วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

อมธ. จัดเสวนา "รีวิว 8 ปีชีวิตคนไทย" เปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถกปัญหาเชิงโครงสร้าง ตอกหมุดหมายทางการเมือง ชวนประชาชนร่วมปลดล็อกประเทศ หยุดผู้มีอำนาจคอรัปชั่นอำนาจอธิปไตยประชาชน

 


อมธ. จัดเสวนา "รีวิว 8 ปีชีวิตคนไทย" เปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถกปัญหาเชิงโครงสร้าง ตอกหมุดหมายทางการเมือง ชวนประชาชนร่วมปลดล็อกประเทศ หยุดผู้มีอำนาจคอร์รัปชั่นอำนาจอธิปไตยประชาชน

 

วานนี้ (11 พ.ย. 2565) ที่ห้องประชุม JM402 ชั้น 4 อาคารคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เวลา 17.00 - 19.00 น.องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการจัดเสวนาวิชาการในหัวข้อ "รีวิว 8 ปีชีวิตคนไทย" โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย, นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล, ดร.กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช นักวิจัยสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี และ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย ปัญญดา คล้ายโพธิ์ทอง

 

ก่อนเริ่มการเสวนา น.ส. ปุริมปรัชญ์ นงนุช อุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กล่าวเปิดงาน ระบุว่า องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เล็งเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศของผู้ที่มีอำนาจ ซึ่งเป็นไปอย่างด้อยประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกด้านตกต่ำลง ซึ่งตัวชี้วัดที่เห็นได้ชัดคือปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ความปลอดภัยในชีวิตและสิทธิมนุษยชน ที่ควรพัฒนาข้างหน้าให้ทันกับบริบทยุคสมัยของสังคม ไม่ควรที่จะถอยหลังสวนทางกับการพัฒนาของสังคมโลก

 

ความมุ่งหวังในการจัดเสวนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมาในเชิงวิชาการและเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชนอย่างเปิดกว้าง

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง และความไม่เปลี่ยนแปลงที่เห็นนั้นมีความกระทบอย่างยิ่งต่อสังคมไทย นั่นคือเรื่องโครงสร้างอำนาจ

 

พวกเขาใช้กำลัง อำนาจ อิทธิพล หยุดรั้งประเทศไทยไว้ และพยายามดึงให้ถอยหลังเพื่อที่จะให้สังคมไทยห่างจากคำว่าเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ไกลที่สุด เท่าที่พวกเขาจะทำได้ จึงเป็นการรัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการและเป็นปรากฏการณ์หลาย ๆ อย่าง เพื่อสร้างเสถียรภาพแห่งความไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสวนทางอย่างยิ่งกับธรรมชาติของสังคมมนุษย์และความเป็นไปของสังคมโลก

 

และความไม่เปลี่ยนแปลงนี้ไปปรากฏในหลายรูปแบบ ในมิติทางเศรษฐกิจเราจะเห็นกลุ่มทุนผูกขาดทั้งหลายแข็งแรงขึ้น มั่นคงขึ้น ขยายพื้นที่ผลประโยชน์มากขึ้น รูปธรรมที่ชัดเจนสุดที่เพิ่งเกิด คือการถูกคว่ำพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า นี่คือเรื่องของการตอกหมุด ตรึงฐานผลประโยชน์ของกลุ่มทุนผูกขาดซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยยะสำคัญกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม

 

เราเชื่อว่าไม่มีรัฐใดในโลก ในยุคปัจจุบัน ที่กล้าประกาศต่อสังคมโลกว่ามีการประกาศยุทธศาสตร์ล่วงหน้าไว้ 20 ปี และกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลชุดต่อมาไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามกฎหมาย และนี่คือความไม่เปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อสังคมไทยอย่างรุนแรงในเวลานี้

 

ปัญหาของบ้านเมืองนี้ก็คือมีคนที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ในสังคมมนุษย์ใดก็ตามที่มีคนใช้อำนาจ ใช้อิทธิพล สกัดกั้นความเปลี่ยนแปลง มันก็จะเกิดปัญหาเดิมซ้ำ ๆ แบบที่เรากำลังเจอและคุยกันอยู่นี้ คนพวกนี้ที่ยึดกุมอำนาจรัฐด้วยวิธีนอกระบบก็จะสร้างรัฐราชการ ในนามของความดี และเอ่ยอ้างถึงความจงรักภักดี ก็ย้อมสีให้คำว่านักการเมืองจากประชาชนเป็นคนชั่วคนเลวคนร้าย ยอมรับหรือไว้วางใจไม่ได้ ความคิดที่ไม่ยอมรับในความเปลี่ยนแปลงนี้ พวกเขาไม่เชื่อในประชาธิปไตย ไม่ไว้วางใจประชาชน ไม่ยอมรับว่าคนเท่ากัน

 

เมื่อผู้มีอำนาจปฏิเสธความเปลี่ยนแปลงเสียแล้วจึงหลีกหนีความขัดแย้งไม่พ้น เพราะพลังของความเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นชัดทุกที

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ตนพูดตั้งแต่ปี 50 51 เรื่อยมา เรื่องการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ในสังคมไทยและก็จะไม่เปลี่ยนคำพูด เพราะตนเห็นภาพนี้ กลุ่มอำนาจของชนชั้นนำ เครือข่ายผลประโยชน์อนุรักษ์นิยม ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน มิได้เป็นแหล่งรวมของชนชั้นนำ พร้อมความสมบูรณ์พูนสุขคาบช้อนเงินช้อนทองเท่านั้น แต่กลุ่มอำนาจกลุ่มผลประโยชน์นี้ พร้อมที่จะเป็นยานแม่ดูดชนชั้นล่างที่เติบโตหรือมีศักยภาพในวิถีของตน เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสยบยอมรับใช้ แล้วก็เอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนกัน

 

ประเทศนี้ได้คอรัร์ปชั่นอำนาจอธิปไตยของประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญแล้วหักหัวคิว ประชาชนไปให้ส.ว. 250 คน โหวตนายกรัฐมนตรีได้ ประเทศนี้คอร์รัปชั่นหลักนิติธรรมของประชาชน มีการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม มีการเลือกข้าง การใช้อำนาจในกระบวนการยุติธรรมกระทำต่อฝ่ายตรงข้าม ต่อชนชั้นล่าง ต่างกรรมต่างวาระ นี่เป็นการทุจริตคอร์รัปชั่นอีกแบบหนึ่ง กำลังเกาะกินและกำลังขี่บ่าคนไทย อยู่จนถึงวันนี้ นายณัฐวุฒิกล่าว

 

คำถามสำคัญก็คือใครคือเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงของประเทศนี้ คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบ ระหว่างประชาชนหรือคนบางคนบางกลุ่มกันแน่ ถ้ามีคำตอบนี้ที่ชัดตรงไปตรงมาเรา ก็จะเดินต่อได้ เราสามารถที่จะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาจัดการบริหารงบประมาณ สร้างรัฐสวัสดิการ มาปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น

 

ประเทศนี้ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร นายทหารก็ประกาศว่าเขาทำเพื่อประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารก็บอกว่าทำในนามของระบอบประชาธิปไตย ในรัฐธรรมนูญ 60 ก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งบอกว่า นี่แหละประชาธิปไตย เขียนรัฐธรรมนูญ เติมคำใน ช่องว่างได้คำเดียวว่านายกรัฐมนตรีต้องชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ส.ว. 250 คน ที่ประวิทย์เลือก ประยุทธ์ตั้งก็บอกว่าประชาธิปไตย

 

นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ตนไม่ได้เป็นมนุษย์ที่คลั่งประชาธิปไตย แต่เป็นมนุษย์ที่กำลังเรียกร้องให้ประเทศ ไทยปกครองในระบอบที่เราตกลงกันและประกาศต่อโลกว่าเราเป็น ต่างชาติเขาถึงจะเชื่อ วันนี้ต่างชาติมองเข้ามาในประเทศไทยเขาไม่มีความเชื่อมั่น การลงทุนจึงไม่มา ปฏิสัมพันธ์กับนานาชาติจึงกระท่อนกระแท่นมีปัญหา

 

เศรษฐกิจสังคมไปสู่จุดที่เราคาดหวังและเรียกร้องกันยาก เพราะตราบใดที่ฝ่ายผู้มีอำนาจเขาเห็นต่างเขาไม่อยากได้ เขาก็ไม่ทำและไม่ยอมให้มันเป็น

 

ปัญหาของสังคมคือคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่สุดวันหนึ่งก็จะรู้ว่าต่อให้คัดค้านทัดทานอย่างไร คุณก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้อยู่ดี ลองยอมรับและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันบ้านเมืองจะมีสัญญาณที่ดี

 

เมื่อเราเป็นประชาธิปไตยกันจริง ๆ นั่นก็หมายความว่าเราต้องมีรัฐธรรมนูญของประชาชนผ่านการทำประชามติ เราต้องมีหลักนิติธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย ต้องมีการแข่งขันเสรีทางการค้าที่ถูกต้องชอบทำตามหลักสากล ต้องมีการจัดการทรัพยากร อย่างเป็นธรรมต่อประชาชนทุกกลุ่มทุกสถานะ เราจะเกิดสิ่งเหล่านี้ถ้าเรามีประชาธิปไตยแท้ ๆ กันเสียที ถ้าเรายังไม่มีประชาธิปไตย สิ่งต่าง ๆ ก็จะถูกขัดขวางแน่ ๆ

 

ปัญหาประเทศจึงแก้ได้ด้วยการล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ด้วยการเลือกตั้ง นายณัฐวุฒิกล่าว

 

ด้าน ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ปัจจัยแรกความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำที่มีมากขึ้น สิ่งที่เห็นคือคนรุ่นใหม่ที่สูญเสียความฝัน เห็นคนรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นชีวิตด้วยความเป็นหนี้ เห็นแม่ที่ต้องไปกู้นอกระบบเพื่อจ่ายค่านมให้ลูก สิทธิขั้นพื้นฐานในชีวิตถูกปล้นไปจากกลุ่มชนชั้นนำไม่กี่กลุ่ม สร้างความเปราะบางทางเศรษฐกิจมหาศาล

 

ปัจจัยที่สองเรื่องการเมืองจากการรัฐประหารการสืบทอดอำนาจ ทำให้ขาดจินตนาการที่เราจะสามารถมีพรรคการเมืองที่สามารถเป็นกระบอกเสียงของเราในการดันเพดานทุกอย่างได้ 8 ปี มานโยบายด้านสวัสดิการจึงไม่มีความเปลี่ยนแปลง

 

ปัจจัยที่สาม การกระชับอำนาจของฝั่งจารีตนิยม มาในรูปแบบของเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ยิ่งสังคมเหลื่อมล้ำเท่าไหร่เครือข่ายจารีตนิยมจะทำงานได้ดียิ่งขึ้น พวกเขาก็จะผูกขาดทุกความเป็นไปได้ ทุกความเป็นไปไม่ได้ของสังคมนี้ ชนชั้นนำจะเย็บติดอดีตและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน

 

แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังมีความหวังกับคนรุ่นใหม่ เชื่อว่า สังคมนิยมประชาธิปไตยจะเป็นภาษาที่ 2 ของคนรุ่นใหม่ ที่ทุนนิยมจะไม่สามารถเป็นคำตอบได้ต่อไป เรากำลังพูดถึงสิ่งที่ก้าวหน้ามากกว่าที่เราเคยมี นั่นคือตัวแบบของรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าจะเปลี่ยนแปลงตามที่เราปรารถนากัน

 

ษัษฐรัมย์ กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องให้พรรคการเมืองมีความกล้าหาญมากกว่านี้ เราเจ็บปวดกับเลือดเนื้อและน้ำตา ชีวิตของประชาชนมามากแล้ว ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้หรอก ที่ล่มสลายเพราะดูแลเด็กและคนแก่ ทำให้คนได้เรียนหนังสือฟรี

 

ทั้งนี้ เราไม่ได้ต้องการแค่ความเห็นใจหรือความสงสารในเรื่องของรัฐสวัสดิการ แต่เราต้องการความเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราทำคนเดียวไม่ได้ เราต้องการนักการเมืองที่กล้าหาญ นักการเมืองที่เข้าใจชีวิตของประชาชน

 

ประเทศนี้มีทหารประจำการ (ไม่รวมทหารเกณฑ์) 400,000 คน ไม่ได้ไปรบกับรัสเซียยูเครนที่ไหน ประเทศนี้มีหมอที่ทำงานวันละ 48 ชั่วโมง ผมไม่ได้พูดผิดประเทศไทยมีหมอที่ทำงานวันละ 48 ชั่วโมงควบกะ ยาวไปเพราะหมอไม่เพียงพอ หมอมีอยู่ 50,000 คน ดูแลคนกว่า 60 ล้าน ในระบบสปสช. หมอพยาบาลขาดแคลน ครูอนุบาลขาดแคลนแต่มีทหารอยู่ 4 แสนคน

 

โดยทั้งหมดนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ที่สันติที่สุด ทั่วโลกพิสูจน์มาแล้วไม่ว่าจะเป็นการผลักดันเรียกร้องรวมตัวของประชาชน หรืออะไรต่าง ๆ เราจำเป็นต้องใช้พื้นที่ก่อนการเลือกตั้งส่งเสียงพึงพรรคการเมือง ด้วยท้ายที่สุดแล้วก็คือการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งเราจะไม่ได้อะไรเลยถ้าเราไม่ส่งเสียงในสิ่งที่เราต้องการ ถ้าเราปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นยุทธศาสตร์ของชนชั้นนำอีกครั้ง ษัษฐรัมย์ กล่าว

 

ขณะที่ กฤดิกร มองว่า เห็นความเปลี่ยนแปลงใน 8 ปี คือ ความพยายามไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงให้ได้ของฝั่งอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว มองว่าอนุรักษ์นิยมเห็นถึงความพยายามในการเปลี่ยนแปลงของฝั่งตรงข้ามจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดจากพลวัตของการเปลี่ยนแปลง ของทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งประชาชนเองและฝั่งชนชั้นนำ อนุรักษ์นิยมจึงคิดค้นนโยบายที่จะให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ต้องอยู่กับบุญคุณของรัฐบาลจึงเกิดเป็นนโยบายที่เรียกว่าประชารัฐ

 

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเขาเห็นว่า การกำจัดผีทักษิณนอกเกมครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ผีทักษิณก็ฆ่าไม่ตายสักที สุดท้ายแล้ว 8 ปี ที่เราเห็น คือการยอมรับความจริงว่า สู้นอกเกมไม่ชนะแล้ว ต้องหาทางมาสู้ในเกม ในเกมที่ว่านี้ก็คือการเลือกตั้ง อนุรักษ์นิยมก็จะมีทั้งศาลรัฐธรรมนูญ กกต. หลากหลายเครื่องมือ ที่สุดก็สร้างเงื่อนไขที่ทำให้เกิดผีตัวใหม่ขึ้นมาก็คือผีอนาคตใหม่ จนที่สุดฝั่งอนุรักษ์นิยม ตอบโต้ด้วยการสร้างนโยบาย ที่เรียกว่าประชารัฐขึ้นมาที่ทำให้ทุกคน ในสังคมงอมืองอเท้ารอ ของชำร่วยต่าง ๆ คือนโยบายของรัฐ ซึ่งผูกพันกันในเรื่องของบุญคุณ

 

กฤดิกร ยังกล่าวอีกว่าเป็น 8 ปี ที่ประเทศเสียหายเละเทะ พร้อมกับมีนายกฯที่มีดีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องอ้างความจงรักภักดี

 

8 ปี ผ่านมา รัฐบาลพิสูจน์ตัวเองถึงความไม่เข้าท่าล้มเหลวในการบริหารทุกด้าน แล้วถ้าเรายังสู้ในเกมไม่ชนะอีก จึงเป็นจังหวะที่น่าเสียดายมากกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง คือถ้าเขาเล่นนอกเกมก็อีกเรื่องหนึ่งแต่ในสนามเลือกตั้ง ต้องคิดกันแล้วล่ะว่าเราจะอยู่อย่างนี้ ไปจริง ๆ หรือ กฤดิกร กล่าวทิ้งท้าย

 

ขณะที่ โรม มองว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดแน่นอน แต่จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1) การเปลี่ยนเชิงลบ เกิดการคอร์รัปชั่นในระบบราชการอย่างหนักหน่วงใหญ่หลวง มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชั่นอำนาจ มีเรื่องตัวเงินที่เป็นการเบียดบังภาษีประชาชน เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีต้นตอที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วช้าง ที่เคยได้อภิปรายในสภาฯ อาจจะเป็นตั๋วต่าง ๆ ซึ่งตั๋วพวกนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในวงการตำรวจแต่มันมีทุกที่

 

มองว่ารัฐประหารก็คือคอร์รัปชั่น พอรัฐประหารเสร็จก็นำพวกพ้องของตัวเองมานั่งในตำแหน่งต่าง ๆ พวกพ้องเหล่านี้ก็จะออกกฎหมายในการที่จะเอื้อหรือป้องกันคณะรัฐประหาร นี้คือความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงว่าอำนาจรัฐ คนที่อยู่ในระบบราชการเขาไม่เกรงกลัวกฎหมาย มั่นใจในตั๋วที่เขามี เขามั่นใจในระบบเส้นสายที่เขามี

 

ระบบเส้นสายเหล่านี้ก็เป็นต้นสายปลายเหตุที่สำคัญในปัญหายาเสพติด การคอร์รัปชั่นในระบบราชการมีส่วนสำคัญยิ่งที่ก่อให้เกิดอาชญากรรม ในประเทศของเรา หรือ เรื่องของบ่อน หวย ก็ตาม

 

2) ความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านคน ด้านความคิด เราปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้ความคิดของผู้คนได้เปลี่ยนแปลงไปมากไม่ ไม่รู้ว่าคือพลเอกประยุทธ์หรือเปล่า ที่ทำให้ทุกคนได้ข้อสรุปว่า"นี่คือศัตรูของประชาชน"

 

ปรากฏการณ์ 2563 ที่มีน้อง ๆ นักศึกษาเยาวชนคนรุ่นใหม่ ออกมาเรียกร้อง ในหลาย ๆ ข้อที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ข้อเรียกร้องที่ทะลุฟ้าทะลุเพดานที่ไม่เคยมี ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ความคิดของคนเปลี่ยนแล้ว เพียงแต่ว่าโครงสร้างของอำนาจของรัฐจำกัดอำนาจของประชาชนอยู่

 

8 ปี ที่ผ่านมาเราจึงเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงลบและเชิงบวก มีทั้งคราบน้ำตาและรอยยิ้ม

 

โรม มองว่า ปัญหาไม่เคยเกิดซ้ำแต่มันไม่เคยถูกแก้เลยต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น ยาเสพติด บ่อน หรือทุนใหญ่ควบรวมกัน เหตุผลคือคนเหล่านี้มีคนคุ้มครองดูแลอยู่ ท้ายที่สุดพอคนจะเข้าไปแก้ไขปัญหาอะไรบางอย่าง คุณก็จะบอกว่าเรื่องนี้แตะไม่ได้นะ ตัวอย่างเช่นที่ตนอภิปรายเรื่องตั๋วช้างก็จะมีตำรวจกลุ่มหนึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจของพระราชา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่นั่งงงว่าประเทศนี้มีตำรวจของพระราชาด้วยหรือ พอบอกว่าเป็นตำรวจของพระราชาหมายถึงคุณจะฝากใคร ตำแหน่งไหนก็ได้ แล้วระบบตรวจสอบและจับกุมจะสามารถดำเนินการได้จริงได้อย่างไร?

 

โรม ยังระบุอีกว่า อยากให้ทุกคนได้มองถึงในเรื่องของการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย เชิงกลไก เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐ ที่ผ่านมาเราพูดถึงเรื่องคอร์รัปชั่นเรามองไปที่นักการเมืองซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว ถามว่านักการเมืองคอร์รัปชั่นมีไหม..มี แต่นักการเมืองคอร์รัปชั่นโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากข้าราชการได้ไหม ..ไม่ได้

 

วาระทางการเมืองของสังคมไทยหลังจากนี้ ต้องเอาจริงเอาจังกับคอร์รัปชั่นที่มีอยู่ในระบบราชการอย่างจริงจัง ถ้าไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ประเทศไทยไม่มีทางเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โรม กล่าว

 

ที่ผ่านมาการช่วยเหลือของข้าราชการเหล่านี้ก็ไม่มีการตรวจสอบไปถึงเลย มันคือความเละเทะ จึงไม่แปลกที่เราเห็นตำรวจขายข้อมูลให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่แปลกที่เราเห็นการสังหารหมู่ที่หนองบัวลำภู หรือเหตุกราดยิงที่โคราช ซึ่งทุกวันนี้จับใครได้หรือยัง ที่ทำให้เขาตัดสินใจกราดยิงเพราะมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ถ้าเราสืบสายไปเรื่อย ๆ บางทีเราอาจจะไม่เหลือข้าราชการ ที่อยู่ในระบบถ้าเราจับไปทั้งหมด

 

ที่ผ่านมา ประเทศเรา ไม่ได้ใช้งบประมาณ ไปสู่การที่ทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น เงินจำนวนมากถูกใช้ไปหล่อเลี้ยงระบบราชการ ซึ่งเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น ทำให้ข้าราชการหรือนายพลระดับสูงมีความเป็นอยู่ที่สบาย ในขณะเดียวกันข้าราชการระดับล่าง มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ต้องไปหากินกับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นเราต้องกลับมาทบทวนในเรื่องของการใช้งบประมาณใหม่

 

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องกลับมาปฏิรูป ให้กองทัพมีที่ดินเท่าที่จำเป็น สนามกอล์ฟไม่มีได้ไหม สนามมวยไม่มีได้ไหม บ้านพักลดความหรูลงมาได้ไหม เพื่อคืนทรัพยากร ให้เป็นของประชาชน ธุรกิจของกองทัพที่มี สามารถขึ้นตรงกับคลัง เพื่อให้เอาเงินตรงนั้นไปพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน และสนับสนุนให้เกิดรัฐสวัสดิการ

 

เรื่องของระบบเส้นสาย ตำแหน่งต่าง ๆ จะต้องไม่มีการซื้อขายกันอีกต่อไป ซึ่งก็จะทำให้ธุรกิจที่ผิดกฎหมายจำนวนมากหายไป

 

ประเทศไทยจะเดินหน้าได้อย่างไรถ้าความยุติธรรมไม่คืนกลับมาหาประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเลย เรา จำเป็นต้องนิรโทษกรรม ที่ใช้เกณฑ์วัดคือแรงจูงใจทางการเมืองเป็นตัวตั้ง ถ้าคุณมีแรงจูงใจทางการเมืองไม่ว่าคุณจะถูกดำเนินคดีในข้อหาใด(ยกเว้นความผิดต่อชีวิตและร่างกาย) สามารถที่จะเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมให้กับทุกคน แต่จะไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระบวนการตรงนี้จะเป็นการปลดล็อค เพื่อทำให้สังคมรู้สึกว่าพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้า โรม กล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อมธ #รีวิว8ปีชีวิตคนไทย