วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567

ธิดา ถาวรเศรษฐ : จับมือกับศัตรู ! จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ ? ถอดเทปจากรายการ ปิดไมค์ถาม Off The Record ทางสถานี PPTV HD36 เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 67

 


ธิดา ถาวรเศรษฐ : จับมือกับศัตรู ! จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ ?


ถอดเทปจากรายการ ปิดไมค์ถาม Off The Record

ทางสถานี PPTV HD36 เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 67

ลิ้งค์ยูทูป https://www.youtube.com/watch?v=I6cFRRVMYhM


*** “พรรคเพื่อไทย” เลือกที่จะไปจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคที่เคยเป็นศัตรูในอดีตอย่าง “ประชาธิปัตย์” บริบทต่อจากนี้อาจารย์มองภาพการเมืองต่อไปอย่างไร? ***


อาจารย์ลองประเมินความคิดประชาชนก่อน นี่ถ้าหากว่าคุณนอนหลับไปนะ คุณอยู่ในช่วงรัฐประหาร 2549 กระทั่ง 2557 คุณจะนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ ถ้าเป็นคนเสื้อแดง แต่ถ้าเป็นคนเสื้อแดงที่ติดตามการเมืองมาตลอด พัฒนาการการเมืองมันเกินหน้าของคนเสื้อแดงไปด้วยแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นลำดับเพราะมันเป็นเวลายาวนานมาก ถ้าเราไปหยุดนิ่งอยู่ตรงตอนปี 2549 หรือกระทั่งตอนปี 2553 และแม้กระทั่งตอนปี 2557 เราจะนึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้


*** อาจารย์แปลกใจมั้ยคะ? ที่อยู่ ๆ “เพื่อไทย” มาจับมือกับ “ประชาธิปัตย์” ที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน ***


สำหรับอาจารย์ไม่แปลกใจ เพราะว่าอาจารย์รู้พัฒนาการของการเปลี่ยนแปลงมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลิกของคุณทักษิณ อาจารย์คิดว่าอาจารย์รู้จักคุณทักษิณ ไม่ได้รู้จักใกล้ชิดนะ แต่รู้จักในฐานะที่เป็นแนวร่วมในการทำงานทางการเมือง ก็คือเขามีลักษณะหนึ่งคือไม่เคยยกเลิก ไม่เคยท้อถอย จะถูกกระทำอย่างไรเขาก็ยังไม่ล้มเลิก อีกอันหนึ่งก็คือเขาไม่ต้องการตายนอกประเทศ เขาเคยพูดว่าเขาไม่ต้องการตายนอกประเทศ ดังนั้น วิธีคิดแบบนักธุรกิจก็คือถ้าสู้แบบเก่าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการสู้ วิธีหนึ่งถ้าเป็นทุนนิยม สมมุติว่าคุณมีสองฟากเป็นบริษัท สู้ไม่ได้คุณก็ไปรวมกัน หมายความว่าเขา merge เป็นบริษัทเดียวกันเลยก็ได้ มีนะ


แต่ในการเมืองในประเทศไทยมันไม่ใช่อย่างนั้น ในทัศนะอาจารย์ เป็นความสุ่มเสี่ยงของพรรคเพื่อไทยกับคุณทักษิณอย่างแรงมาก ความคิดของอาจารย์ก็คือความขัดแย้งยังดำรงอยู่ ไม่ทันไรคุณอุ๊งอิ๊งก็เจอไม่รู้กี่คดีแล้วที่เตรียม นักร้องเหล่านี้เป็นนักร้องในค่ายจารีตอำนาจนิยมทั้งสิ้น


*** การที่ “เพื่อไทย” เคยข้ามขั้วไปจับกับ “ลุง” แล้ว วันนี้ยังย้อนกลับไปจับมือกับพรรคที่เคยเป็นศัตรูต่อสู้กันมาก่อนเหมือนกับหักอุดมการณ์ มันจะมีผลทางการเมืองอย่างไร? ***


มีผลมากขึ้น แต่ว่าก็ไม่ได้มาก ถ้ามากสุด ๆ คือตอนข้ามขั้ว พอข้ามขั้วไปแล้ว ในความคิดของอาจารย์ก็คือเป็นฉายา “ประยุทธ์ 3” เพราะว่ามันก็คือชุดรัฐบาลเดิม


*** ประยุทธ์ 1 คือ คสช. ถูกมั้ยคะอาจารย์ แล้วก็ไล่มายุค 2562 ***


ใช่ 2562 เขาเป็นรัฐบาลได้เพราะเสียงสว.สนับสนุน แล้วก็มีพรรคที่ไปทางไหนก็ได้ขอให้เป็นรัฐบาล ขออภัยนะ อย่างเช่น พรรคภูมิใจไทย ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่อยากร่วมกับลุงเท่าไร แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาลเขาก็ไป ครั้งนี้พอ 2566 กลายเป็นว่าก็เป็นชุดเดิม แต่ว่าพลังเขาอ่อน ในทัศนะอาจารย์ ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีเขาแหลมคมมากเลยในการที่ดึงพรรคเพื่อไทยมา พอดึงพรรคเพื่อไทยมา ทำให้ฝั่งจารีตอำนาจนิยมยังสามารถดำรงอยู่ได้ ทั้งในฐานะกลไกรัฐ ในฐานะฝ่ายบริหาร คือในทั้งหมดเลย เพราะว่าเขาดึงนิติบัญญัติก็คือสส.พรรคเพื่อไทยมา 140 กว่าเสียง ถ้าเขาไม่ได้ 140 กว่าเสียงนี้เขาจะตั้งรัฐบาลยังไง? ก็ผสมกับคุณทักษิณต้องการกลับมา ไม่ต้องการตายต่างประเทศ แล้วก็ยังเชื่อว่ามีวิธีเดียวเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะเติบโตต่อไปได้ เขาก็คงมองว่าถ้ายังสู้แบบเดิมพรรคประชาชนก็อาจจะได้คะแนนนิยมมากกว่า


*** พอไปหักกับ “ลุงป้อม” พลังประชารัฐ แล้วก็เลยจำเป็นต้องดึง “ประชาธิปัตย์” ที่เคยเป็นศัตรูเข้ามาเสริมทัพอย่างนี้เหรอคะอาจารย์ ***


ใช่ แต่ว่าอาจารย์เข้าใจว่าเขาติดต่อกันมาก่อนแล้วนะตั้งแต่รอบแรก มันมีแนวโน้มว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้สักลุงหนึ่ง หรือไม่ได้สองลุง เขาก็อาจจะเอาประชาธิปัตย์มา แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าได้พรรคลุงเหนียวแน่นเลย ยังไปสั่งลูกน้องว่า “อย่าดื้อ” เลย



*** อาจารย์อ่านใจคุณทักษิณได้มั้ยคะ คือเคยต่อสู้กับประชาธิปัตย์มาในอดีตร่วม 20 ปี แล้วประชาธิปัตย์ก็ไม่เอา “ระบอบทักษิณ” เลย แต่วันนี้กลับมาอยู่รวมกัน แล้วจะทำงานกันต่อไปยังไง? ***


เขาคิดแบบนายทุนและเขาบอกว่าเขาลืมอดีต เขาจะอยู่กับปัจจุบัน-อนาคต สิ่งนี้ในทางธรรมะเขาใช้สำหรับบุคคล อดีตนั้นลืม ไม่ต้องไปสนใจอดีต อย่าว่าแต่ประชาธิปัตย์ ขนาด “ประยุทธ์” ที่ทำรัฐประหารเขา เขาก็ยังลืมหมด รวมทั้งมีคดีความอะไรต่าง ๆ มากมาย กลไกรัฐหลังรัฐประหารเป็นกลไกรัฐที่ขึ้นอยู่กับคณะรัฐประหารทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นตุลาการ ไม่ว่าจะเป็นระบบยุติธรรมส่วนขั้นต้น ขั้นกลาง อะไรต่าง ๆ ไปอยู่ในมือคณะรัฐประหารทั้งหมด ถือว่าทำรัฐประหารชนะแล้วถือว่าเป็นเจ้าของอำนาจ คุณทักษิณพูดเป็นทำนองเพื่อให้ศัตรูสบายใจว่าเขาลืมอดีต จำได้แต่ไม่จำ ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เขาคิดอย่างนั้น แต่จริง ๆ ก็คือเขาไม่มีทางเลือกเหมือนกันถ้าเขาจะกลับ


ข้อสำคัญเราต้องเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคการเมืองของนักต่อสู้ ไม่ใช่พรรคที่มาจากนักต่อสู้แล้วมารวมตัวกันนะ เขาเป็นพรรคนายทุนที่เข้ามา ช่วงนั้นมีวิกฤตเศรษฐกิจ แต่การเมืองมันถูกแก้โดยการต่อสู้ประชาชนปี 2535 จนได้รัฐธรรมนูญ 2540 อย่างดี ดังนั้น เขามาถูกที่ถูกเวลาในเวลานั้น แล้วก็เหมือน “พรรคประชาชน” มาถูกที่ถูกเวลาในเวลานี้ มันจึงได้กระแส แล้วเขาก็พยายามทำด้านเศรษฐกิจ ทำ 30 บาท ทำกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายจารีต พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคอื่น ๆ ไม่เคยทำ เพราะพรรคเหล่านั้นมอบให้การดำเนินงานเป็นของหน่วยงานรัฐ เช่น สภาพัฒน์ฯ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐในการขับเคลื่อน เขาไม่จำเป็นต้องมีนโยบายเลยในสมัยก่อน พอมาพรรคไทยรักไทยมีนโยบาย พรรคไทยรักไทยก็ขึ้น แต่ว่านั่นมันเมื่อก่อน

         

เวลาที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ในทัศนะอาจารย์มันเป็นวิกฤตการเมือง คุณทักษิณก็คงมองว่าจะใกระแสประชาธิปไตยแบบเดิมก็คงไม่ได้ แต่ว่าจะเอาศรัทธาต่อบุคคล ต่อตระกูล แล้วก็การสัญญาจะผลักดันทางเศรษฐกิจ เป็นสัญญากับประชาชนแล้วก็สัญญากับฝั่งอนุรักษ์นิยมด้วยว่าฉันจะทำเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่คุณลองทำดิจิทัลวอลเล็ตแบบเดิมเขาก็ไม่ให้คุณทำ


*** นี่ก็เลยเป็นความจำเป็นที่จะต้องไปรวมกับพรรคร่วม ถึงแม้ที่จะเป็นศัตรูกันก็ตาม ***


อันนี้เรามองเขา แต่สำหรับอาจารย์นั้นไม่เห็นด้วยอย่างแรง


*** นี่กำลังจะถามอาจารย์ ในความรู้สึกที่เป็นนักต่อสู้ ความรู้สึกของคนเสื้อแดง เขาจะรู้สึกอย่างไรกับการข้ามขั้วไปจับมือกับคนที่เคยเป็นศัตรูกันมา ***


คนเสื้อแดงเขาไม่ได้ยึดกับบุคคลนะ แต่ถ้ามองถนนการต่อสู้ของประชาชนเสียหายมากที่สุด แม้มันจะไม่มีการปราบปราม แต่มันเป็นการเสียหายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่พรรคการเมืองและคณะเป็นพันธมิตรของประชาชนในฝั่งประชาธิปไตยข้ามขั้วไป แต่อาจารย์ก็ยังบอกพวกว่าอย่าไปถือว่าเขาเป็นศัตรู เพราะว่าอาจารย์ไม่รู้ว่าเขาจะข้ามไปได้กี่วัน


*** อาจารย์ได้คุยกับคนเสื้อแดงบ้างมั้ยคะว่าเขามีความรู้สึกอย่างไร พอเห็นภาพของรัฐบาลที่ข้ามขั้วไป ***


คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งที่เป็น FC สุดโต่งนะ เขาก็ไม่สนหรอก คุณทักษิณ คุณอุ๊งอิ๊ง ไปทางไหนเขาก็ไปทางนั้นแหละ อันนี้เป็นเสื้อแดงแบบ FC แต่เสื้อแดงอุดมการณ์ ไม่ต้องพูดกันเลย คือเขาแสดงออกโดยการเป็นโหวตเตอร์ที่เลือก แต่ว่าเขาจะไม่ออกมาประท้วงคุณทักษิณ จะไม่เห็นภาพของคนเสื้อแดงที่มาประท้วงคุณทักษิณ เพราะเมื่อยามที่เขาต้องการจะช่วยคุณทักษิณเขาก็ไม่ได้ออกมา คืออาจารย์อยากจะยกย่องคนเสื้อแดงที่ผ่านมาว่า เขาไม่ได้ยึดกับุคคลนะ เวลาเรามีการชุมนุมทีไรมันเป็นเรื่องใหญ่ ต่อต้านรัฐประหาร! ให้ยุบสภา! คืนอำนาจให้ประชาชน! อย่างนี้ตลอดเลย ไม่แม้กระทั่งไปชนกับฝั่งกปปส. หรือพันธมิตรฯ และแม้กระทั่งคุณทักษิณถูกยึดทรัพย์ เขาคิดว่าจะมาเสื้อแดงมาประท้วง ก็ไม่มี พรรคไทยรักไทยถูกยุบ พลังประชาชนถูกยุบ คนเสื้อแดงก็ไม่ออกมาประท้วง แต่ออกมาประท้วงในเรื่องหลักการใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น


แต่ว่าถ้าเป็นบุคคลเขาก็ไปเป็นโหวตเตอร์ ก็คือขาที่อยู่ในเวทีรัฐสภา เขาก็ใช้ของตัวเขาเอง ไม่ได้ขึ้นกับแกนนำ ไม่ได้ขึ้นกับคุณทักษิณ แต่เขาขึ้นกับอุดมการณ์ที่เราขับเคลื่อนกันมาตลอดเกือบ 20 ปี ในการต่อต้านรัฐประหารและต่อต้านระบอบดั้งเดิมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะการเมืองที่ล้าหลังเป็นสาเหตุทำให้ปัญหาเศรษฐกิจแก้ไม่ได้ ความเหลื่อมล้ำมากับความล้าหลังของการปกครองด้วย คุณจะแก้ได้ยังไง ถ้าการปกครองยังเป็นการปกครองแบบเดิม จารีตอำนาจนิยม คุณจะทำสวัสดิการก็ไม่ได้ ขนาด 30 บาท ก็ถูกต่อต้านมาก ดีแต่ตอนนั้นรัฐบาลเขาแข็งแรงแล้วก็อยู่ได้จนบัดนี้


อาจารย์มองว่าคุณทักษิณข้ามขั้วมาแล้ว คุณทักษิณเสี่ยงทั้งกลไกรัฐและประชาชนฝั่งจารีต เพราะว่าคุณทักษิณมาเป็นรัฐบาล หมายถึงพรรคเพื่อไทยขณะนี้เป็นรัฐบาล เขารู้สึกว่าเขาแพ้ เพราะว่าระบอบทักษิณกลับมาแล้ว ประมาณนั้น แม้ว่าจารีตส่วนหนึ่งมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น แต่พวกนี้เป็นพวกที่สุดขั้วที่เกลียดชังคุณทักษิณก็ยังไม่เลิก เพราะฉะนั้นคุณอุ๊งอิ๊งก็มีความเสี่ยงกับกลไกรัฐและประชาชนฝั่งจารีต ที่ไม่ยินดี ไม่สนว่าถ้าเพื่อไทยไม่อยู่แล้วรัฐบาลนี้จะตั้งยังไง? พวกเขาก็ไม่สน ขออย่างเดียวอย่าให้มีระบอบทักษิณกลับมา


*** ความรู้สึกของคนเสื้อแดงลึก ๆ แล้ว อย่างญาติวีรชนเขาสูญเสียครอบครัว เขารับได้หรือกับการลืมอดีตที่ผ่านมา ***


คือเงินเยียวยานั้นได้หมดทุกคน แต่ว่าเงินเยียวยาไม่สำคัญเท่ากับว่า การฆ่าคนกลางถนนไม่มีคนต้องมารับผิดชอบ แล้วมันจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกที่อาจารย์เคยพูดมาตลอดว่า การทวงความยุติธรรมในปี 2553 ที่อาจารย์ตั้งคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ตั้งอย่างเจียมตัวนะ ไม่ได้ตั้งแบบคณะใหญ่ที่ทำงานใหญ่ แต่อย่างน้อยที่สุดภารกิจที่ยังค้างอยู่ คือมันจะไปทวงได้ที่ไหน เพราะว่าเขามาสามัคคีอยู่กับฝั่งนี้แล้ว


FC พรรคก็มีจำนวนหนึ่ง เขาก็ถือว่าเขารับได้ แต่ว่าคนที่อยู่บนอุดมการณ์ประชาธิปไตย เขาไม่ได้ทวงแค่ปี 2553 นะ เพราะว่ามันอาจจะเกิดขึ้นต่อไป คือฆ่าคนทีไรแล้วไม่ต้องรับผิด มันก็ฆ่าได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนกับที่อาจารย์ไปบอกที่ ICC แล้วเขาก็มา แต่ตอนนั้นนะ ก่อนทำรัฐประหาร เพื่อไทยยังไม่ยอมเซ็น อัยการจาก ICC มาแล้ว ยังไม่ยอมเซ็น ดังนั้นเขาก็มีเส้นของเขาในการทำงาน อาจจะเป็น ถ้าเป็นลูกวัวก็กลัวเสือเกินไปหรือเปล่า? เขาไม่ใช่ลูกวัว แต่เขาเป็นวัว แล้วถ้ามันเป็นฝูง ฝูงวัวก็ไม่กลัวเสือนะ ถ้าเราจะเปรียบ “พรรคประชาชน” ก็เหมือนลูกวัวไม่เคยเห็นเสือก็ได้ แต่ “พรรคเพื่อไทย” เป็นวัวใหญ่และมีมวลชนมากมาย มันก็ต้องต่อสู้ซิ แต่วิธีคิดในเชิงยุทธศาสตร์ ในความคิดอาจารย์นะ เขาประเมินฝั่งอนุรักษ์นิยมต่ำไป ก็เลยใช้วิธีว่าลืมกันนะ จะมาทำงานด้วยกันต่อไป แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ สำหรับคนที่มีหลักการมันลืมไม่ได้ และมันเป็นปัญหาสำหรับอนาคต


มันเป็นการที่เราทบทวนอดีตแล้วพยายามที่จะแก้ปัญหาในอดีต ไม่ใช่เพื่ออดีตนะ แต่เพื่ออนาคตด้วย คือจะได้ไม่ต้องมีใครมาทำแบบนี้อีก แล้วถ้าปล่อยให้ลอยนวล คุณคาดไม่ได้หรอกว่าอนาคตที่บอกว่าดูจะดีงาม มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ดีงาม แม้คุณพยายามจะเอาใจฝั่งจารีตแค่ไหน เอาใจยังไง แต่อาจารย์มองว่ามันไม่ใช่นะ เพราะว่าฝั่งเขาเหี้ยมโหดอำมหิต เราดูจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แล้วเขาทำได้ทุกอย่าง เพราะว่าความเป็นจารีตอำนาจนิยมดั้งเดิมเขาถือว่าทำอะไรก็ได้เพื่อรักษาความมั่นคง ในกรณีนี้เขาถือว่าเป็นความมั่นคงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่เป็นความมั่นคงแบบดั้งเดิม ไม่ได้นึกถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปว่าคุณจะต้องมีการปรับตัวอย่างไร


เพราะฉะนั้น ข้อเรียกร้องของเยาวชนอะไรต่าง ๆ พวกนี้ก็ประเภท “ลูกวัวไม่เคยเห็นเสือ” ก็ไม่กลัวเสือเหมือนกัน ที่เด็ก ๆ เขาเสนอมันก็เลยไปกระทบความรู้สึกของฝั่งที่เป็นห่วงความมั่นคงอย่างรุนแรง แต่ในความมั่นคงที่เขาคิดและเขาทำแบบนี้ อาจารย์ว่ามันยิ่งไม่มั่นคง ถ้าจะมั่นคงก็คือมันต้องปรับด้วยกัน จะมากดว่าอย่าให้มีคนมาวิพากษ์วิจารณ์หรือมีอะไรที่พูดแล้วคุณไม่สบายใจ มันก็ต้องปรับด้วยกันทั้งสองข้าง และต้องมีการศึกษาทั้งสังคมเพื่อจะเดินหน้าไปด้วยกัน แต่ถ้าฝั่งจารีตอำนาจนิยมยังใช้วิธีการแบบเดิม อาจารย์ก็มองว่าน่าเป็นห่วงข้างหน้า อาจารย์ถือว่ายังไม่รู้เลยว่ารัฐบาลนี้กับคุณอุ๊งอิ๊งจะเป็นยังไง



*** อาจารย์ประเมินว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะอยู่ครบเทอมมั้ยคะ ***


ไม่แน่ใจเลย คือขึ้นอยู่กับว่าฝั่งจารีตเขาจะตกลงกันได้มั้ย ถ้าฝั่งจารีตเขาพูดกันเอง ไปสั่งสอนพวกที่จะมาเล่นงานนะ บอกให้หยุด! เขาจะเชื่อหรือเปล่า? เพราะเขาไม่สนใจ เขาไม่มีผลประโยชน์อะไร สมมุติไปบอกคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เขาอาจจะพูดว่าจะด่าซะอย่างเดียว เขาก็อาจจะไม่สนใจ เพราะเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลไกรัฐอย่างอื่น คือมันขึ้นอยู่ว่าฝั่งจารีตเป็นผู้กระทำและเขาจะทำแค่ไหน?


ฝั่งประชาธิปไตยไม่ได้เป็นผู้กระทำต่อคุณทักษิณหรือพรรคเพื่อไทยนะ อย่างมากก็คือถ้าคุณทำไม่สำเร็จ โหวตคราวหน้าเขาก็ไม่เลือกคุณ แต่ว่าผู้ที่กระทำต่อรัฐบาลชุดนี้ ล้วนแต่เป็นเครือข่ายของจารีตอำนาจนิยมทั้งสิ้น ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ จนกระทั่งมาถึงยุคใหม่ เวลา 10 กว่าปีมานี้เขายังมีชีวิตอยู่ แต่บางคนก็แยกไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปอยู่กับลุงป้อม (พลังประชารัฐ) อย่างคุณไพบูลย์ก็ขวาสุด ๆ เลยแหละ เหลืองจัด ๆ เลย แล้วก็ยังมีนักร้องอะไรต่าง ๆ มากมาย


ดังนั้นผู้ที่จะกระทำต่อพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่แม้กระทั่งพรรคประชาชน และแม้กระทั่งคนเสื้อแดงที่เขาไม่เอานะ แต่เขาจะไม่มาทำร้ายพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณแน่นอน แต่ผู้ที่จะกระทำจะอยู่ในฝั่งที่คุณไปรวมกับเขา ที่ไปช่วยให้เขามีความเข้มแข็งนั่นแหละ ฝั่งนั้นแหละจะเป็นผู้กระทำ มันมีเป็นจำนวนมาก บอกไม่ไหวหรอก มันเยอะมาก


*** วันนี้คนเสื้อแดงยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่มั้ย ถึงแม้จะข้ามขั้วไปแล้ว ***

 

เฉพาะ FC แต่ถ้าคนที่ยืนหลักอุดมการณ์ “ไม่เห็นด้วย” มีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งครั้งหน้าที่เขาจะไม่เลือกพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าในความฝันของพรรคเพื่อไทยก็คิดว่าจะพยายามทำงานเศรษฐกิจเพื่อดึงกลับมา ยังมีความผูกพันนะ เราเคยรักกันนะ ส่วนตัวเขาก็ไม่ต้องการให้คุณอุ๊งอิ๊งหรือคุณทักษิณบาดเจ็บ ไม่ว่าจากการเมืองหรือจากการกระทำ ถึงแม้ว่าเขาไม่เลือกพรรคเพื่อไทย และอาจารย์เชื่อว่า “พรรคประชาชน” เขาก็ยังต้องการความร่วมมือจากพรรคเพื่อไทยในปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมทั้งนิรโทษกรรมทางการเมือง ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากให้ได้คะแนนเสียงอยู่ระดับหนึ่ง ไม่ให้คนเสื้อแดงหนีไปหมด คุณต้องสนับสนุนการเมืองที่ก้าวหน้าร่วมกันกับพรรคประชาชนด้วย


*** คือการจะกู้วิกฤตศรัทธาจากคนเสื้อแดงกลับคืนมา เพื่อไทยจะต้องวางบทบาทอย่างไรต่อไป ***


ควรจะต้องมีการต่อสู้ทางการเมืองในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรม อาจารย์คิดว่าจะเป็นวัวตัวใหญ่หรือเป็นลูกวัว ก็ควรจะนิรโทษให้หมด เพราะทั้งหมดไม่สามารถทำลายความมั่นคงได้หรอก ที่ว่าเซาะกร่อนบ่อนทำลาย แต่การแข็งตัวไม่ยืดหยุ่นของความดั้งเดิม อันนั้นแหละจะทำลายตัวเอง สนิมหรือการทำลายมันเกิดจากเนื้อในนะ ถ้ามันจะเซาะก่อนบ่อนทำลาย สมมุติว่ามันเกิดสนิม มันอาจจะมีฝนหรืออะไร แต่มันมาจากเนื้อในเหล็กเอง เพราะฉะนั้นจะไปโทษปัจจัยภายนอกไม่ได้ ต้องแก้ปัจจัยภายในในกลุ่มจารีตอำนาจนิยมเองว่า ความมั่นคงในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ควรจะเป็นอะไร ถ้าไม่ไว้ใจประชาชน ไม่เชื่อมั่นในประชาชน นี่ก็คือไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย


และสิ่งที่ต่อสู้กันอยู่ตรงนี้ก็คือว่า จะเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบที่โลกเขาเป็นได้มั้ย? อาจารย์ว่าถ้าเป็น มันจะไม่มีภัยพาลในประเทศเลย แต่ถ้าไม่เป็น คุณดูพม่าเลย มันมีโอกาส เพราะว่าทางออกของคนจะไม่มี เหมือนตอนปี 2519 คนไปเข้าป่า ที่มีการต่อต้าน “สหายใหญ่” ขึ้นมา เพราะตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกเลย มีการฆ่าเยาวชนในมหาวิทยาลัย หาว่าเขามีอาวุธ หาว่าเขาเป็นคนเวียดนาม มันก็เหลือทางเดียว เพราะว่าในยุคนั้นเป็นยุคสงครามเย็น เขาก็เข้าป่าร่วมกับพคท. เพราะว่ามันเป็นการผลักคน ดีแต่ว่านายทหารยุคหลัง โดยเฉพาะ “บิ๊กจิ๋ว” เขาก็เสนอ พล.อ.เปรมให้มี 66/23 ก็มีการแก้ปัญหากลับมา วิถีทางก็คือทำให้ประเทศเป็นเสรีประชาธิปไตย แล้วความมั่นคงจะมาเอง


*** ซึ่งอาจารย์มองว่าการจะก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ก็ต้องมีนิรโทษกรรม ***


ก้าวข้ามความขัดแย้ง นิรโทษกรรมเป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือฝั่งจารีตอำนาจนิยมต้องตระหนัก ไม่ใช่คอยจ้องจับผิดว่าคนอื่นมาทำ มันอยู่ที่พวกคุณเองนั่นแหละ ถ้าแข็งทื่อแล้วเปราะบางขนาดนี้ แล้วคุณจะอยู่ยังไง? ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ คือคุณต้องเข้าใจว่าประเทศนี้ใครมีอำนาจสูงสุดจริง ถ้าเชื่อว่าประชาชนมีอำนาจสูงสุดจริง แล้วปรับกลไกองค์กรโบราณให้เข้ากับสมัยใหม่ อาจารย์ว่าประเทศไทยโชติช่วงชัชวาล แต่ถ้ามองว่าพวกนี้เป็นพวกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย และต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทย ๆ แบบไทย ๆ ก็คือคน 1% คนชั้นบนยังมีอำนาจอยู่เหนือกว่า แล้วอย่างนั้นคุณจะแก้ความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร? ทำไมหนี้ครัวเรือนสูงมากขนาดนี้ แล้วจะไปรอดหรือ? อาจารย์คิดว่ามันยาก แต่ว่าเพื่อไทยมารวมอยู่ครั้งนี้ อาจารย์ไม่รู้ว่าถ้าฝั่งจารีตยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างปี 2519 ประเทศนี้แย่แล้วนะ แต่แก้ปัญหาได้โดยทหารจำนวนหนึ่ง ซึ่งเขามองว่าทำแบบนั้นไปไม่รอด ยิ่งฆ่ากันเป็นหลายร้อยคนที่ตาย (ทหาร) ฝั่งพคท.ไม่ค่อยตายหรอก มันไม่เข้าท่า เขาก็เลยใช้ 66/23 ให้คนกลับมา อันนี้แปลว่าเขารู้วิธีแก้ที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้น วิธีแก้ไม่ใช่จับคน ตอนนี้คุณดึงเพื่อไทยมา ในเกมกลยุทธก็ถือว่าชนะระดับหนึ่ง แต่พรรคพวกของคุณก็ยังไม่ยอมนั่นไง


*** อันนี้ก็เลยเป็นความเสี่ยงของรัฐบาลคุณอุ๊งอิ๊งต่อไป ***


เป็นความเสี่ยงของรัฐบาลคุณอุ๊งอิ๊ง อาจารย์อยากจะฝากไว้ว่าฝั่งจารีตยังหนักหน่วงอยู่นะ บอกให้รู้เลยว่าสำหรับพรรคเพื่อไทย คนที่จะเล่นงานคุณไม่ใช่คนเสื้อแดงที่ไม่เลือกคุณนะ และแม้กระทั่งพรรคประชาชนนะ แต่คนที่จะเล่นงานคุณก็คือคนฝั่งจารีตอำนาจนิยมทั้งนั้น ทั้งในส่วนคู่แค้นเดิม กลไกรัฐเดิม และพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐบาลหรือนอกรัฐบาลก็ตาม คนเหล่านี้เขารู้ว่าเนื้อแท้ยังไม่ตรงกันเสียทีเดียว อาจารย์เลยบอกว่าเดี๋ยวนั่งรอดู ไม่รู้ว่าจะไปแค่ไหน? คุณจะอยู่ไปแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน


*** นี่จึงเป็นจุดอ่อนของการดึงศัตรูเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยหรือเปล่าคะอาจารย์ ***


ไม่ใช่ดึงศัตรู คุณทักษิณถูกดึง! คุณทักษิณไม่ใช่ตัวหลักนะ ตัวหลักก็คือคุณประยุทธ์และฝั่งจารีตที่ได้ติดต่อให้คุณทักษิณมาร่วม แล้วคุณทักษิณยอมไปร่วม ขณะนี้อย่านึกว่าเป็นรัฐบาลแล้วตัวเองมีอำนาจนะ คุณไม่ใช่เลย ผู้กระทำและผู้มีอำนาจที่แท้จริงก็ยังเป็นฝั่งอนุรักษ์นิยม คุณจะอยู่ไปแค่ไหนไม่รู้เหมือนกัน!


*** อาจารย์คิดว่าจะอยู่ครบเทอมมั้ย ***


ขึ้นอยู่กับว่าฝั่งจารีตจะจัดการยังไง? ถ้าฝั่งจารีตไม่เอาหรือควบคุมกันไม่ได้ เช่นควบคุมนักร้องไม่ได้ ควบคุมพวก สนธิ ลิ้มทองกุล หรือพวก กปปส. ไม่ได้ แล้วมันปั่นป่วน ดี/ไม่ดี เขาก็เจอรัฐประหารอีกรอบหนึ่งก็ได้ มันมีโอกาสที่ว่าผู้กระทำขณะนี้ก็คือฝั่งจารีตอำนาจนิยม แม้คนจะไปเลือกพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยตอนนั้นจำนวนมากก็จริง แต่กลไกรัฐทั้งหลายยังอยู่ในระบอบเดิม และเป็นฝ่ายกระทำ ไม่ใช่คุณทักษิณเป็นฝ่ายกระทำนะ แต่พวกสุดขั้วก็ยังมองว่าต่อไปนี้จะเป็นระบอบทักษิณ ขอโทษ! ไม่ใช่หรอก แต่ทักษิณจะเข้าไปอยู่ในระบอบอนุรักษ์นิยมนั่นแหละ


*** ถ้าจะรักษาเสถียรภาพต่อไปให้ได้ คุณทักษิณ/พรรคเพื่อไทยควรจะต้องตั้งรับหรือเดินเกมอย่างไร ***


ก็ต้องบริหารความขัดแย้ง ก็คือต้องต่อรองกับฝั่งกลไกจารีตนิยมเดิมว่าต้องมีการปรับ อาจารย์ดูแล้วว่าดิจิทัลวอลเล็ตใช้เวลานานมาก ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ค้าน สภาพัฒน์ฯ ก็ค้าน คนโน้นคนนี้ก็ค้าน ให้ทำได้แบบเดิม (แบบลุงตู่) คือใช้บัตรลุงตู่และให้คนเปราะบาง เขาไม่อยากให้เกิดพายุหมุนหรอก คือแม้คุณทักษิณจะเป็นสิ่งจำเป็นที่เขาจะรักษาเอาไว้ แต่คุณทักษิณไม่ได้เป็นที่รักยิ่ง เป็นความจำเป็นที่เขาไม่อยากได้ แต่มันจำเป็น! ดังนั้นกลไกรัฐเดิมก็จะต้องพยายามควบคุม เช่น ผู้ว่าธนาคาร, สภาพัฒน์ฯ จะต้องออกมาว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ คุณทักษิณจะทำได้ก็เท่าที่เขาอนุญาต ใครเป็นรัฐมนตรีก็ต้องแล้วแต่ใบอนุญาต ตอนนี้ก็เลี่ยงมาเป็นรัฐมนตรีที่เขาตั้งชื่อไม่เพราะว่า “รัฐมนตรีสืบสันดาน”


*** บทบาทของคุณทักษิณก็มีความเสี่ยงที่คนจะมองว่าครอบงำลูกสาว หรือแม้กระทั่งครอบงำพรรคเพื่อไทย คุณทักษิณควรจะวางตัวอย่างไรต่อไป ***


คุณทักษิณแน่นอนว่าควรจะพูดให้น้อยหน่อย ยิ่งพูดมากก็มีโอกาสที่จะเปิดช่องว่าง ต้องเข้าใจว่าคุณไม่ได้เป็นผู้ชนะนะ เกมนี้ที่เป็นรัฐบาลอยู่ตอนนี้ คุณเป็นลูกไก่อยู่ในกำมือ ยังมีอำนาจในการควบคุมคุณทักษิณและอะไรต่าง ๆ เหล่านี้รายล้อมอยู่ แล้วอย่างที่บอก ฝั่งประชาธิปไตยไม่ใช่เป็นพวกที่ทำลายคน แต่คนที่จะจัดการกับคุณก็คือพวกนี้ ฉะนั้นถ้าจะอยู่รอด/ไม่รอด แม้คนเสื้อแดงไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่มาทำอะไร อย่างมากเขาก็ไปโหวตไม่เลือก


แต่ฝั่งที่เป็นศัตรูเก่าและฝั่งจารีตนี่แหละจะเป็นคนที่ทำให้คุณอยู่ไม่ได้ เขาอยากเห็นคุณทักษิณติดคุก ติดคุกจริงนิ ไม่ใช่ติดคุกแบบชั้น 14 ขอให้สังเกตว่าฝั่งคนเสื้อแดงไม่มีใครพูด เพราะว่าในทัศนะเขา คุณทักษิณก็เป็นฝ่ายถูกกระทำมามาก แต่ในฝั่งจารีตจะมองว่าคุณทักษิณมันชั่ว สามานย์ เป็นระบอบทักษิณ หลอกผู้คน



*** การที่คุณทักษิณไม่ได้ติดคุกเลยคนเสื้อแดงไม่ได้ติดใจอะไร ***


ไม่ติดใจ แต่เขาผิดหวังที่มาข้ามขั้วกลายไปอยู่ฝั่งศัตรู แต่ถามว่า 3 ปีนี้เขาจะมารังควานอะไรให้คุณทักษิณอยู่ไม่ได้มั้ย? ไม่ใช่นะ อยู่ได้หรือไม่ได้ตอนนี้ขึ้นอยู่ในกำมือของฝั่งจารีตว่าคุณทักษิณจะต้องติดคุกมั้ย? จะเจอคดีอะไรมั้ย? อุ๊งอิ๊งจะเจอมั้ย? เขาจะต้องตัดสินว่าจะให้พรรคเพื่อไทย/คุณทักษิณอยู่ หรือว่ายอมให้พัง


*** แล้วจะได้เห็นภาพการก่อม็อบลงถนน ม็อบจะจุดติด ยกระดับเป็นเหมือนกับ กปปส. ในอดีตมั้ยคะอาจารย์ ***


อาจารย์ว่าไม่ใช่นะ พวกเสื้อเหลืองเขาอาจจะอยากจุดม็อบ ฝั่งจารีตเขาอยากจุดม็อบ แต่อาจารย์เชื่อว่าคงไม่ค่อยมี แต่ฝั่งเสื้อแดง ถึงจะไม่ชอบก็คงไม่มีใครไปทำม็อบ เขาจะแสดงออกตอนไปโหวตเลือกตั้ง อย่างน้อยความสัมพันธ์เดิมในฐานะที่เป็นมิตรเก่า เขาก็ไม่ต้องการที่จะมาทำลาย แต่แน่นอน ช้ำใจ! เสียใจ! และนึกไม่ถึงว่าจะมีภาพนี้ในวันนี้ จากวันที่เมื่อก่อนคือสู้กันมา 10 กว่าปี ล้มหายตายจากจนป่านนี้ความยุติธรรมยังไม่ได้ แต่คุณข้ามไปอยู่กับคนที่ส่วนสำคัญในการฆ่าประชาชน “พรรคประชาธิปัตย์” แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่อยู่ ไปอยู่ รทสช. บ้าง ไปอยู่ พปชร. บ้าง หรือพรรคอื่นบ้างก็จริง แต่ความเป็นพรรคที่ต้องรับผิดชอบกับทิศทางการเมือง ไม่ว่าคุณจะไม่ลงรับเลือกตั้ง ไม่ว่าคุณจะลงถนนร่วมกับพธม. ลงถนนร่วมกับกปปส. มันเป็นประวัติศาสตร์ของพรรคแล้ว แม้ตัวคนไม่อยู่


แต่อย่างไรก็ตาม อาจารย์เชื่อว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ออกมาประท้วงเรื่องนี้แน่นอน เพราะว่าเขาไม่ได้ต้องการจะทำลายคุณทักษิณ แต่เขาเสียใจ สำหรับอาจารย์ก็เสียใจมาก แล้วก็ไม่เห็นด้วยที่เขาข้ามขั้วไป แต่เราเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อต่อสู้ทางการเมือง แต่เขาตั้งพรรคเพื่อเป็นรัฐบาล แล้วก็เขาต้องการจะกลับมา เพราะฉะนั้นก็เป็นอันว่าจบบทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว ก็ขอให้ไปดีเถอะ รอบข้างคอยขย้ำทั้งนั้น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณ #เพื่อไทย #ประชาธิปัตย์ #รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง