วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

“วิญญัติ” โวยอัยการคดีพิเศษ ขอเพิ่มพยานเอาผิดคดีชายชุดดำ หวั่นถูกแทรกแซง หลังมีทหารไปที่สำนักงาน

 


วิญญัติ” โวยอัยการคดีพิเศษ ขอเพิ่มพยานเอาผิดคดีชายชุดดำ หวั่นถูกแทรกแซง หลังมีทหารไปที่สำนักงาน

 

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการ สมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ในฐานะทีมทนายความคดีชายชุดดำ (ภาค2) เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.212/2564 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ชาวกรุงเทพมหานคร, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

 

โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ทีมทนายความจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นทนายความขณะสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายคดีชายชุดดำภาคสองที่ศาลอาญา ทางอัยการโจทก์ได้ขอเพิ่มพยานพยานบุคคลในคดีอีก1 ปาก ชื่อนายรณฤทธ์ สุริชา ซึ่งเป็นอดีตจำเลยในคดีชายชุดดำภาคเเรกเเต่กลับมาเป็นพยานโจทก์ ซึ่งทีมทนายความจำเลยได้คัดค้านพยานปากดังกล่าว เนื่องจากเป็นพยานที่ไม่ได้ผ่านการสอบสวนของพนักงานสอบสวนตั้งเเต่เเรก และการกันไว้เป็นพยานเพราะมีข้อเท็จจริงว่าพยานปากนี้น่าจะถูกจูงใจหรือขู่เข็ญให้ปรักปรำจำเลยในคดี ทั้งที่เคยเบิกความในศาลว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิดและถูกทำร้ายร่างกายระหว่างถูกคุมขังในค่ายทหาร และการกันจำเลยไว้แป็นพยานโจทก์อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเต่พนักงานอัยการกลับขอนำพยานรายนี้ขึ้นสืบ ทั้งที่เเต่เดิมที่ระบุในบัญชีพยานในชั้นตรวจพยานหลักฐานไม่มีพยานรายนี้   ซึ่งเรื่องนี้ทีมทนายที่ทำคดีรายงานด้วยว่า ก่อนจะมีการขอเพิ่มบัญชีพยานปากนี้ มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก โดยมีทหารในเครื่องแบบ 4-5 นาย เดินทางมายังสำนักงานอัยการ ตั้งเเต่เมื่อวันที่ 1 พ.ย.และเดินทางมาอีกครั้งในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งแม้สุดท้ายศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้เพิ่มพยานรายนี้  เเต่ตนต้องขอตั้งข้อสังเกตถึงพยานโจทก์รายนี้ มีใครอยู่เบื้องหลังไปคุยกับครอบครัวเขาหรือไม่ถึงออกมากลับคำให้การ และมีความสำคัญมากถึงขนาดทหารต้องมาอัยการเลยหรืออย่างไร

 

ตนอยากถามไปยัง น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ว่า ได้มีทหารชุดหนึ่งไปขอหรือสั่งอะไรกับอัยการทนายแผ่นดิน จริงหรือไม่

 

คดีชายชุดดำมีจำเลยหลายคน ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องแล้ว  แต่ยังมีจำเลย 1 คน ถูกคุมขังอย่างต่อเนื่อง ไม่คืนอิสรภาพให้เขา เอาตัวมาฟ้องอีก 5 คดี อ้างเหตุการณ์เดียวกัน ทั้งที่พยานหลักฐานมันไม่มีอะไรเลย แต่กลับมีอดีตจำเลย 1 คน ที่ถูกยกฟ้องด้วยถูกกันไว้เป็นพยานเอาถ้อยคำมายันจำเลยที่ฟ้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำร้ายเขาและครอบครัวไปถึงไหนกัน” นายวิญญัติ ระบุ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีชายชุดดำคดีเเรกศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 64  ที่ เป็นคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ชาวกรุงเทพมหานคร, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น ชาวจังหวัดเชียงใหม่, นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา ชาวจังหวัดอุบลราชธานี, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย ชาวกรุงเทพมหานคร และนางปุนิกา หรืออร ชูศรี ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ 55, 72, 78 และข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง ที่ชุมชน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันพาอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด ที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้ อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค 33 หรือ ปืนอาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ทั้งในเวลาเกิดเหตุมีการชุมนุมกันของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธสงครามของกลาง กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 2557 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมพวกจำเลยทั้ง 5 ส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดี

 

โดยศาลยกฟ้องโดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีความสงสัย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชายชุดดำ