'ภท.' จ่อรอด 'เลขา กกต.' ชี้ คดี 'ศักดิ์สยาม' ไม่เป็นเหตุยุบพรรค คาดไม่เกินเดือนต.ค.รู้ผล เผยสั่งยุติยุบ 'พปชร.' ปมเงินบริจาคตู้ห่าวแล้ว เหตุพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันที่ 29 กันยายน 2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องยุบพรรคภูมิใจไทยจากเหตุรับเงินบริจาคจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถือหุ้นอยู่ว่า ประเด็นนี้ทำให้ตนเองถูกด่าฟรีมาปีกว่า ๆ เพียงเพราะว่าตนเองเป็นคนบุรีรัมย์ จนมีคนไปฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตว่าเหตุใดกกต.ถึงมีคำสั่งยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกลแต่กลับไม่ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย
จึงขอชี้แจงว่า ด้วยความที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายทะเบียนพรรคการเมืองไปตรวจสอบ และตนได้มีคำสั่งขยายระยะเวลาการทำงาน เพราะขณะกรรมการอยากจะได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ ทั้งที่จริง ๆ แล้วอยากจะให้วินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน แต่ขยายเวลาออกไปจนคนอื่นรู้สึกว่า เพราะเลขาธิการกกต. เป็นคนบุรีรัมย์ ซึ่งสัมพันธ์กันอย่างไรตนก็ไม่เข้าใจ ทำให้ตนเองกลายเป็นจำเลยของสังคม ทั้ง ๆ ที่ตนไม่เคยเข้าไปยุ่ง
เลขากกต. กล่าวต่อว่า ถ้าถามข้อกฎหมายจริง ๆ อย่างกรณีของพรรคก้าวไกลมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นแนวเอาไว้แล้ว ซึ่งก็ผูกพันกับกกตทำให้ต้องใช้อำนาจในการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่คดีของพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นการร้องว่าผิดหรือไม่ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีของนายศักดิ์สยามไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลย ไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง แต่เราก็พยายามหาว่าสิ่งที่เขามาร้องนั้นเป็นเหตุที่จะโยงไปสู่การยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่ เพราะสิ่งที่นายศักดิ์สยามทำผิดตามคำ วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง
"ผมไม่เคยไปสอบถามหรือแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นเรื่องของอำนาจใครอำนาจมัน แต่วันนี้ฟังได้ว่าเขาเสนอเรื่องมาแล้ว ตนก็จะได้สบายใจว่ามันจะได้จบเสียที ผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูว่าที่เสนอมานั้นเป็นอย่างไร บางทีสังคมเข้าใจไปว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ต้องยุบพรรคเหมือนกัน แต่ความรู้สึกของคนไปไกลแล้วว่าลักษณะเหมือนกัน แต่เรื่องของพรรคการเมืองหนึ่งถึงทำได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่เรื่องของอีกพรรคการเมืองหนึ่งกลับทำได้อย่างล่าช้า แต่จริง ๆ ต้องดูข้อกฎหมายดูที่คำร้อง "นายแสวง กล่าว
นายแสวง กล่าวต่อว่า หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอเรื่องเข้ามาแล้ว ตนก็จะส่งเรื่องให้กับกรรมการที่ปรึกษาของนายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งมีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธาน ได้ให้ความเห็นก่อน ก่อนที่จะเสนอให้นายทะเบียนฯ พิจารณาให้ความเห็นว่าผิดกฎหมายต้องมีการยุบพรรคหรือไม่ ถ้านายทะเบียนเห็นว่าไม่ผิดก็จบเลย แต่ถ้าเห็นว่าผิดก็เสนอต่อกกต. คาดว่าไม่เกินเดือนต.ค.ก็จบแล้ว
เลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า เรื่องของพรรคภูมิใจไทยก็เหมือนกับเรื่องร้องเรียนให้ยุคพรรคพลังประชารัฐ เนื่อจากกรณีการรับเงินบริจาคไม่ชอบด้วยกฎหมายจากนายตู้ห่าว ซึ่งการพิสูจน์ว่า เงินที่เขานำมาบริจาคนั้นเป็นเงินสีเทาได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมายเช่นเปิดบ่อนการพนัน ค้ายาเสพติด ซึ่งการจะดูว่าเงินนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถ้ามีหน่วยงาน ที่รับผิดชอบไปบอกว่าเงินนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถูกยึดก็จะชัดเจนว่าเป็นที่มาของเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เงินที่ไม่ชอบตามกฎหมายอื่น เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ทางกกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปวินิจฉัย ต้องเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายนั้นเป็นผู้วินิจฉัยเสียก่อน ซึ่งถ้าเงินที่ไม่ชอบตามกฎหมายนั้นเอามาบริจาค นั่นจะทำให้เขาถูกยุบพรรค แต่ถ้าเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายพรรคการเมืองโดยตรง ก็อย่างเช่นกรณี เงินกู้ ที่เป็นเหตุยุบพรรคอนาคตใหม่ กกต.มีอำนาจวินิจฉัยด้วยตัวเอง
"กรณีเงินบริจาคของนายตู้ห่าว ไม่มีหน่วยงานไหนวินิจฉัยว่าเงินนั้น ได้จากอะไร เมื่อมันเป็นไปตามกฎหมายอื่นแล้วไม่มีหน่วยงานไหนมาวินิจฉัย และเราก็ไม่มีอำนาจที่จะไปวินิจฉัยตามกฎหมายอื่น กกต.ก็ต้องยุติเรื่องไป พอมาถึงเงินของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีบริษัทหนึ่งเอาเงินมาบริจาค เงินนั้นคือเงินหลวงที่บริษัทประมูลงานได้ ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาในคดีหนึ่งที่มีบริษัทเขาไปฮั้วประมูล และผู้มีอำนาจไม่ให้เงินค่างานเขา ศาลบอกว่าต้องแยกให้ถูกเขาทำงานก็ต้องได้ค่างาน ฮั้วประมูลไม่เกี่ยวกัน นั่นหมายความว่า เงินค่างานเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเขาทำงานก็ต้องได้เงิน ส่วนเรื่องหัวประมูลก็ต้องไปดำเนินคดีอีกคดีหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ซึ่งถ้าคิดดี ๆ จะใกล้เคียงขึ้นมาทันทีว่าเงินที่พรรคการเมืองได้รับจาก บริษัทที่ไปทำงานให้หลวง นั่นคือเงินค่างานที่เขาได้รับจากการประมูลงานจากหลวง มีระบบบัญชีถูกต้อง เงินมันถึงเข้ามาอยู่ในบริษัทได้ ถ้าเป็นเงินฮั้ว มันเข้ามาอยู่ในบริษัทไม่ได้ ไม่รู้เงินนั้นจะไปอยู่ตรงไหน ดังนั้นถ้าตามกฎหมายแล้วมีความซับซ้อน คนจะคิดว่าฮั้วประมูลแล้วจะต้องยุบพรรค แล้วฮั้วจริงหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครรู้ในตอนนี้ หรือมีใครตัดสินอย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็คงเสนอขึ้นมาให้นายทะเบียนพิจารณา" นายแสวงกล่าว
เมื่อถามถึงกรณี ร้องเรียนการยุบพรรคพลังประชารัฐจากกรณีเงินของนายตู้ห่าวแสดงว่า นายทะเบียนมีความเห็นยุติเรื่องแล้วใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ยุติไปแล้วเพราะเงินนั้นเป็นเงินตามกฎหมายอื่น ซึ่งไม่มีใครมาวินิจฉัยว่ามันเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเราก็จะเอามาเป็นเหตุให้ยุบพรรคไม่ได้ มันเหมือนกับว่าเราพิสูจน์และฟังเขาจะจริงมาได้เท่านี้ เราไม่มีหน่วยงานไหนมาพิสูจน์และยืนยันได้ว่าเงินที่นายตู้ห่าวเอามาบริจาคนั้นมีที่มาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กกต #ภูมิใจไทย #พลังประชารัฐ #คดียุบพรรค