‘แพทองธาร’ ปักธงแลนด์สไลด์พิษณุโลก
เตรียมรื้อโครงการจัดการน้ำสมัยยิ่งลักษณ์ ‘บางระกำ โมเดล’
ดันสนามบินพิษณุโลกเป็นสนามบินนานาชาติ ‘เศรษฐา’ ลั่น! อย่าตะแบง พอกันที 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศเราตกต่ำถดถอยไปมาก
12 มีนาคม 2566 แพทองธาร ชินวัตร
หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สวนกลางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
เป็นเวทีปราศรัยสุดท้ายของสุดสัปดาห์นี้
ท่ามกลางการบรรยากาศต้อนรับอย่างครึกครื้นของพี่น้องชาวพิษณุโลก
โดยแพทองธารกล่าวถึงเมื่อครั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยที่มีนายกชื่อยิ่งลักลักษณ์
ชินวัตร เคยคิด ‘บางระกำ โมเดล’ เอาไว้ หากชนะเลือกตั้งครั้งหน้า
พรรคเพื่อไทยก็จะนำมาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง
อย่างแรกคือ
การขยายคลอง เพื่อระบายน้ำ ไม่ให้น้ำค้างอยู่ในที่นาของประชาชนนานเกินไป
อย่างที่สองคือการทำแก้มลิงขนาดใหญ่ เพื่อดักน้ำที่ไหลหลากให้พี่น้อง
และอย่างที่สาม คือการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำชุมชนให้พี่น้องได้มีใช้ในหน้าแล้ง
รวมถึงการยกสะพานให้พี่น้องสัญจรได้ ไม่ต้องขวางทางน้ำ
ด้านการเกษตร
อุปสรรคในของเกษตรกรที่ก่อให้เกินหนี้สินมากมาย หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล
เราพร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันที เริ่มจากการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี
พร้อมกับนโยบาย ‘3 ดี’ ได้แก่ ‘ดินดี น้ำดี’
เพื่อทำให้น้ำและดินเหมาะสมกับการเพาะปลูก, ‘เมล็ดพันธุ์ดี’
ช่วยทุ่นแรงในเกษตกร ในการหาเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการเพาะปลูก และ ‘ราคาดี’
ราคาสินค้าเกษตรต้องขึ้นยกแพง ภายใน 4 ปี
พี่น้องชาวเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า
นอกจากนี้เรื่องการท่องเที่ยว
พรรคเพื่อไทยตั้งใจพี่จะพัฒนาให้สนามบินพิษณุโลกกลายเป็นสนามบินนานาชาติ
เพิ่มเที่ยวบิน และสร้างอาชีพ สร้างราย
เพิ่มโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น ด้านคมนาคมรถไฟความเร็วสูงต้องผ่านพิษณุโลกต้องผ่านพิษณุโลกและโครงข่ายสี่แยกอินโด-จีนจะต้องเสร็จ
“8
ปีที่ผ่านมารัฐบาลสืบทอดอำนาจค่าแรงขึ้นเพียง 50 บาท แต่หากเพื่อไทยมาภายใน 4 ปี ค่าแรงขึ้นเป็น 600
บาทแน่นอน ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว
อยากให้พี่น้องประชาชนกำหนดชีวิตตัวเอง อยากได้รัฐบาลแบบไหนมาดูแลชีวิตพี่น้อง
จะเลือกพรรคไหนที่จะผลักดันทุกนโยบายให้สำเร็จได้
ขอแรงชาวพิษณุโลกเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งคน ทั้งพรรคกันไปเลย”
แพทองธารกล่าวก่อนส่งต่อเวทีปราศรัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย
นายเศรษฐา
ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า
ขอขอบคุณพี่น้องชาวพิษณุโลกที่ให้การต้อนรับอบอุ่นมาก ขอขอบคุณแพทองธาร ชินวัตร
ที่ได้ให้โอกาสนี้ส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่
ได้ก้าวเข้าสู่การเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัว
สลัดภาพนักธุรกิจที่มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในอำนาจประชาชน
ไม่เอารัฐประหาร มั่นใจในระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ช่วง
8 ปีที่ที่ผ่านมา
เป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนว่าประเทศเราได้ตกต่ำถดถอยไปมากขนาดไหน
นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันพูดตลอดเวลาว่า เรามีความมั่นคง แต่ตอนนี้มันไม่มั่นคง
ไม่มั่งคั่ง รายได้ถดถอย รายจ่ายเพิ่มขึ้น ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง
“เพราะฉะนั้นอย่าตะแบง
ถึงเวลาแล้วพอกันที 8 ปีนี้เต็มที่เยอะพอแล้ว” นายเศรษฐากล่าวและว่า พ่อแม่พี่น้อง
คนเฒ่าคนแก่ คนทำงานมาทั้งชีวิต
แต่ในบั้นปลายชีวิตก็ยังมีเงินเก็บไม่มากพอที่จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี
วันนี้ลูกหลานย้ายออกนอกประเทศเพราะไม่มั่นใจในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
สิทธิเสรีภาพที่ผ่านมาไม่เคยฟังเสียงประชาชน ยังมีการบังคับให้การเกณฑ์ทหาร
แทนที่จะสมัครใจเกณฑ์ทหาร
แต่เพื่อไทยจะผลิตนโยบายที่ตอบโจทย์กับวิกฤตประเทศวันนี้
ทำให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าอย่างยั่งยืน ไม่ต้องไปแบมือขอใครเขา
คืนศักดิ์ศรีของความเป็นคนให้กับพวกเรา
พร้อมกันนี้พรรคเพื่อไทยจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มอย่างน้อย 3
เท่าให้ได้ภายใน 4 ปี จะใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เพิ่มผลผลิต
ลดค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้เราจะยกระดับโครงการ
30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการยอมรับของนานาประเทศ
เป็นที่ชื่นชมขององค์การอนามัยโลก ไม่ต้องไปคอยโรงพยาบาลตั้งแต่ตีสี่
สามารถนัดได้รับยาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน
สุดท้ายเรื่องของภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไม่ได้ไปเลยไม่ทำให้ประเทศไทยมีตัวตนบนเวทีโลก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจรจาค้าขายหรือแสดงจุดยืนของประเทศไทยในเวทีโลก
แม้ว่าจะเป็นประเทศที่เล็กแต่เราก็มีศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทย
เราต้องคืนศักดิ์ศรีให้กับประเทศ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล
ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใครก็ตาม เราจะคืนศักดิ์ศรีให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคนแน่นอน
"อีก
2 เดือนจะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ถ้าเราไม่พึงพอใจกับ 8 ปีที่ผ่านมา
เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 5 เขตจังหวัดพิษณุโลก เอาเพื่อไทย
เอาเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน" นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย
นายแพทย์ชลน่านย้ำว่าวันนี้ถือเป็นภารกิจที่พี่น้องชาวพิษณุโลกและเพื่อไทยจะมีร่วมกัน
คือการแลนด์สไลด์ทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง กอบกู้วิกฤตประเทศชาติไปด้วยกัน
วันนี้พรรคเพื่อไทยต้องคิดใหญ่ จากที่เคยบอกแลนด์สไลด์ 250 ขึ้นไป วันนี้ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
เพราะหากเสียงในสภาไม่ถึง 310 เสียง เราจะไม่มีโอกาสเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา
และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ส.ว. มีเสียงรอไว้แล้ว
250 เสียง ขณะที่ของเราเป้าหมายเดิมแค่ 250 เสียงหรือ 270 เสียงนั้น
เสียงยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 375 เสียง โอกาสที่เราจะตั้งรัฐบาลจะเป็นไปไม่ได้
เราจึงต้องคิดใหญ่ เอาเสียงส.ส.ให้ถึง 310 เสียง
ขณะที่นายสุทิน
เริ่มเวทีปราศรัยด้วยมุกตลกเรียกเสียงหัวเราะของพี่น้องชาวพิษณุโลกที่มารอต้อนรับอย่างเนืองแน่นว่า
“วันนี้ไม่ต้องกลัวการยึดอำนาจ เพราะ ‘คลังแสง’ (นามสกุลนายสุทิน) และ ‘ฉายแสง’
(นามสกุล นายจาตุรนต์) อยู่ที่นี่ และพรรคนี้ไม่หิวแสงเพราะแสงเยอะอยู่แล้ว”
ก่อนจะมุ่งหน้าปราศรัยต่อหน้าพี่น้องชาวพิษณุโลก เจาะจงที่เรื่อง ‘หนี้สิน’
โดยนายสุทินถามพี่น้องชาวพิษณุโลกหน้าเวที
8 ปีที่ผ่านมาใครมีหนี้เพิ่มขึ้น ประชาชนหน้าเวทีพร้อมใจกันยกมือโดยพร้อมเพรียง
ก่อนจะย้ำว่าเรื่องนี้เป็นวาระหลักของพรรคเพื่อไทย หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเร่ง
‘ทำมาหากิน’ หารายได้เข้าประเทศ และเพิ่มจีดีพีเศรษฐกิจทั้งประเทศให้ดีทั้งหมด
แล้วย้อนถามไปยังพรรคการเมืองบางพรรคที่ชูสโลแกนว่า ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’
ล่าสุดที่ออกมาเสนอนโยบายเพิ่มเงินให้กับพี่น้องประชาชนว่าจะเอาเงินมาจากไหน
เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยหารายได้ใหม่เข้าประเทศ
สัญญาการค้าระหว่างประเทศก็ไม่เคยไปเซ็นเพิ่ม
ทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่เคยลงทุนในไทยหนีออกไปลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้าน
ทำให้เงินส่วนนี้หายไปหลายสิบล้านบาท
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำเพื่อแก้หนี้ให้พี่น้องประชาชนและประเทศ
คือการหารายได้เข้าประเทศ ทำให้นักลงทุนที่เคยหนีขายไปกลับมาลงทุนในประเทศ
เราจะเปิดการค้าต่างประเทศ เซ็นสัญญาการค้าที่จำเป็นกับต่างประเทศ
เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และจะดันนโยบายอีกหลายอย่างในประเทศคู่ขนานกันไปด้วย
พรรคเพื่อไทยจะไม่เข้ามาแล้วรอใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน
3 ล้านล้านบาท เพียงอย่างเดียวเหมือนรัฐบาลปัจจุบัน แต่เราจะหาเงินเข้ามาใหม่
เมื่อเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น การลงทุนในประเทศกลับมาคึกคัก
การจัดเก็บภาษีในประเทศก็จะกลับมาดีดังเก่า เศรษฐกิจในภาพรวมจะต้องดีขึ้น
เงินงบประมาณแผ่นดินจาก 3 ล้านล้านบาท ก็จะเพิ่มขึ้นแน่นอน
ขณะที่ณัฐวุฒิ
ขอย้ำอีกครั้งถ้าเพื่อไทยแลนสไลด์ไม่มีดีลลับกลับบ้านทั้งคู่ ตู่ ป้อม ว่า 8
ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ ประชาชนเป็นหนี้ ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง
ยาบ้าไม่พอยังเอากัญชายัดมือใส่เยาวชน สังคมแหลกเหลวล้มเหลวกันไปทั้งหมด อยู่มา 8
ปี 3 ป. ทำงานสู้ชูวิทย์คนเดียวก็ไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย
ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยแลนสไลด์เป็นรัฐบาลจะไม่มีทางเป็นเช่นนั้น
นายกของพรรคเพื่อไทยต้อง เอาสินค้าเกษตร เอาผลผลิตของประชาชนไปขายที่ต่างประเทศ
ผิดกับนายกปัจจุับนที่เอาหน้าไปขาย
พรรคเพื่อไทยไม่เหมือนพรรคของฝั่งตรงข้าม
ที่พอแพ้แล้วจะเงียบหาย พรรคเพื่อไทยต่อให้ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ทำงานต่อแน่นอน
แปดปีที่ผ่านมายังทำงานต่อเนื่อง เคียงข้างพี่น้องประชาชน
แต่ถ้ารอบนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล
4 ปีจะมีแต่ความ เจ็บ จน ปวด เลยต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน
รวมถึงคนที่เคยเป่านกหวีดเรียกประยุทธ์ประวิตรออกมาไม่เป็นไร รอบนี้พร้อมไหม
ที่จะแลนด์สไลด์ไปด้วยกัน
ปิดท้ายที่จาตุรนต์
กล่าวถึงพิษณุโลกว่าเป็นเมืองเกษตรที่หากการเกษตรดี ร้านค้าในตลาดทั้งจังหวัดก็พากันดีไปด้วย
ที่ผ่านมาผลผลิตทางการเกษตรของชาวพิษณุโลกรวมๆ แล้วสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งประเทศ
แล้วเหตุใดเกษตรกรในจังหวัดยังยากจนกันอยู่ พลอยให้อาชีพอื่นๆ
ในจังหวัดแย่ลงไปด้วย
แม้ว่าวิกฤตอาหารโลกจะเป็นโอกาสของเกษตรกรแต่รัฐบาลก็ไม่ทำ
เพราะรัฐบาลคิดไม่ใหญ่ ทำไม่เป็น แทนที่จะเสาะหาปุ๋ยราคามิตรภาพ
หรือหาเทคโนโลยีทางการเกษตรมาช่วยผลิตปุ๋ยมีคุณภาพให้ประชาชน
แต่รัฐบาลชุดนี้กลับไม่ทำ ระบบน้ำที่ทำมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆ ก็ไม่สนใจพัฒนา
ต้นทุนการผลิตก็ไม่ดูแล การส่งออกก็ได้น้อย ไม่ส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร
รายได้การเกษตรก็ไม่มีทางเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมาตั้งแต่ไทยรักไทย
เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำได้ภายใน 4 ปี และครั้งนี้จะทำได้อีก
อยู่ที่ว่าจะได้มีโอกาสทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน
ดังนั้นต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว ให้แลนสไลด์ทั่วพิษณุโลก ทั่วไทย
ทั้งคนทั้งพรรค ทะลุ 310 ที่นั่งไปเลย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #พิษณุโลก #เลือกตั้ง66