วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ศาลตัดสินจำคุก 4 เดือน คดีชุมนุมไม่ถอยไม่ทน รอลงโทษ 2 ปี อดีตอนาคตใหม่ยื่นสู้คดีชั้นอุทธรณ์ต่อ

 


ศาลตัดสินจำคุก 4 เดือน คดีชุมนุมไม่ถอยไม่ทน รอลงโทษ 2 ปี อดีตอนาคตใหม่ยื่นสู้คดีชั้นอุทธรณ์ต่อ


วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศาลแขวงปทุมวัน จำเลยในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ จากการจัดการชุมนุม “ไม่ถอยไม่ทน“ ที่สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 ซึ่งมีบุคคลในส่วนของกลุ่มอนาคตใหม่ประกอบดัวย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช และ ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ได้เดินทางมาร่วมฟังการอ่านคำพิพากษาศาลในคดีดังกล่าว 

.

ซึ่งศาลได้อ่านคำพิพากษาว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิดจริง ตัดสินให้มีโทษจำคุก 4 เดือน โดยให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ปรับ 10,000 บาท จากการละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ให้ปรับ 10,000 บาท จากการละเมิดไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงาน และปรับ 200 บาท สำหรับข้อกล่าวหาการใช้เครื่องขยายเสียง ซึ่งทั้งหมดได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อ


สำหรับ คดีแฟลชม็อบปี 2562 สืบเนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 5 ต่อ 2 ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะกู้ยืมเงินจากนายธนาธร จำนวน 191,200,000 บาท เป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2562


ต่อมานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นัดหมายประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ให้เข้าร่วมกิจกรรมแฟลชม็อบชื่อว่า “เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง” โดยใช้สกายวอร์ก เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่จัดการชุมนุมในช่วงเวลา 17.00-18.00 น. ของวันที่ 14 ธ.ค. 2562 ซึ่งในวันชุมนุมมีผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมที่หอศิลป์เป็นจำนวนมาก โดยมี นายธนาธร, นายปิยบุตร, น.ส.พรรณิการ์ นายพิธา สลับกันขึ้นปราศรัย


เหตุการณ์หลังจากนั้น สน.ปทุมวัน ได้เรียกทั้ง 4 คน มารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อมาอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงปทุมวันเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2563 โดยมีทั้งหมด 5 ข้อหา ประกอบด้วย


1. ข้อหาร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง

2 .ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ

3. ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ

4. ทำการชุมนุมสาธารณะในระยะไม่เกิน 150 เมตรจากพระราชวัง

5. ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ถือว่าละเมิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมชนสาธารณะ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์