วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

“พ่อตะวัน” ยื่นขอประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์” คดี ม.116 บีบแตรใส่ขบวนเสด็จ หวังศาลเมตตารักษาชีวิต หากได้ประกันตัวครั้งนี้ จะไม่ให้ ”ตะวัน” ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย จะให้เรียนหนังสือให้จบ ใช้ชีวิตในแบบวัยรุ่น

 


พ่อตะวัน” ยื่นขอประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์” คดี ม.116 บีบแตรใส่ขบวนเสด็จ หวังศาลเมตตารักษาชีวิต หากได้ประกันตัวครั้งนี้ จะไม่ให้ ”ตะวัน” ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย จะให้เรียนหนังสือให้จบ ใช้ชีวิตในแบบวัยรุ่น

 

วันนี้ (24 ก.พ. 67) ที่ศาลอาญา รัชดา เวลา 10.00 น. นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน นักกิจกรรมผู้ถูกคุมขังในคดีมาตรา 116 - พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า บีบแตรใส่ขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพฯ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 และถูกฝากขังในชั้นสอบสวนมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2567

 

นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ เดินทางมาพร้อมนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมือง

 

นายสมหมาย กล่าวว่า วันนี้มายื่นประกันตัวนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ ซึ่งเมื่อวานนี้ (23 ก.พ.67) ตนเองได้ไปเยี่ยม “ตะวัน” ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ด้านตะวัน ร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แย่มาก และการพูดจามีแต่เสียงกระซิบ แทบจะไม่ได้ยินเลย ซึ่งตนคิดว่าอีกไม่กี่วัน ถ้ายังไม่ได้มีการแก้ไข ก็ไม่รู้จะแก้ไขทันไหม

 

ส่วนอาการนายณัฐนนท์ ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็แย่มาก ด้วยร่างกายที่ผอม กอปรกับการขาดน้ำและขาดอาหาร มีอาการเบลอและฟุบตลอดเวลา วันนี้ตนจึงมาขอความเมตตาจากศาล ให้ออกมาเพื่อรับการรักษาตัวของน้องทั้งสองคน ซึ่งวันนี้จะใช้หลักทรัพย์ในการยื่นประกัน

 

เมื่อถามว่าหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมทั้งสองคนได้ฝากอะไรหรือไม่นายสมหมายตอบว่าทั้งสองคนไม่ได้มีอะไรที่จะฝาก เนื่องจากไม่มีแรงพูด ถ้าไม่ช่วย ตนก็สงสัยว่าจะต้องตายแน่ ซึ่งทั้งสองคนก็ยังปฏิเสธการรับประทานอาหารและน้ำ ถึงวันนี้ก็ต้องรอผลวันนี้ก่อน ถ้าหากไม่ได้ก็ต้องปรึกษากับทางแพทย์ว่าให้ทั้งสองคนได้รักษาชีวิตไว้ก่อน ซึ่งวันนี้เป็นการยื่นประกันครั้งที่สองที่พ่อเป็นนายประกัน รวมไปถึงก่อนหน้านี้ที่ยื่นขอประกันตัวหลังจากถูกฝากขังรวมเป็นสามครั้ง

 

นายสมหมายได้ชี้แจงด้วยว่าเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2567 เป็นวันที่ตะวันได้ไปงานฌาปนกิจ “ลุงกฤต ทะลุฟ้า” ซึ่งปกติตะวันกับแฟรงค์จะใช้รถกระบะ ไม่ได้ใช้รถคันที่เกิดเหตุเนื่องจากรถเสีย ตนจึงได้อนุญาตให้ใช้รถคันดังกล่าวในวันเกิดเหตุไป หลังจากเสร็จงานก็ไปทำภารกิจส่วนตัว แล้วก็เจอขบวนเสด็จ ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าตั้งใจจะไปป่วนขบวนเสด็จหรือจะไปทำคอนเทนต์นั้น ตนยืนยันว่านางสาวทานตะวันไม่ได้รู้หมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน ว่าท่านจะเสด็จเวลาใด ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก ประการต่อมาเรื่องความเร็วของขบวนเสด็จ ตนคิดว่าขบวนดังกล่าววิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100-120 กม./ชม. ตนจึงมองว่าเด็กไม่มีทางที่จะตามไปป่วนขบวนเสด็จได้ทัน ส่วนการบีบแตรเป็นการบีบแตรใส่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยซึ่งปรากฎในคลิปอยู่แล้ว

 

นายสมหมาย กล่าวด้วยว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ามีการไปเบียด ไปขวาง ไปแทรกขบวนเสด็จ ถ้าทำได้ขนาดนั้น ตนคิดว่าเมื่อตำรวจรักษาความปลอดภัยมีปืนอยู่แล้ว เด็กทั้งสองก็คงจะตายไปแล้ว หากทำผิดจริงตำรวจก็จับซึ่งหน้าได้ ซึ่งเมื่อตนเห็นคลิปที่เผยแพร่ไป ตนก็ได้ตำหนินางสาวทานตะวันไปแล้วสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

 

หากตัดน้ำเสียงไม่น่าฟังหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกไป แล้ว เอาคำถามหรือคำโต้ตอบของทานตะวันและตำรวจ แล้วลองอ่านดูว่า เป็นการยุยงปลุกปั่น ทำให้เกิดความแตกแยกหรือการกระด้างกระเดื่องหรือไม่”

 

ท้ายนี้ ตนขอให้ศาลโปรดเมตตา แล้วก็ให้ทั้งสองคนออกมารักษา ส่วนการดำเนินคดี หากผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าเกิดว่าไม่ผิดก็ขอเมตตาสั่งสอนทั้งสองคน ถ้าหากตะวันออกมาได้ ตนจะไม่ให้ตะวันยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย ให้เขาใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นและเรียนหนังสือให้จบ ตนจะบังคับเขาไม่ให้ยุ่งกับการเมือง” นายสมหมาย กล่าวทิ้งท้าย

 

ด้านนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ นักกิจกรรมทางการเมือง เพื่อนสนิทของผู้ต้องหาทั้งสอง กล่าวว่า ในคดีบีบแตรขบวนเสด็จมีหมายเรียกออกมาสองครั้ง ครั้งแรกเป็นคดีในศาลแขวงพระนครเหนือ ซึ่งป็นคดีลหุโทษ ในข้อหาเกี่ยวกับการใช้เสียงดัง ตอนแรกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอศาลแขวงพระนครเหนือออกหมายจับ แต่ศาลยกคำร้องเนื่องจากเป็นการออกหมายที่กระชั้นชิดเกิน ตนขอฝากไว้ว่าสิทธิที่ทุกคนควรได้รับสิทธิในการประกันตัวสิทธิในการประกันตัว โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายต้องถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนที่ศาลจะตัดสิน โดยเพื่อนทั้งสองคนใกล้จะตายแล้ว ขอฝากถึงศาลให้ความยุติธรรมด้วยสิทธิการประกันตัว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คืนสิทธิประกันตัว