“ธิดา”
โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรธน. กรณีการแก้ไขมาตรา 112 เป็นอีกครั้งที่ศาลรธน.และอำนาจตุลาการที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน
แสดงบทบาทเหนืออำนาจนิติบัญญัติ
วันนี้
(3 กุมภาพันธ์ 2567) อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ต่อกรณีการแก้ไขมาตรา 112 ความว่า
ความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีการแก้ไขมาตรา
112 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567
ธิดา
ถาวรเศรษฐ / 3 ก.พ. 67
เป็นอีกครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญและอำนาจตุลาการที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน
ได้ควบคุม ลงโทษ แสดงบทบาทเหนืออำนาจนิติบัญญัติ ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ยังไม่ได้เป็นตัวบทกฎหมายตามมาตรา
148 ของรัฐธรรมนูญ (1) และ (2)
ซึ่ง สส., สว. 1 ใน 10
หรือร่วมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10
ของทั้ง 2 สภา
สามารถส่งความเห็นคัดค้านไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย หรือนายกฯ
ก็อาจส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า
ร่างพระราชบัญญัติ ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ อาจให้พระราชบัญญัติตกไป หรือ
ข้อความที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญตกไป หรือดำเนินไปตามมาตรา 81
ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 145
นี่เป็นระบบการออกกฎหมายของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ
2560 เขียนโดยคณะของผู้ทำรัฐประหารของฝ่ายจารีต-อำนาจนิยมเอง
ที่ให้บทบาทศาลรัฐธรรมนูญต่อฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อผ่านกฎหมายจากทางรัฐสภาไปแล้ว ไม่มีข้อไหนที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาจัดการ
ตั้งแต่ตอนเสนอร่าง และไม่ได้ถูกบรรจุในวาระในสภาเลย
นี่เป็นประเด็นสำคัญในการมองขอบข่ายอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
ที่ใช้มาตรา 49 ซึ่งเกี่ยวกับบุคคล คณะบุคคล
ที่ไม่ได้ใช้กระบวนการอำนาจนิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตย
ดิฉันเห็นว่า
นี่เป็นเรื่องสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่มีการคานอำนาจ 3 อำนาจ
กลายเป็นอำนาจที่ 4 เหนืออำนาจอื่น ๆ เหนือกว่าอำนาจที่มีที่มาจากประชาชนในการออกกฎหมาย
ฤาว่า ขณะนี้เราอยู่ในระบอบอื่น ที่องค์กรอิสระและอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากคณะรัฐประหารมีอำนาจเหนือกว่าประชาชน
การตรวจสอบเนื้อหากฎหมาย
ควรเป็นอำนาจของรัฐสภา แล้วจึงลงมติเห็นชอบหรือไม่ นี่เป็นหน้าที่ของรัฐสภา
ไม่ใช่องค์กรอื่นมาจัดการแทน ก่อนที่จะได้เข้ารัฐสภาด้วยซ้ำ
เพราะศาลรัฐธรรมนูญสามารถเข้ามาจัดการได้ตามมาตรา 148 ที่กล่าวมาแล้ว
เมื่อกฎหมายผ่านรัฐสภาแล้ว หรือตามมาตรา 210 ไม่ใช่มาตรา 49
เมื่อพิจารณาประเด็นเนื้อหาในร่างแก้ไขมาตรา
112 ของพรรคก้าวไกล กรณียกเว้นความผิดที่เป็นเนื้อหาสำคัญ
ผู้เสนอร่างน่าจะเอามาจากกฎหมายอาญา กรณีในปี 2478
ที่เขียนยกเว้นไว้ กรณีให้ สน.พระราชวัง เป็นผู้ร้องทุกข์
ก็น่าจะเอามาจากต่างประเทศและ คอป. ชุดนายคณิต ณ นคร
ดิฉันไม่ต้องการลงรายละเอียดในร่างของพรรคก้าวไกล
เพราะนั่นควรเป็นหน้าที่ของรัฐสภา เพื่อเข้าสู่วาระในรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม
ดิฉันเชื่อดังหลายท่านเชื่อว่า กฎหมายอาญามาตรา 112
ต้องสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
และเป็นไปตามหลักนิติธรรม, Rule of Law
ที่เป็นยุคสมัยของระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของคณะบุคคลชั้นนำจารีต
อาทิ
การแบ่งลักษณะปฏิบัติการดูหมิ่นและการอาฆาตมาดร้าย
เพื่อให้การลงโทษสอดคล้องกับเหตุแห่งโทษนั้น
รวมทั้งการให้โทษขั้นสูงสุดไม่ควรสูงกว่าหรือเท่ากับที่เคยมีในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ที่เป็น 3,
7 ปี ไม่มีโทษขั้นต่ำ
การที่ปัจจุบันมีโทษขั้นต่ำ
3 ปี โทษขั้นสูง 15 ปี มันเกินควรหรือไม่?
รวมทั้งการป้องกันไม่ให้มีการฟ้องร้องกลั่นแกล้งโดยไม่สมควรที่มีมากมาย
เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ฟ้องประชาชน เยาวชน
อย่างนี้เข้าข่ายบ่อนเซาะกัดกร่อนทำลายสถาบันฯ หรือไม่? พิจารณาดู
อนึ่ง
ตัวมาตรา 112
ปัจจุบันนี้ ก็มีที่มาจากการแก้ไขโดยข้อ 1 แห่งคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ฉบับที่ 41 [ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 93 ตอนที่ 134 หน้า 46
(ฉบับพิเศษ) วันที่ 21 ตุลาคม 2519]
ดิฉันเชื่อว่า
วิถีทางรัฐสภาของพรรคการเมือง ไม่ใช่วิถีทางล้มล้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ตรงข้าม สถาบันตุลาการ และศาลรัฐธรรมนูญ กลับเห็นชอบกับการทำรัฐประหารโดยกองทัพและกลุ่มคนที่เอาสถาบันมาแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์
อย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติและฝ่ายใดเลย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ศาลรัฐธรรมนูญ #มาตรา112 #ม112 #ล้มล้างการปกครอง