วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2566

‘ดนุพร ปุณณกันต์’ ชู 3 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุกครอบครัวรายได้ 20,000 บาท, กระเป๋าเงินดิจิทัล และค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน คือเรือธงฟื้นเศรษฐกิจที่ฐานราก แก้เศรษฐกิจถดถอยแน่นอน

 


ดนุพร ปุณณกันต์’ ชู 3 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุกครอบครัวรายได้ 20,000 บาท, กระเป๋าเงินดิจิทัล และค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน คือเรือธงฟื้นเศรษฐกิจที่ฐานราก แก้เศรษฐกิจถดถอยแน่นอน


วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ เวทีงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ’ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้ประสงค์ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร ทั้ง 33 คน ณ สเตเดียมวัน จุฬาซอย 6 ถนนบรรทัดทอง นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย ปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์เรื่อง ‘New Income รายได้ใหม่ เพื่อไทยทุกคน’ ในงานปราศรัย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ’ ว่า การคิดใหญ่ของพรรคเพื่อไทยในเรื่องรายได้ใหม่นั้น เป็นการคิดใหญ่บนฐานแนวคิดเดิม คือ ทำอย่างไรให้ฐานรากเรากลับมาแข็งแรง เพื่อพยุงเศรษฐกิจประเทศ จึงเสนอนโยบายด่วน 3 ด้านทำทันทีเลย


นายดนุพร ปุณณกันต์ กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยวันนี้เหมือนย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 ที่เศรษฐกิจไทยดิ่งเหวตกต่ำยากหาทางแก้ไข จนกระทั่งรัฐบาลไทยรักไทย นำโดยนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้นต้องชูนโยบายสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจภายใต้แนวคิด “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส”


หลังจากนั้น นโยบายกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท นโยบาย SMEs นโยบายโอท็อป ล้วนถูกผลักดันออกมาสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจ ประชาชนกลับมามีรายได้ มีเงินใช้จ่าย สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศกล้ากลับมาลงทุนในไทย


แต่วันนี้ หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจถดถอย คนกรุงเทพเกิดปัญหารายได้ขยับขึ้นไม่ทันค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูง ส่งผลให้เกิดหนี้สินไปทั่วบ้านทั่วเมือง พรรคเพื่อไทยจึงเสนอนโยบายด่วน 3 ด้านทำทันทีเลยคือ 1) ครอบครัวไหนมีรายได้รวมไม่ถึง 20,000 บาท เราจะอุดหนุนให้มีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน 2) เติมเงินให้ทุกคนด้วยนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ให้จับจ่ายใช้สอยในร้านค้าภายในพื้นที่กำหนด และ 3) เราจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเป็น 600 บาท และเงินตอบแทนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือนภายในปี 2570


พรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นที่จะต้อง “คิดใหญ่” บนฐานแนวคิดเดิม คือทำอย่างไรให้ฐานรากกลับมาเข้มแข็ง เพื่อพยุงเศรษฐกิจทั้งประเทศ ที่เรากล้า “คิดใหญ่” ขนาดนี้เพราะเราคิดไว้แล้วครับว่าจะต้องทำอย่างไรให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ ซึ่งต้องอาศัย 3 องค์ประกอบดังนี้


1. ลูกจ้าง : เมื่อค่าแรงขยับขึ้น ลูกจ้างจะมีกำลังซื้อมากขึ้น เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบทันที

2. ผู้ประกอบการ : เมื่อประชาชนมีกำลังซื้อผู้ประกอบการก็จะได้กำไรมากขึ้น ในขณะเดียวกันรัฐบาลต้องช่วยผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าขนส่งต่าง ๆ

3. ภาครัฐ : ลูกจ้างมีรายได้มากขึ้น ผู้ประกอบการมีกำไรมากขึ้น รัฐบาลก็จะสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น ภาษีที่มากขึ้นจะต้องถูกทำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งโครงการขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มการจ้างงาน หมุนเงินกลับไปที่ประชาชน


นโยบายทั้ง 3 ด้าน คือทุกครอบครัวรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน จึงเป็นกุญแจสำคัญพาคนกรุงเทพฯ และประเทศไทยออกจากเศรษฐกิจที่ถดถอยได้แน่นอน” ดนุพร กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66