบเข้าพื้นที่ปลอดภัยทันที
จากนั้นเวลา
13.50 น. เสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด
และได้ยินเสียงคนตะโกนโวยวายพร้อมระบายความอัดอั้นทำนองว่า “มึงออกไป!
กูไม่คุยกับใครทั้งนั้น!” ก่อนที่ในช่วงเวลา 14.01 น.
เสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด
นอกจากชุดจู่โจม
ของตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 หรือหน่วยอรินทราช 26 ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วเจ้าหน้าที่ยังมีการเรียกเสริมชุดปฏิบัติการพิเศษ
ชุดหนุมาน ของกองปราบปราม เข้ามาเป็นกำลังเสริมด้วย
ทั้งนี้กำลังตำรวจของกองบังคับการตำรวจนครบาล
2 และตำรวจสายตรวจของสน.สายไหม ยังได้กระจายกำลังปิดล้อม พื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุในรัศมี
1 กิโลเมตร และมีการวางกำลัง ออกเป็น 3
ชั้น
ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุ
มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหน่วยงานต้นสังกัด
ได้พยายามจะเข้ามานำตัวสารวัตรคนนี้ออกไปรักษาอาการป่วย เนื่องจากมีอาการเครียด
แต่ไม่ทันจะเข้าไปนำตัวออกมา ปรากฎว่า สารวัตรคนนี้ก็โวยวายและเกิด อาการคุ้มคลั่ง
ไม่ยอมไปรักษาตัว ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.
14.30 น. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดจู่โจมอรินทราช 26 ของ191 สังกัดนครบาล ยังคงปิดล้อมพื้นที่จุดเกิดเหตุ รัศมี 1 กม. วางแนวสกัด 4 ชั้น
ชั้นนอกสุดหน้าหมู่บ้านมั่นคง 2 / ชั้นที่ 2 ภายในซอยหมู่บ้าน ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 500
เมตร / ชั้นที่ 3 บริเวณใกล้เคียงบ้านผู้ก่อเหตุ ห่าง 100 เมตร / ชั้นที่ 4 ห่างตัวบ้าน 20 เมตร / ตำรวจบล็อกทั้งด้านหน้าและหลัง ห้ามบุคคลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป
ซึ่งตำรวจพยายามเจรจา และทำตามยุทธวิธี
นอกจากนี้ยังมีกำลังของกองบังคับการตำรวจนครบาล
2 เข้าไปกระจายตัวด้านข้างของบ้านที่เป็นพงหญ้า
หวั่นว่าตัวผู้ก่อเหตุจะกระโดดหน้าต่างหลบหนีไป
ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่วางมาตรการเข้มเนื่องจากมีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุมีความชำนาญการในการใช้อาวุธปืนและยุทวิธี
เนื่องจากเป็นครูฝึกตำรวจมาก่อน และจากที่ตำรวจนับ พบว่ายิงไปแล้วกว่า 48 นัด
อย่างไรก็ตาม
ขณะนี้ ตำรวจพื้นที่ได้ประสานกำลังสนับสนุนจากชุดหนุมาน
ซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาถึงประมาณ 15.00 น
.
เวลา
15.30 น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า นครหลวง 2 นาย
ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่เพื่อเตรียมดำเนินการตัดไฟ
บริเวณบ้านที่เกิดเหตุโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นเวลา
15.50 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมการทำงานของตำรวจชุดปฏิบัติการบริเวณที่เกิดเหตุ
โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่าขณะนี้รับรู้ข้อมูลคร่าว ๆ
กับสื่อมวลชน จึงต้องเดินทางเข้ามา เพื่อติดตามสถานการณ์
แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ขอหารือกับทางผู้ปฏิบัติงานก่อน
แต่จะพยายามควบคุมสุถานการณ์ให้ได้ภายในค่ำคืนนี้ โดยจะพยายามไม่ให้เกิดความสูญเสียกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ต่อมา
16.10 น. พล.ต.ต.นพสินธ์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สืบมือหนึ่งตำรวจแห่งชาติ
ได้เดินทางเข้ามาที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล
ระบุ เดิมผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องเก่าของตน ก่อนหน้านี้มีอาการลักษณะนี้มาแล้ว
แต่ไม่หนักเท่าครั้งนี่ เดิมทำที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ก่อนโยกย้ายไปประจำที่กองบัญชาการศึกษา กระทั่งย้ายมาที่สันติบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อเวลา 17.34 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมใช้แก๊สน้ำตาระงับเหตุโดยผู้ก่อเหตุยังหลบอยู่ในบ้าน
และต่อมาเวลา 18.55 น. ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าไปในบ้านผู้ก่อเหตุ
เวลา
20.35 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษคอมมานโดร่วม 10 นาย
มาพร้อมอุปกรณ์และกล้อง Night Vision ติดหมวก
เข้าประจำจุดเกิดเหตุ อยู่ระหว่างปิดล้อมด้านหน้าบ้านพัก ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด
ๆ
เวลา
22.00 น. เจ้าหน้าที่ยังระดมกำลังปิดล้อมบ้านผู้ก่อเหตุย่านสายไหม ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ออกนอกพื้นที่
และยังไม่สามารถจับกุมตัวได้
เวลา
22.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีเสียงประกาศตามสายดังขึ้นในหมู่บ้าน
ประกาศให้ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือบ้านที่มีเด็ก ให้ออกห่างรัศมีจากบ้านผู้ก่อเหตุ 100 เมตร หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะมีปฏิบัติการ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์
สุขวิมล รองผบ.ตร. กล่าวภายหลังการประชุมหารือกับชุดทำงานเกลี้ยกล่อมว่า
ขอยืนยันว่าจะไม่ทำตามกระแสสังคมที่ให้เร่งดำเนินการชาร์จตัว
เพราะการใช้ชุดจู่โจมไม่ได้แปลว่าจะมีการชาร์จตัวเข้าจับกุมเพียงอย่างเดียว
เพราะตามยุทธวิธีนั้นมีขั้นตอนหลากหลาย ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ใช้แก๊สน้ำตาชุดที่ 2
อีก แต่ได้มีการตระเตรียมไว้ เพราะต้องการที่จะให้ทางสารวัตรกานต์มีท่าทีที่อ่อนลง
โดยประสานให้ทางนักจิตเวช นักจิตบำบัดมาคุยกับสารวัตรกานต์ ขอให้ได้ระบาย
ถ้าพูดระบายเสร็จเป็นผล เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
การเจรจาที่ผ่านมาสานวัตรกานต์ระบายออกความเครียดเป็นเรื่องส่วนตัว
ไม่เกี่ยวกับงาน แต่บางครั้งพูดไปไกลเกินคนทั่วไป
สำหรับสารวัตรกานต์มีผู้บังคับบัญชาเห็นพฤติกรรมแล้วว่ามีอาการป่วยและไม่ได้กินยาต่อเนื่อง
จึงเฝ้าระวังและพยายามให้การรักษามาตลอด แต่การขาดยาทำให้มีอาการดังกล่าว
สุดท้ายขอฝากไปถึงประชาชน อย่าเพิ่งเข้าไปยังที่พักใกล้จุดเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางสำนักงานเขตสายไหม
เพื่อหาที่พักผ่อนและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้เบ็ดเสร็จก่อน
เวลา
22.49 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงาน ยังไม่มีผู้บาดเจ็บ/เสียชีวิต
และยังไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สายไหม #ตำรวจคลั่ง