วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566

สารวัตรคลั่งอาการสาหัส มีเลือดออกในช่องท้อง อยู่ระหว่างรักษาในห้องฉุกเฉิน ด้านผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เตรียมรวบรวมหลักฐานพิจารณาดำเนินคดี

 


สารวัตรคลั่งอาการสาหัส มีเลือดออกในช่องท้อง อยู่ระหว่างรักษาในห้องฉุกเฉิน ด้านผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เตรียมรวบรวมหลักฐานพิจารณาดำเนินคดี


วันที่ 15 มีนาคม 2566 รายงานความคืบหน้ากรณีพันตำรวจโทกิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าวของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล คลุ้มคลั่งยิงปืนหลายนัด ภายในบ้านมั่นคง ซอยจิระมะกร เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ตามรายงานข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านั้น


ต่อมาเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชและคอมมานโดสนธิกำลังเข้าปิดล้อม โดยวางกำลังทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านพักของสารวัตรกานต์


กระทั่งเวลา 02.30 น.เจ้าหน้าที่ระดมยิงแก๊สน้ำตา กว่า 20 ลูกอย่างเป็นระยะ ๆ เข้าไปในบ้านพักของ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ หรือสารวัตรคลั่ง ทำให้เกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจายทั่วและเกิดเสียงกระจกแตก ท่ามกลางบรรยากาศสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ต่างหลบหนีและกลิ่นควันแก๊สน้ำตา ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการบุกเข้าชาร์ตตัวสารวัตรกานต์แต่อย่างใด รวมเวลากว่า19 ชั่วโมง สถานการณ์ยังไม่คลี่คลายซึ่งเป็นเพียงการดำเนินการตามยุทธวิธีเท่านั้น


ต่อมาเวลา 08.00 น. อดีตผู้บังคับบัญชาเจรจาสารวัตรคลั่งยืนยันจะให้กลับไปทำงานที่สังกัดเดิมกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดขณะที่เพื่อนสนิทยังร้องเพลงที่สารวัตรชอบขับกล่อมตลอดเวลาแต่ไม่มีการตอบรับ


พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธี ผู้บังคับการสืบสวน สอบสวนตำรวจนครบาล อดีตผู้บังคับบัญชา สารวัตรกาญ ได้เข้าเจรจา เกลี้ยกล่อมสารวัตรกานต์ที่ก่อเหตุคลั่งเป็นเวลาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว


และล่าสุดที่ผ่านมาอดีตผู้บังคับบัญชาได้กล่าวผ่านโทรโข่งว่าจะให้สารวัตรกานต์ กลับไปประจำการที่สังกัดเดิม คือกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนสนิทยังคงร้องเพลงขับกล่อมหลายเพลงโดยล่าสุดร้องเพลง พบรักที่ปากน้ำโพ จากนั้นก็บอกว่าออกมาได้แล้วพี่พวกเราปส. รักพี่ทุกคน ออกมาหาพวกเรานะพี่


แต่ก็ไร้การตอบรับ ขณะที่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์สุ วิมลรอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเตรียมเดินทางเข้ามาบัญชาการเหตุการณ์ในช่วงสายวันนี้เพื่อที่จะควบคุมสถานการณ์และยุติเหตุการณ์ให้ได้เร็วที่สุด


พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า ตลอดระยะเวลาที่เจ้าหน้ามี่พยายามกดดันเพื่อเข้าควบคุมตัว หรือแม้กระทั้งเจรจาเกลี่ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุมอบตัวนั้น เจ้าหน้าที่มีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เบื้องต้นสถานการณ์มีความสุ่มเสียงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะผู้ก่อเหตุยังมีเครื่องกระสุนที่พร้อมตอบโต้เจ้าหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง  ส่วนความคืบหน้าในการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ในการควบคุมได้มากขึ้น และเปิดช่องว่างที่ทำให้เจ้าหน้าที่เห็นตัวผู้ก่อเหตุ โดยสามารถกดดันให้ผู้ก่อเหตุอยู่ในบริเวณชั้นสองของห้องพัก เป็นผลมาจากการใช้โดรนบินเข้าไปตรวจการด้านใน


แต่ในขณะนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการใช้ยุทธวิธีจู่โจม ซึ่งต้องประเมินว่าอาการป่วยของผู้ก่อเหตุจะต้องใช้วิธีใด หากประเมินแล้วจำเป็นต้องใช้กระสุนจริง เจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานทันที ส่วนการเจรจาสื่อสารนั้นไม่สามารถจะสื่อสารแบบคนปกติทั่วไปได้ 


ส่วนยุทธวิธีที่ให้เพื่อนร่วมงานมาร้องเพลงให้ฟัง และมีการจู่โจมควบคู่ไปด้วยนั้น เป็นวิธีที่ดึงดูดความสนใจ แต่จากการปฏิบัติแล้ว ทางผู้ก่อเหตุยังมีการตอบโต้ จึงทำให้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องถอนกำลังมาอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ส่วนอาวุธที่ผู้ก่อเหตุใช้นั้น เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าเป็นชนิดลูกโม่ที่ใช้ตอบโต้ นอกจากนี้ยังมีเสียงปืนคล้ายระบบออโตเมติก สังเกตุได้จากเสียงปืนที่ดังต่อเนื่องแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปืนชนิดใด


ต่อมามีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในการเข้าจู่โจม ชุดปฏิบัติการพิเศษ ถูกกระสุนของผู้ก่อเหตุยิงสวนมาถูกหมวก แต่กระสุนแฉลบออกไปทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ และมีการเปิดเผยภาพจากโดรนของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุที่อยู่ภายในบ้านพักได้ชัดเจน ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งได้


พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตำรวจคลั่งว่า จากการที่ได้ร่วมประชุมปฏิบัติการ  ทีมยังคงมีความเห็นว่าจะปฏิบัติการพบว่าผู้ก่อเหตุเคยเข้าฝึกหลักสูตรสยบไพรีจึงมีความชำนาญด้านยุทธวิธี  จึงต้องใช้ความระมัดระวังมาก โดยไม่ให้เกิดการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย และยังอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ แม้มีท่าทีอ่อนลงแต่ไม่นอมวางอาวุธ และทั้งนี้ ทีมแพทย์ยังค่อนข้างหนักใจ ว่าอาจจะต้องให้ยาเพื่อให้คนป่วยสงบลงด้วย  ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งจากการได้พูดคุยเจรจากับผู้ก่อเหตุแล้ว  ยังคงสื่อสารได้ยาก ผผู้ก่อเหตุยังมีการพูดถึงความเชื่อส่วนตัวเป็นหลัก จากนี้ยังต้องให้ผู้เป็นญาติพี่น้องช่วยเจรจาต่อไป


เวลาประมาณ  12.10 น. เกิดเสียงปืนยิงปะทะมากกว่า 50 นัด คิดว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อเข้าควบคุมผู้ก่อเหตุ และมีรายงานว่ามีตำรวจได้รับบาดเจ็บ ต้อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยปฐมพยาบาลจึงรีบเข้าพื้นที่โดยด่วน และมีรถพยาบาลลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บออกนอกพื้นที่ โดยหนึ่งในนั้นคาดว่าเป็นสารวัตรผู้ก่อเหตุ นำส่ง รพ.ภูมิพลที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง


พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์  ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้เดินทางมาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ โดยกล่าวถึงอาการบาดเจ็บของผู้ก่อเหตุว่าได้รับบาดเจ็บสองถึงสามแห่ง ขณะนี้สัญญาณชีพจรยังไม่คงที่ แพทย์ยังอยู่ระหว่างการรักษา ในห้องฉุกเฉิน ซึ่งแพทย์ประเมินอาการว่าอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากอาการสาหัส มีเลือดออกในช่องท้อง  


สำหรับการตัดสินใจบุกเข้าจับกุมตัว เนื่องจากผู้บัญชาการระดับสูงและหน่วยแพทย์ได้ประเมินสถานการณ์และสภาวะจิตใจของผู้ก่อเหตุแล้ว พบว่าค่อนข้างเบี่ยงเบน ไม่ตอบสนองกับการเจรจาขอให้มอบตัว เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลภายนอก จึงตัดสินใจควบคุมตัวโดยอาศัยจังหวะที่ผู้ก่อเหตุไม่ระวังตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้เริ่มจากการล้อมเจรจาและใช้แก๊สน้ำตาสองครั้ง ทุกครั้งผู้ก่อเหตุได้ยิงสวนกลับมา จนช่วงเช้าวันนี้มีเจ้าหน้าที่ถูกยิงเข้าที่หมวกนิรภัย เป็นหนึ่งในองค์ประกอบการตัดสินใจเข้าปฏิบัติการครั้งนี้


ส่วนการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเก็บวัตถุพยานพิสูจน์ปลอกกระสุน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบอาวุธปืนลูกโม่หนึ่งกระบอกบริเวณชั้น 2 ของบ้าน แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นปืนของทางราชการหรือไม่ ส่วนอีกกระบอกหนึ่งนั้นยังหาไม่พบ ส่วนอุปกรณ์ยาเสพติดยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นของผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่


ขณะเดียวกันได้กำชับพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้ตรวจสอบบ้านในบริเวณเดียวกันที่ได้รับความเสียหาย และอาจขอให้เป็นพยาน เพื่อไปเป็นข้อมูลสำหรับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ


พล.ต.ต.อรรถพลกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อสงสัยที่ตำรวจชั้นสัญญาบัตรสามารถเก็บเครื่องกระสุนไว้ที่บ้านพักส่วนตัวได้มากขนาดไหนนั้น โดยทั่วไปจะได้รับอนุญาตตามประเภทอาวุธปืนที่ครอบครอง แต่สำหรับกรณีของสารวัตรผู้ก่อเหตุรายนี้ยังต้องขอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน


ทั้งนี้ ภายหลังเหตุการณ์สงบลง เวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่หน่วยเก็ยกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ได้เข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ  และเริ่มมีประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับเข้าพื้นที่ ขณะที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ ทยอยพาประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่กลับบ้านโดยนำกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุกลับเข้ามาเป็นกลุ่มแรก  ๆ  ส่วนกลุ่มอื่นจะเริ่มทยอยมาในช่วงเย็นเพิ่มเติม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ตำรวจคลั่ง #สายไหม