วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

พูดคุยกับ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำกลุ่ม นปช.: #นิรโทษกรรม ออนทัวร์ ตลาดนกฮูก #นิรโทษกรรมประชาชน เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2567 [ตอนที่ 2/2]

 


พูดคุยกับ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำกลุ่ม นปช. 

[ตอนที่ 2/2]


#นิรโทษกรรม ออนทัวร์ ตลาดนกฮูก #นิรโทษกรรมประชาชน เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2567


เพราะฉะนั้น เสื้อแดง ไม่ใช่หมายความว่าเอาเสื้อสีแดงมาใส่ แต่เสื้อแดงหมายความว่าหัวใจคุณ จิตวิญญาณคุณต่อต้านรัฐประหารและต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง แล้วตอนนั้นพอปรับเป็น นปช. อ.ธิดา เป็นคนเสนอว่ามันต้องมีนโยบาย ไม่เช่นนั้นมันเละเทะหมด ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ต้องมีนโยบายเพื่อเป็นทิศทางที่เป็นผลึก ก็เลยมีข้อ 1 ระบอบการเมืองต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยที่อำนาจสูงสุดนั้นเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ฉะนั้น โปรดเข้าใจคำว่า “เสื้อแดง” เพราะตอนหลังมาเละเทะหมดแล้ว ถ้าใครก็ตามไม่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ใครก็ตามไปจับมือกับฝ่ายรัฐประหารนี่ไม่ใช่เสื้อแดง


สำหรับผม คำว่า “สีแดง” หมายถึงคุณต่อต้านเผด็จการ สร้างสรรค์ประชาธิปไตยหรือต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงโดยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ไม่ใช่ไปจับมือกับคณะรัฐประหารครับ ทันทีที่คุณไปจับมือกับรัฐประหารนั่นไม่ใช่สีแดง กลับมาที่ประเด็น พวกผมติดคุกออกมาแล้ว ออกมาเป็นนปช. แล้วต่อมาเกิดการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร และคนทั้งประเทศเขาไม่พอใจที่มีการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เขาก็อยากจะแสดงออก ก็คือต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการตั้งในค่ายทหาร เพราะฉะนั้น คำขวัญของการเคลื่อนไหวปี 2553 ชัดเจนเลย ก็คือ “ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน”


แล้วผมยืนยัน เพราะว่าแรก ๆ ผมเป็นคนดูแลประชาชนที่จะไปม็อบ ผมติดต่อกับฝ่ายรับผิดชอบของรัฐบาล ประสานงานกันตลอด ผมบอกว่าให้ตั้งด่านตรวจละเอียดเลย ถ้าเสื้อแดงคนไหนมีกระทั่งมีด ริบเลย แล้วก็ตั้งข้อกล่าวหาเลย ผมยืนยันว่าคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมกัน แรก ๆ มันมีหลายจุด อย่างตรงวงเวียนหลักสี่ ตอนนั้นยังมีอนุสาวรีย์ปราบกบฎอยู่นะ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว หายไปไหนไม่รู้ แล้วก็มีชุมนุมที่วงเวียนใหญ่ แล้วก็มีมาทางน้ำมาขึ้นแถวตรงสะพานผ่านฟ้าฯ แล้วมาตั้งเวทีที่ผ่านฟ้าฯ พอตั้งเวทีไม่กี่วันฝ่ายรัฐบาลก็ตั้ง ศอฉ. ขึ้น แล้วก็มีการเอาทหารติดอาวุธครบมือพร้อมกับรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ ไปจุกตัวอยู่ในวัด 7 วัด รอบ ๆ สะพานผ่านฟ้าฯ มันก็เห็นชัดเลยว่ามีความประสงค์ในการที่จะปราบปรามประชาชนโดยใช้อาวุธ


ผม-หมอสันต์-ครูประทีป ได้เชิญชวนประชาชนไปเชิญให้ทหารออกจากวัด ปรากฏว่าผู้พันที่เป็นคนอยู่หน้างานเขาโอเค เอาทหารกลับกรมกอง นี่ไงผมถึงบอกว่าทหารที่เขารักสันติไม่ฆ่าประชาชนมีอยู่ ทหารเผด็จการที่โหดเหี้ยมอำมหิตต้องการฆ่าประชาชนก็มีอยู่เหมือนกัน เราต้องเอาทหารที่โหดเหี้ยม เจ้าหน้าที่รัฐที่โหดเหี้ยมฆ่าประชาชนมารับโทษทางกฎหมายให้ได้ มันจะได้ยุติเสียทีในเหตุการณ์ที่สังหารประชาชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยใช้อาวุธสงครามได้ยุติเสียที เชิญกลับหมดเลย ตอนนั้นมีขบวนยานยนต์จำนวนมาก ใหญ่ ๆ เลยนะ 3 ครั้ง ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าจะมีคนมา โอ้โหขบวนยาวร่วม 10 กม. คนก็เอาน้ำ เอาผ้า เอาผลไม้มาต้อนรับตลอดรายทางเลยแล้วก็เชียร์ แทบจะไม่เห็นเสียงต่อต้านเลย คนที่เข้าร่วมขบวนและยังมีชีวิตอยู่ตอนนั้นคงยังจำกันได้


ต่อมาในที่สุดทางฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เลยใช้วิธีการตัดสัญญาณไทยคมเพื่อทำให้การเคลื่อนไหวเบาลง มันก็เลยมีปัญหาเพราะว่าคนทั่วทั้งประเทศเขาดูถ่ายทอดอยู่ ดูญาติมิตรของเขาที่มาร่วมชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ ประชาชนก็เลยไม่สบายใจ และสถานีไทยคมตอนนั้นเป็นสัมปทานของเอกชนด้วย ไม่ควรจะไปตัดสัญญาณไทยคม ก็เลยนำอาสาสมัครมือเปล่าไป ไปถึงปรากฏว่าทหารเต็มไปหมดและมีอาวุธด้วย เขาก็ระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่เป็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ แต่เดชะบุญ ลมชายทุ่งพัดเอาแก๊สน้ำตาไปทางเจ้าหน้าที่รัฐ เขาไม่ได้หนี แต่เขาสู้ไม่ได้ อาวุธก็เลยวางระเกะระกะ ประชาชนก็เลยไปเก็บอาวุธมาทั้งหมดเลย เสร็จแล้วก็ทำพิธีมองคืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ


นี่ทำให้ทหารจำนวนหนึ่งเกลียดชังการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง เพราะคุณทำให้ทหารถอนตัวออกไป แต่ประชาชนมือเปล่า สุดท้ายผมเข้าใจของผมเองนะเพราะผมมีเพื่อนนายทหารเยอะ จึงเป็นที่มาของการเอาคืนในวันที่ 10เมษา เพราะ 10เมษา มันเห็นชัดแล้วว่ามืดแล้วคุณยังเดินหน้าสลายการชุมนุมไปได้ไง เท่าที่ผมทราบก็คือมีทหารระดับนายพันโต้แย้งไปยังศอฉ. บอกว่ามืดแล้ว เลิกเถอะ แล้วมีคำสั่งจากฝ่ายผู้รับผิดชอบบอกว่าใช้กระสุนได้ (ไปหาดูก็แล้วกัน) สุดท้าย 10เมษา เป็นไง เล็งยิงไปยังคนถือธงที่อยู่ในมือ เขาติดกล้องเล็งยิงไปศีรษะผู้ชุมนุม เหมือนทุบมะพร้าว ถ้าใครเคยทุบมะพร้าวใช้ขวานด้ามใหญ่ทุบลงไปอย่าง


กรณี “ร่มเกล้า” เขากล่าวหาว่าเสื้อแดงยิง M79 มาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ตอนหลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานของทางราชการเองยืนยันว่าสิ่งที่ตราตรึงอยู่ร่างของพ.อ.ร่มเกล้า เป็นเศษของระเบิด M67 ซึ่งระเบิดชนิดนี้ขว้างได้แค่ 40 ม. ที่อยู่ใกล้ ๆ กับร่มเกล้า ตอนนั้นมีทหารเต็มไปหมดในถนนดินสอ จากนั้นศอฉ.สั่งยุติหลังเกิดเหตุการณ์นี้ แล้วใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงเลย ปรากฏว่า 2 วันต่อมา ท่านลองคิดดู ถ้าคุณเป็นผู้สื่อข่าวที่เห็นเหตุการ์และได้ถ่ายคลิปวีดีโอ ผมเชื่อว่าออนไลน์ทันทีไปทั่วโลกในวันที่ 10เมษา เวลา 2 ทุ่ม ต้องออนแอร์ แต่ภาพไปออกอีกใน 2 วันให้หลัง น่าจะเป็นวันที่ 12 หรือ 13เมษา ทำไมต้องเก็บเอาไว้ 2 วัน


ซึ่งผมอยู่ที่ราชประสงค์ ผมสังเกตดู มันมีโลโก้ของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ผมก็เลยติดต่อสำนักข่าวแห่งหนึ่งต่างประเทศ ผมถามว่าคุณเอามาจากไหน นักข่าวคุณเป็นคนถ่ายหรือเปล่า เขาบอก NOหมอ นักข่าวผมไม่ได้ถ่าย ซื้อมาจากฟรีแลนซ์ผมก็เลยถึงบางอ้อเลย นี่คือการใส่ร้ายป้ายสีอีกแล้ว แล้วจากนั้นมีการใส่ร้ายป้ายสีว่าคนเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ เขาใช้คลิปนั้นฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก น่าจะเป็นหลายพันครั้ง นี่เป็นทฤษฎีของฮิตเลอร์ ของเกอริง ของเกิบเบิลส์ อะไรอย่างนั้น เขาบอกว่าถ้าต้องการให้ประชาชนเชื่อเรื่องโกหกใหญ่ ๆ คุณต้องโฆษณาทุก ๆ วันเลย ทุก ๆ ช่องเลย ซ้ำ ๆ กัน ตั้งแต่ 3 เดือนเป็นต้นไป แล้วเขาจะเชื่อเอง นี่เป็นที่มาที่ฮิตเลอร์ใส่ความชาวยิว นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สุดท้ายมาถึงวันนี้เขายังจับชายชุดดำแม้แต่คนเดียวยังไม่ได้ แต่ยังมีความพยายามในวันนี้นะ ว่ามีพี่น้องเรายังถูกดำเนินคดีในคดีเรื่องชายชุดดำ เขาพยายามที่จะเอาเรื่องให้ได้


ผมเรียนนะครับว่าผมเคารพศาล อยู่ที่ตำรวจจะทำสำนวนอย่างไร อย่างกรณีของการเผา เท่าที่ผมทราบจากพี่น้องประชาชนหลาย ๆ คน เวลามีไฟไหม้ที่ไหนไทยมุงเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปถ่าย ๆ ๆ สุดท้ายมีพี่น้องหลายคนถูกจับโดยภาพถ่าย คือพี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่ยากจน เขาไม่สามารถจ้างทนายความได้ แล้วก็ไม่รู้เรื่องด้วย เวลาตำรวจบอกให้เซ็นก็เซ็นไป พอเซ็นไปแล้วก็จบเลย


วันสุดท้ายทหารเข้ามาทุกทิศเลยแล้วก็ยิง มีชาวต่างประเทศคนหนึ่งด้วยนะ ฟาบิโอ โปแลงสกี้ ชาวอิตาเลียน ถูกยิงตายตรงนั้น เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย และวันที่ 10เมษา ตรงบริเวณถนนดินสอ ฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ ถูกยิงเสียชีวิต พวกผมเห็นคนถูกยิงอย่างนี้ไม่ไหวแล้ว ก็เลยปราศรัยบนเวทีเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับบ้าน โดยมีรถจอดอยู่ที่สนามศุภฯ เราตกลงกับสว.เรียบร้อยแล้วคืนนั้น เจรจากับทางรัฐบาล พอหลังเที่ยงคืนทหารบุกเข้ามาเลย ผมก็เลยโทรถามสว. ถามว่าทำไมเป็นอย่างนี้ เขาบอกว่าผมโทรไปหาเบอร์ 1 ของรัฐบาลแล้ว พูดง่าย ๆ โทรไปหานายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) แล้ว ท่านบอกว่า “สายเสียแล้ว”


พี่น้องครับ เรื่องการฆ่าคนไม่มีอะไรสายครับ มันหยุดได้ คำตอบนี้มันไม่สมเหตุสมผล พวกเราก็เลยมอบตัว บอกให้พี่น้องประชาชนกลับบ้าน แล้วมีคุณผุสดี งามขำ นั่งเหลืออยู่คนเดียว หลังจากพวกผมไปอยู่ค่ายนเรศวร ประจวบคีรีขันธ์แล้ว มันถึงเริ่มมีการเผาขึ้น เซ็นทรัลเวิลด์ ZEN ใครจะเผา คนเสื้อแดงไม่เหลืออยู่แล้ว มีทหารเต็มไปหมดระดับหมื่น แล้วใครมันจะเข้าไปได้ แล้วก็มีการฟ้องคดี คดีเซ็นทรัลเวิลด์ก็ดี คดี ZEN ก็ดี ศาลเพิ่งยกฟ้อง ถึงที่สุดแล้ว แล้วก็มีการเผาที่ตลาดหลักทรัพย์ ศาลก็ยก แต่พวกผมถูกฟ้องว่าไปเผาที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผมไม่เคยไปและไม่เคยปราศรัยถึงเลย ถูกฟ้อง อย่างที่ผมเรียนและผมเคารพคำพิพากษาศาล ท่านต้องดำเนินไปตามสำนวน พวกผมโดนคนละหลายสิบล้าน แล้วพวกผมอย่างที่ว่า ติดคุกแรกไปนะ แล้วพวกผมโดนคดีก่อการร้าย ด้วยการพิจารณาพิพากษาศาล ศาลท่านยกฟ้อง แต่ว่าพี่น้องประชาชนทั่วประเทศโดน ผมว่าเป็นพันคน แต่กี่พันผมไม่รู้ แล้วพี่น้องจำนวนหนึ่งก็โดนคดีเผาต้องติดคุกไปหลายปี


กลับมาปัจจุบัน ต้องเข้าใจก่อนว่าเยาวชนเขาปรารถนาดีต่อบ้านเมือง เขาเห็นบ้านเมืองน่าจะไปไม่ไหว มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างโบราณมาก เขาก็เลยต้องการที่จะเปลี่ยนโครงสร้างการเมือง เขาก็เลยออกมาแสดงความคิดเห็น สมมุติว่าถ้าพูดถึงมาตรา 112 ก็คือว่ามาตรา 112 ปัจจุบันมันเขียนใหม่โดยคณะรัฐประหาร 6ตุลา19 มันแก้ได้ แล้วผมเห็นด้วยกับการแก้ 112 ให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่กลายเป็นว่าใครไปแก้ 112 แล้วเป็นการล้มสถาบัน ไม่ใช่!


ผมติดตามจากการดูทีวี ผมไม่ได้ไปร่วมม็อบหรอก แล้วผมไม่ได้ไปคุยกับใครด้วย เพราะผมเป็นห่วงว่าถ้าไปคุยกับใครแล้วคุณจะถูกยัดเยียดใส่ร้ายป้ายสีว่าผมชักใยอยู่เบื้องหลัง โทรศัพท์ก็ไม่ได้รับ แต่ผมติดตามข่าวดูทีวี เขาไม่ได้เรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบ ประเทศไทยยังเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันที่สอง ประเทศไทยจะเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียวอันแบ่งแยกไม่ได้ ชัด ๆ ภายใต้กรอบสองอันนี้แล้วคุณจะไปบอกว่าเขาล้มสถาบันได้ยังไง? ถ้าเขาต้องการล้มสถาบัน เขาก็จะบอกเลยว่าเขาต้องการระบอบสาธารณรัฐ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้สักคำ ไม่มี! เมื่อเป็นอย่างนี้ เป็นความคิดเห็นทางการเมือง


น้อง ๆ ที่เขาโดนจับกุมคุมขังตั้งแต่ปี 2563 ในรัฐบาลประยุทธ์ ใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ยกร่างโดยคณะคสช. ท่านคิดดูว่ามันเปลี่ยนบัตรเป็นใบเดียว นับคะแนนแบบจัดสรรปันส่วนผสม การนับคะแนนเละเทะหมดเลย สุดท้ายขนาดพันกว่าคนยังนับเป็นสส. ไปหาดูเอาว่าใคร ไม่มีมาตรฐานเลย ตอนนั้นรัฐบาลประยุทธ์ 2 ถ้าไม่นับรัฐบาลประยุทธ์ 1 ที่มาต่อเนื่องจากการยึดอำนาจรัฐ ตั้งตัวเองเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 1 แล้วมาจากการเลือกตั้งโดยมีรัฐธรรมนูญ 2560 ก็อ้างว่ามีประชามติ แต่ประชามติ 2560 คนที่เห็นต่างถูกจับทั่วประเทศ คนเสื้อแดงโดนจับมากเลย เราเปิดตัวตั้งศูนย์ปราบโกงทั่วประเทศ ตำรวจไปไล่จับหมดเลย เราเพียงแต่ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ดีอย่างไร แล้วพวกเราก็ถูกจับดำเนินคดี แล้วก็ขึ้นศาลทหาร ตอนหลังพอเปลี่ยนมาเป็นศาลพลเรือนเขาก็ปล่อยหมด นี่ไง เป็นการใช้อำนาจเผด็จการของทางฝ่ายอำนาจรัฐ

 

แล้วอย่าไปคิดว่ารัฐบาลประยุทธ์มาโดยรัฐธรรมนูญ 2560 ใคร ๆ ก็อ้างบอกว่านี่ไงมาจากการเลือกตั้งแล้ว ข้อที่ 1 บัตรใบเดียวของคุณนับคะแนนยังไง ข้อที่ 2 สว. 250 คนที่มาจากการสนับสนุนโดยคสช. แล้วเขาจะไปสนับสนุนใคร แล้วสว.แต่งตั้ง 250 คนจะเลือกใคร เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ใช่เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยจำแลง/กำมะลอ เพราะการทำประชามติเป็นไปโดยกำมะลอ เขาจับหมดเลย ทั่วทั้งประเทศนี่น่าจะ 300-400 คดีมั้ง


พอยุค 2 ประชาชนเริ่มกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้น เด็ก ๆ เยาวชน ลูกหลาน ผมเรียกเด็ก ๆ นี่ไม่ได้เรียกด้วยความไม่เคารพนะ คือให้เห็นภาพชัด ๆ ว่าเขาอายุยังน้อย ๆ อยู่เลย จำนวนหนึ่งต่ำกว่า 18 เท่าที่ผมจำตัวเลขจากศูนย์ทนายฯ 486 คน เป็นคนที่อายุต่ำกว่า 18 และคดีความ 1,200 กว่าคดี คนที่โดนคดี 1,900 กว่าคน พวกเขาประสงค์ดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ส่วนแนวคิดของเขาเป็นยังไงเป็นอีกเรื่อง ผมพูดครั้งที่แล้วว่าวิธีจัดการกับคนที่เห็นต่างง่ายมากเลย คุณก็เปิดเวทีใหญ่ ๆ อาจจะเปิดเวทีศุภชลาศัยก็ได้ หรือสนามราชมังคลา ก็ได้ แล้วก็เปิดโอกาสให้คนพูดกัน


น้อง ๆ เขาคงเห็นว่าสังคมไทยยังมีบทบาทของคณะรัฐประหารซ่อนเร้นอยู่ นอกจากที่ผมพูดเป็นเรื่องบัตรใบเดียวแล้ว สว.แต่งตั้ง 250 คน มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว องค์กรอิสระต่าง ๆ รัฐธรรมนูญ 2560 ก็มาจากการสนับสนุน กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญก็เหมือนกัน มาจากการสนับสนุนโดย คสช. ก็คิดดูว่า คสช. จะไปสนับสนุนกับคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเขามั้ยล่ะ ไม่มีทาง ก็คิดต่อไปก็แล้วกันว่าจะเป็นอย่างไรตามความคิดจะเป็นยังไง


เด็ก ๆ เขาอยู่ภายใต้บรรยากาศของรัฐธรรมนูญอย่างนี้ ของสังคมในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างนี้ เขาก็เสนอในสิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะดำเนินการได้ เมื่อเป็นอย่างนี้ผมคิดว่าเป็นความขัดแย้งทางการเมือง เราก็ควรจะนิรโทษฯ เขาออกทั้งหมด อย่างตอนนี้ “อานนท์ นำภา” ก็ควรจะพิจารณานิรโทษฯ ไปเลยครับ


เมื่อมีความขัดแย้งทางการเมือง วิถีทางที่ดีที่สุดก็คือสนทนา พูดจาปราศรัยกัน ตั้งเวทีให้พูดคุยกัน ไม่ใช่ใช้อำนาจรัฐมาดำเนินการข่มขู่ปราบปราม ผมถือว่าการจับกุมคุมขังแล้วให้ตำรวจไปตั้งคดีเริ่มต้นสำนวนอะไรต่าง ๆ นี่คือการใช้ความรุนแรงโดยรัฐต่อประชาชนที่มีความคิดเห็นต่าง


ประเด็นที่ผมอยากจะพูดก็คือว่า ปี 2553 มีวีรชนประชาธิปไตยที่พลีชีพต่อต้านรัฐประหาร เขาต้องการเลือกตั้งใหม่ แล้วมันผิดยังไง ก็คือให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ แล้วคุณเอาปืนไปยิงเขาทำไม ข้อกล่าวหาว่าเสื้อแดงมีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ แล้วจากวันนั้นถึงวันนี้คุณพิสูจน์ได้หรือยัง จากปี 2553 รัฐบาลชุดนั้นยังบริหารมาถึงปี 2554 แล้วทำไมคุณไม่ใช้อำนาจรัฐในการจับกุมกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ เพราะว่าในการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีตำรวจนอกเครื่องแบบเพียบ มีทหารนอกเครื่องแบบเพียบ มีนักข่าวเพียบ รวมทั้งนักข่าวต่างประเทศด้วย ถ้ามีคนติดอาวุธคนหนึ่งก็ถูกถ่ายรูปแล้ว เพราะมันเป็นจุดสนใจ มันไม่มี


สำหรับผม ผมถือว่ากองกำลังติดอาวุธชายชุดดำเป็นเรื่องโกหกใส่ร้ายป้ายสีเพื่อเล่นงานคนเสื้อแดง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายปราบปรามประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐในการที่จะสังหารประชาชน เมื่อเป็นอย่างนี้ต้องเอาคนสังหารประชาชน ตอนนี้คดีความที่ไปสู่ศาลยังค้างอยู่ 62 ศพ อ.ธิดาไปยื่นต่อพรรคการเมืองทุกพรรค สมัยนั้นเรียก “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เพื่อไทย, ก้าวไกล, เสรีรวมไทย, ประชาชาติ, เพื่อชาติ เป็นต้น เขารับ 8 ข้อของ อ.ธิดา ให้ดำเนินการเพื่อให้เอาเจ้าหน้าที่รัฐที่สังหารประชาชนมาดำเนินการทางกฎหมาย ข้อที่ 2 ก็คือเซ็นรับรองอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณี เมษา-พฤษภา ปี 2553 เรื่องนี้ไม่มีเรื่องไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น และอันที่ 3 คือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชน


มาจนถึงวันนี้คดีไม่คืบ อันนี้ต้องให้เกียรติให้คะแนนให้คุณูปการกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาทำเรื่องไต่สวน ทำให้มีการไต่สวนเพิ่ม น่าจะจำนวน 20 กว่าศพ จริง ๆ เอาชัด ๆ คดีเดียวก็พอ คดี 6 ศพวัดปทุมฯ ก็คือศาลท่านอ่านคำสั่งการตาย ในวิชากฎหมายเขาเรียกว่าคำสั่งการตายตามประมวลวิอาญามาตรา 150 คือเมื่อมีการตายโดยผิดธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพต้องไปดำเนินการชันสูตรประกอบคดีความ แล้วยื่นเรื่องต่อศาลให้ศาลชี้ออกมาว่าผู้ตายชื่ออะไร ตายเมื่อไหร่ ที่ไหน และใครทำให้ตาย 6 ศพวัดปทุมฯ ศาลท่านกรุณาสรุปเองนะ ผมเอาเนื้อความมากราบเรียนพี่น้องประชาชนโดยไม่สามารถจำอักษรได้ทุกตัว คือท่านบอกว่า 1. คนตายตายจากการยิงของเจ้าหน้าที่ทหารบนรางรถไฟฟ้า 2. ทุกศพไม่มีเขม่าดินปืน 3. ไม่มีการยิงต่อสู้ ผมมีโอกาสไปฟังการไต่สวนของศาล ท่านอ่านยาวนะ ท่านบรรยายว่าทหารที่ไปให้การ ให้การขัดแย้งกัน เพราะว่ามีการใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงในรายงานของ คอป. อ.คณิต ณ นคร ว่ามีการยิงต่อสู้กันที่สามแยกตรงวัดปทุมฯ ศาลท่านบอกว่าทหารให้การไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นไม่มีการต่อสู้ระหว่างทหารกับชายชุดดำ อาวุธที่นำมาแสดงหาว่างมขึ้นมาจากสระในวัด ท่านบอกว่ารับฟังไม่ได้ ท่านบอกว่าเจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าเป็นคนยิง


ปรากฏว่าทนายของเราได้ยื่นเรื่องดำเนินคดีโดยตัวเองนะ ที่มีคนเขาเสนอบอกว่าถ้า ป.ป.ช. ไม่ส่งเรื่องให้ครอบครัวไปฟ้องเอาเอง ผมเรียนด้วยความเคารพ คือผมเข้าใจคนเสนอที่ปรารถนาดีและรับผิดชอบต่อการต่อสู้ของคนเสื้อแดง เขาต้องการให้ทุกศพได้รับความยุติธรรม แต่เราเคยเสนอไปแล้วครั้งหนึ่ง จนท่านบอกว่าอันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับทหาร คุณจะต้องไปยื่นศาลทหาร ทนายที่เขารับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นทนายของครอบครัวผู้เสียชีวิต เขาไปเดินเรื่องโดยประชาชน ศาลพลเรือนท่านว่าอย่างนี้ เราเคารพเพราะว่ามีหลักวิชาการอยู่ แต่มันมีระยะนั้นที่ดีเอสไอส่งเรื่องไปที่อัยการทหาร อัยการเขาสั่งไม่ฟ้อง


จึงเป็นบทเรียนที่ อ.ธิดา เรียกร้องใน 8 ข้อ ให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านขณะนั้น ในวันนี้บางพรรคไปเป็นรัฐบาลแล้ว ไปเป็นเสียงข้างมากของรัฐบาลด้วย ดูซิว่าเขาจะทำหรือเปล่า คือบอกว่าควรจะต้องแก้กฎหมายเมื่อทหารทำผิดอาญาต่อพลเรือนต้องขึ้นศาลพลเรือน อย่างนี้จึงจะมีโอกาส ถึงจะไปแก้ที่ ป.ป.ช. ถึง ป.ป.ช. สั่งไม่ฟ้อง บอกว่าให้ฟ้องกันเอง มันก็จะเกิดกรณีที่ศาลพลเรือนท่านบอกว่านี่เข้าข่ายศาลทหารก็ต้องไปเดินเรื่องทางศาลทหาร วิธีการทางศาลทหารก็คือถ้าคุณจะไปฟ้องร้องศาลทหารต้องให้อัยการทหารส่งฟ้อง เหมือนที่ดีเอสไอส่งเรื่องไป แต่อัยการทหารสั่งไม่ฟ้อง เราก็เลยเกิดความผิดหวังเลย ถ้าเดินไปเส้นทางอัยการทหารโอกาสที่เป็นไปได้น้อยมาก จึงต้องการที่จะเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรค ในวันนี้ผมก็อยากจะเรียกร้องพรรคเพื่อไทยนะ ในวันนั้นที่คุณเป็นฝ่ายค้านคุณมารับข้อเรียกร้อง อ.ธิดา ในฐานะที่เป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 คุณรับไว้แล้ว และเมื่อ 10เมษา66 ไปนั่งที่อนุสรณ์สถาน14ตุลา ก็รับปากนะ ทุกคนรับปากหมด ย้อนคลิปดูก็ได้ วันนี้คุณจะทำไหม? ผมถามนะ ก็คือต้องแก้กฎหมาย ทหารที่ทำความผิดทางอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือน รวมทั้งนักการเมืองที่ทำความผิดทางอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือนปกติธรรมดา ไม่ใช่ไปขึ้นศาลคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะว่าโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายต่าง ๆ นิดเดียว นี่คุณฆ่าคนตายจงใจฆ่า เช่นติดสไนเปอร์ยิง นี่มันจงใจฆ่า โทษมันอาจจะถึงประหารชีวิตก็ได้


สรุปรวบยอดก็คือผมเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมประชาชน แต่ต้องไม่รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อประชาชน ผมจึงมางานนี้ #นิรโทษกรรมประชาชน ในโบรชัวร์นี้ชัดเจนนะครับว่า “ไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐ” ตรงกับใจผมเลย ต่อมาตั้งแต่ปี 2549 ถึงปี 2567 ก็ตรงกับผม ในนี้ก็ยังเขียนรอบคอบรัดกุม เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะโจมตีได้ ในนี้เขาเขียนว่าไม่นิรโทษเจ้าหน้าที่รัฐ และในนี้ก็เปิดช่องไว้นะว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ถ้าเอาไปผ่านรัฐสภา ผมถือว่ายับเยิน แต่ตรงใจผม ในเมื่อหลักการใหญ่ ๆ ตรงกันแล้ว ก็คือนิรโทษฯ ตั้งแต่ 2549-2567 นิรโทษฯ ประชาชนทุกคนทางการเมืองที่ความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน และไม่นิรโทษฯ เจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุกับประชาชน อันนี้ผมเห็นด้วย


แต่ส่วนที่ผมกับ คปช.53 ไปทำต่อก็คือ ต้องการให้พรรคเพื่อไทยพิจารณา คือตอนที่คุณเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน คุณรับว่าจะไปแก้กฎหมายให้ทหารที่ทำผิดอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลพลเรือน และให้นักการเมืองที่ทำผิดอาญาต่อประชาชนต้องขึ้นศาลอาญาปกติ ไม่ใช่ไปขึ้นศาลคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผมจึงอยากจะเชิญชวนทีมผู้จัดงานขึ้นมาหาผมหน่อย


จากนั้น นพ.เหวง ได้บรรจงเซ็นสนับสนุน #นิรโทษกรรมประชาชน และถ่ายรูปร่วมกัน


สุดท้าย นพ.เหวง กล่าวว่า ขออนุญาตกราบเรียนไปยังพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ โปรดลองพิจารณาดู เข้าไปดูรายละเอียดที่ https://amnestypeople.com/  ก่อน หากท่านยังไม่ได้รับรายละเอียดเพียงพอ และถ้าหากท่านเห็นด้วยก็โปรดสนับสนุนเถอะครับ เซ็นชื่อมา ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หมอเหวง #นิรโทษกรรมประชาชน