วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

“ภัควดี” โพสต์เรื่องราวอุบัติเหตุของนักกิจกรรม #ทะลุฟ้า ซึ่งถูกติดกำไล EM ต้องผ่าตัดด่วนแต่ทำไม่ได้ ต้องขออนุญาตศาลเอากำไล EM ออก สะท้อนปัญหาที่ต้องมีการแก้ไข

 


“ภัควดี” โพสต์เรื่องราวอุบัติเหตุของนักกิจกรรม #ทะลุฟ้า ซึ่งถูกติดกำไล EM ต้องผ่าตัดด่วนแต่ทำไม่ได้ ต้องขออนุญาตศาลเอากำไล EM ออก สะท้อนปัญหาที่ต้องมีการแก้ไข

 

วานนี้ (13 พ.ย. 2565) ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักเขียนและนักแปลอิสระ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวที่เกิดอุบัติเหตุของนักกิจกรรมคนหนึ่งของกลุ่ม #ทะลุฟ้า ได้ประสบอุบัติเหตุที่ จ.เชียงใหม่ มีใจความว่า

 

12 พฤศจิกายน 2565 น้องนักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้าคนหนึ่งมาเที่ยวเชียงใหม่ และได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนขาหัก ขาซ้ายที่หักนั้นเป็นข้างที่ใส่กำไล EM ไว้

 

น้องได้รับการนำส่งโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า แต่กว่าจะได้รับการผ่าตัดต้องรอจนบ่ายสาม หมายความว่าต้องรอนานถึง 8 ชม. ทั้งที่เลือดก็ซึมออกมาไม่หยุด หมอบอกว่าควรรีบผ่าตัดเพราะเกรงว่าจะเกิดการติดเชื้อ แต่หมอก็ไม่กล้าผ่าตัดให้ทันทีเพราะไม่กล้าตัดกำไล EM ออก จะผ่าตัดทั้งที่มีกำไลติดอยู่ก็ไม่ควรทำเพราะขาน้องบวมจนกำไล EM มันบีบเจ็บแล้ว

 

เวลา 8 ชม.นั้นหมดไปกับการทำเรื่องเพื่อขออนุญาตศาลเอากำไล EM ออก โดยต้องให้ทนายความทางกรุงเทพช่วยติดต่อประสานงานให้ ประเทศไทยชอบอ้างว่าอยากเป็นไทยแลนด์ 4.0 แต่เรื่องแค่นี้ต้องเสียเวลาถึง 8 ชม.ราวกับยังอยู่ในยุคอนาล็อก (ดีที่ไม่ถึงขั้นย้อนไปใช้โทรเลขติดต่อ) ผลของการรอนานเช่นนี้ทำให้น้องที่ขาหักเสียเลือดมากจนต้องให้เลือดถึง 2 ถุง

 

โชคดีที่น้องไม่เป็นอะไรมาก แต่กรณีนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว สถาบันที่เกี่ยวข้อง ทั้งสถาบันศาลและสถาบันแพทย์ควรถือเป็นอุทาหรณ์และปรับปรุงหลักปฏิบัติบ้างหรือไม่?

 

ตามจรรยาแพทย์นั้น แม้แต่เชลยศึกอริศัตรูยังต้องรักษาให้ แต่นี่เป็นเพื่อนร่วมชาติแท้ๆ เหตุใดแพทย์จึงไม่กล้าตัดสินใจตัดกำไลEM ออก แล้วรักษาให้เลย? เป็นเพราะกำไลนี้เกิดจากคดีการเมือง ซึ่งแพทย์รู้ดีว่าศาลไม่ค่อยยึดมั่นในตัวบทกฎหมายและมักละเว้นไม่เคารพสิทธิพลเมืองอยู่บ่อยๆ หรือไม่ จนทำให้แพทย์กลัวจนไม่กล้าทำการรักษาทันทีเพื่อประโยชน์ของคนไข้?

 

แพทย์ควรมีความกล้าหาญ ศาลควรมีมนุษยธรรม นี่คือข้อเรียกร้องของเรา

 

กำไล EM มันเป็นของใหม่เพิ่งเอามาใช้ คนในประเทศด้อยพัฒนาอย่างไทยแลนด์อาจยังงงๆ ไม่รู้จะปฏิบัติต่อมันอย่างไร แต่ในเมื่อตอนนี้เหตุมันก็เกิดแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่าต่อไปคงมีเยาวชนและประชาชนต้องใส่กำไล EM มากขึ้นเรื่อยๆ (ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐคงบานเบิก) ถ้าเป็นแบบนี้ สถาบันศาลและสถาบันแพทย์ ซึ่งมีความภาคภูมิใจนักหนาว่าเต็มไปด้วยบุคลากรหัวกะทิระดับแถวหน้าของประเทศ จะช่วยกันบริหารเซลล์สมองสักเล็กน้อยสร้างมาตรฐานออกมาสักหน่อยว่า ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าจำเป็น แพทย์สามารถตัดกำไล EM แล้วทำการรักษาได้โดยไม่มีความผิด ระหว่างนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลประสานทนายยื่นเรื่องต่อศาลไปพลางๆ ไม่ต้องปล่อยให้คนไข้นอนรอเลือดซึม มีแต่ผ้าก๊อซพันแผลไว้

 

เรื่องแค่นี้ใช้เพียงสามัญสำนึกก็พอ ไม่ต้องใช้ไอคิวระดับ 180+ แต่อย่างใด

 

แล้วก็อยากดูใจศาลว่า ในเมื่อน้องนักกิจกรรมคนนี้ขาหักและต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือนจึงจะกลับมาเดินได้ตามปรกติ ศาลท่านจะใจไม้ไส้ระกำสั่งให้น้องเขาใส่กำไล EM ระหว่างพักฟื้นและทำกายภาพหัดเดินหรือไม่?

 

บางทีความฉลาดอาจไม่ได้มาพร้อมกับความอารยะ

 

นี่เป็นอีกปัญหาของนักกิจกรรมทางการเมืองที่ต้องเผชิญความยากลำบากในการต้องถูกติดกำไล EM ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทะลุฟ้า