วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566

“ธนาธร-ช่อ” นำทัพลุยปทุมธานี เช้า-บ่ายเดินสายบรรยาย มธ.รังสิต ปลุก นศ.ร่วมตื่นรู้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ พร้อมร่วมผู้สมัครครบ 7 เขตลุยเดินตลาดพบชาวรังสิต ย้ำอย่าเลือกด้วยความกลัวแพ้ ต้องเลือกด้วยความหวังเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนประเทศได้

 


ธนาธร-ช่อ” นำทัพลุยปทุมธานี เช้า-บ่ายเดินสายบรรยาย มธ.รังสิต ปลุก นศ.ร่วมตื่นรู้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ พร้อมร่วมผู้สมัครครบ 7 เขตลุยเดินตลาดพบชาวรังสิต ย้ำอย่าเลือกด้วยความกลัวแพ้ ต้องเลือกด้วยความหวังเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนประเทศได้

 

วานนี้ (22 มี.ค. 66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษในรายวิชา TU101 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในหัวข้อเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจและสังคมไทย ความเหลื่อมล้ำ การเข้าสู่สังคมสูงวัย ปัญหากับดักรายได้ปานกลาง และความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาในประเทศไทย เพื่อรองรับปัญหาเหล่านี้

 

ในช่วงหนึ่งของการบรรยาย ธนาธรชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักที่สังคมไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ คือปัญหาอัตราการเกิดของประชากรที่ต่ำลง และการเข้าสู่สังคมสูงวัย จะมีผลกระทบที่รุนแรงขึ้นตราบที่ประเทศไทยยังคงมีความเหลื่อมล้ำมหาศาลเช่นในปัจจุบันดำรงอยู่ และทั้งหมดจะยิ่งตอกย้ำปัญหากับดักรายได้ปานกลางของประเทศไทยให้รุนแรงขึ้น จากการมาถึงจุดอิ่มตัวไม่สามารถไปต่อได้แล้วของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

 

จึงทำให้ประเทศไทย มีความต้องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา โดยนำปัญหาสังคมมาสร้างเป็นความต้องการ พัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพิ่มผลิตภาพให้กับประเทศ สร้างงานที่มีคุณภาพเพื่อรองรับคนจบใหม่ ลดความเหลื่อมล้ำและสังคมสูงวัยไปพร้อม ๆ กัน

 

แต่เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างเป็นธรรมหรือไม่ สุดท้ายเป็นเรื่องที่แยกไม่ออกจากเรื่องของการเมือง และการจัดสรรภาษี ว่าจะกระจายดอกผลให้คนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยในสังคม อำนาจเมื่อกระจุกตัวอยู่ที่ใครก็ตาม ทรัพยากรก็มักจะกระจุกตัวอยู่ที่คนกลุ่มนั้น การสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชนเท่านั้น ที่จะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยได้” ธนาธรกล่าว

 

ส่วนในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ก็ได้รับเชิญให้มาเป็นผู้บรรยายพิเศษ ในรายวิชา TU101 และได้บรรยายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยเช่นกัน โดยเน้นไปที่ด้านการเมือง ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุนขนาดใหญ่กับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน ที่จะสังเกตได้ว่าหลังการรัฐประหารทุกครั้ง จะมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นมาจากการได้สัมปทานพิเศษจากอำนาจรัฐเสมอ เช่น ในกรณีของกลุ่มทุนพลังงานกลุ่มหนึ่ง ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาจากนโยบายพลังงานในยุครัฐบาลรัฐประหารและรัฐบาลทหารจำแลงเมื่อเร็ว ๆ นี้

 

พรรณิการ์ ยังกล่าวด้วยว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และนำประเทศไทยออกจากปัญหาที่กำลังรุมล้อมอยู่ตอนนี้ แต่ที่สำคัญคือการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวไม่อาจแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะไม่ใช่ทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีเป้าหมายในการแก้ความเหลื่อมล้ำ และกลุ่มทุนใหญ่จำนวนมากต่างก็คอยให้การสนับสนุนทุนแก่พรรคการเมืองใหญ่ของทุกฝ่ายอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะยังคงอิงแอบอยู่กับอำนาจรัฐได้ต่อไปไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง

 

เรายังต้องมีรัฐบาลที่ตระหนักถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก และนั่นจึงยิ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เคาต้องมีพรรคการเมืองที่ไม่รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนใหญ่ เพื่อที่จะไม่ต้องตอบแทนบุญคุณของกลุ่มใครทั้งนั้นนอกจากประชาชน ยึดประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งเท่านั้น” พรรณิการ์กล่าว

 

จากนั้น ในช่วงบ่ายไปจนถึงเย็น ทั้งธนาธรและพรรณิการ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ร่วมหาเสียงไปกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.ปทุมธานี ที่ตลาดไอยรา ช่วยหาเสียงให้กับ ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ก่อนร่วมเดินตลาดสะพานฟ้า-สะพานแดง ช่วยหาเสียงให้ สกล สุนทรวาณิชย์กิจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 และ เชตวัน เตือประโคน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6

 

พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.ปทุมธานี จากเขตอื่นๆ ที่ได้มาร่วมกันเดินหาเสียงในทั้งสองตลาด ทั้ง สรวีย์ ศุภปณิตา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, เจษฎา ถาวรธรรมฤทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2, พิชัย ปิยะกาโส ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 และ ประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 ที่ได้มาร่วมกันแนะนำตัว ปราศรัย และเดินพบปะพูดคุยกับประชาชนในทั้งสองตลาด โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชน ที่ต่างเข้ามาร่วมพูดคุยทักทาย ขอถ่ายรูป และจับไม้จับมืออย่างเป็นกันเอง

 

โดยในช่วงหนึ่งของการปราศรัย พรรณิการ์ ได้ระบุว่าขอให้ทุกคนอย่าเลือกด้วยความกลัวว่าจะแพ้ แต่ขอให้เลือกด้วยความหวังว่าจะชนะ เป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนให้พรรคที่ทุกคนเชื่อมั่นได้เป็นรัฐบาล เพราะถ้าเลือกด้วยความกลัวตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว คงไม่มีพรรคอนาคตใหม่จนมาเป็นพรรคก้าวไกลอย่างทุกวันนี้ และการเลือกด้วยความหวังเท่านั้น ที่จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้

 

ทั้งนี้ ระหว่างการเดินหาเสียง ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ได้เดินทางมาด้วยตัวเองเพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจ และมอบช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ให้กับธนาธรด้วย

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #เลือกตั้ง66 #คณะก้าวหน้า