วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

"ใบปอ" อ่านแถลงการณ์หลัง จนท. ไม่เปิดทางให้เดินไปยื่นหนังสือต่อผู้นำ APEC พร้อมสาดสีใส่ป้าย "หยุดฟอกเขียวทุนเจ้า"

 


"ใบปอ" อ่านแถลงการณ์หลัง จนท. ไม่เปิดทางให้เดินไปยื่นหนังสือต่อผู้นำ APEC พร้อมสาดสีใส่ป้าย "หยุดฟอกเขียวทุนเจ้า"


วันนี้ (17 พ.ย. 2565) เวลาประมาณ 12.00 น. ที่แยกอโศก ถ.อโศกมนตรี บริเวณอาคารเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้า MRT สุขุมวิท และ BTS อโศก ผู้ชุมนุมภายใต้ชื่อกลุ่ม WHAT HAPPENED IN THAILAND รวมตัวกันเพื่อคัดค้านการจัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation) หรือเอเปค (APEC) พร้อมชูป้ายแสดงเจตจำนงค์ในการยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง และการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังพลและแนวป้องกันทุกด้านบริเวณดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมผ่านไปได้ โดยมีทั้งแผงเหล็ก, ลวดหนามหีบเพลง และแบริเออร์ วางเป็นแนว


ด้านผู้ชุมนุมประกาศขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทาง เนื่องจากมีความประสงค์เพียงแค่ส่งตัวแทนเข้าไปยื่นหนังสือเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปทั้งหมด และผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธใด ๆ แต่การเจรจาไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ยืนกรานไม่เปิดทางให้ และในที่สุดกลุ่มผู้ชุมนุมโดย “ใบปอ” ได้อ่านแถลงการณ์หนังสือเปิดผนึก ณ บริเวณฟุตบาท แยกอโศกมนตรี โดยมีใจความว่า


แถลง 17 พ.ย. แยกอโศก


เรียน สมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกและสมาชิกที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม APEC 2022


เราประชาชนมีความยินดีอย่างยิ่งในวาระโอกาสที่พวกท่านเหล่าสมาชิกอันทรงเกียรติเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ท่านจะได้รับการต้อนรับเข้าสู่เทศกาลแห่งการโกหกครั้งใหญ่ ตั้งแต่ความปลอมเปลือกของบริเวณที่ประชุม ถนนหนทางที่ท่านใช้จราจรมายังที่ประชุมที่ถูกซุกขยะไว้ใต้พรมแดงและโรยด้วยผักชีที่กลิ่นแรงยิ่งกว่ากุหลาบใด ๆ การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเสแสร้งนี้เป็นเครื่องมือที่ให้พวกท่านในฐานะสมาชิกรับรองความชอบธรรมของรัฐบาลเผด็จการอัปลักษณ์ในผ้าคลุมของการเลือกตั้งตามกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับโจร


พวกท่านอาจสงสัยว่าประเทศนี้ก็เป็นประชาธิปไตยแล้วมิใช่หรือ หลังจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี ๒๕๖๒ แต่ภายใต้ผ้าคลุมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเงามืดของกองทัพไทยและสถาบันกษัตริย์ยังคงทำให้ประเทศนี้เป็นได้แค่ประเทศเสมือนประชาธิปไตย เป็นลิเกโรงใหญ่ที่ถูกกำกับโดยองค์กรเหนือรัฐธรรมนูญทั้งหลาย


เงามืดเหล่านี้มองเห็นเป็นรูปธรรมได้จากการที่ประเทศไทยยังบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ม.112)อย่างเข้มข้นด้วยวิธีเหวี่ยงแหอย่างเกินขอบเขตของกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร เจตนาทำให้ประชาชนหวาดกลัวในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์เหตุเพราะไม่แน่ใจเส้นแบ่งที่ชัดเจนของกรอบกฎหมายที่พึงกระทำได้หลายคดียังดำเนินอยู่ มีผู้ได้รับความเจ็บปวดและผลกระทบจากการถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมทางความคิด มีนิสิต นักศึกษา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักสิทธิมนุษยชนพบว่าถูกรัฐซึ่งใช้เพกาซัสสปายแวร์แอบสอดส่องการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และละเมิดความเป็นส่วนตัว ด้วยเหตุเพราะมั่วสุมกันคุยเรื่องการส่งเสริมเสรีภาพของประชาชน


ประเทศนี้ยังปกครองด้วยระบอบอำนาจนิยมที่กำลังทางกายภาพมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด ปืนมีค่ามากกว่ากฎหมาย รัฐธรรมนูญเป็นแค่กระดาษเปื้อนหมึกที่พร้อมจะทิ้งขยะแล้วเขียนใหม่ตามแต่ผู้ถืออำนาจต้องการไม่ต่างอะไรกับการจดใส่กระดาษชำระที่นำไว้ใช้เพียงชั่วครู่ยามเท่านั้น


หลังรัฐประหารในปี 2557 คณะรัฐประหารและรัฐบาลจำแลงภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ได้มีการขยายพระราชอำนาจให้สถาบันกษัตริย์ เริ่มจากการมีรับสั่งให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์หลังจากที่ผ่านการทำประชามติรับรองแล้ว ในปี 2559 อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ


นอกจากนั้นแล้ว ในระหว่างการเลือกตั้ง 2562 ที่ผ่านมา ได้มีการออกประกาศโดยสถาบันกษัตริย์ วินิจฉัยการกระทำของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เมื่อมีประกาศดังกล่าวลงมา ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์กรอิสระก็รับลูกด้วยการวินิจฉัยให้พรรคไทยรักษาชาติต้องถูกยุบไป โดยใช้ข้ออ้างว่าเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งที่ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ลงสมัครในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรไทยและ กรรมการการเลือกตั้งเองก็ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ก่อนพระบรมราชโองการดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการใช้อำนาจเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้


รัฐบาลนี้ยังได้ขยายอำนาจ เปิดช่องโหว่ให้สถาบันกษัตริย์รับเงินจากเหล่าพ่อค้านักธุรกิจ อันนำไปสู่การตั้งคำถามถึงการรับเงินเพื่อสร้างเครือข่ายทุนศักดินาและอำนวยความราบรื่นของการประกอบการณ์


นอกจากนี้ รัฐบาลประยุทธ์ยังได้สั่งให้มีการแก้กฎหมายเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อันเป็นการเปิดช่องให้กษัตริย์เป็นคนร่วมลงทุนถือหุ้นส่วนผลประโยชน์ ในขณะที่รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีใดๆก็ตาม ซึ่งครอบคลุมกรณีการพิพาทในการประกอบธุรกิจ ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงการลงทุนที่สถาบันกษัตริย์ได้รับผลประโยชน์ โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ หากมีการกระทำผิดหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นจากการลงทุนนั้น ๆ 


การละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐไทยยังคงดำเนินต่อไปแม้ในขณะที่พวกท่านเดินอยู่ในศูนย์ประชุม และมันจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยไปหากพวกท่านเเสดงท่าทีเป็นมิตรกับผู้นำที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับคณะรัฐประหารฉบับนี้


โปรดพิจารณาถึงสาส์นฉบับนี้ที่มอบให้ท่านในฐานะเหรียญอีกด้านที่ถูกคว่ำไว้และปัญหามากมายที่รัฐบาลซุกไว้จนไม่พอจะปิดไว้ใต้ใบบัว โปรดได้ยินเสียงของผู้คนที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่จัดเจนเรื่องการตลบตะแลงและปลิ้นปล้อนอยู่เป็นนิจ


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา


ประชาชน  


เมื่ออ่านแถลงการณ์จบลง ได้ทำการฉีกเอกสารดังกล่าวทิ้งเนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าไปยื่นกับมือได้ จากนั้นได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยการสาดสีเขียวใส่ป้ายข้อความว่า “หยุดฟอกเขียวทุนเจ้า” จังหวะนี้เจ้าหน้าที่ซึ่งตั้งแนวด้านหลังป้ายข้อความดังกล่าวได้พยายามดันเข้ามาเพื่อจะยึดป้ายผ้าดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่บางรายถูกสีที่ผู้ชุมนุมกำลังทำกิจกรรม ทำให้มีการผลักดันกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม ขณะที่ “ไหม ธนพร” ได้ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 13.42 น.


อย่างไรก็ตาม หลังยุติกิจกรรมแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ยินยอมและตั้งใจจะเคลื่อนขบวนไปยังศูนย์ประชุมฯ ให้ได้ เป็นเหตุให้มีการพยายามผลักดันแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ ขว้างปาสิ่งของ ไปจนถึงสาดพ่นสเปรย์สีให้เจ้าหน้าที่ จนมีการกระทบกระทั่งกัน


ระหว่างการชุมนุม พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง  ผกก.สน.ลุมพินี และ พ.ต.อ.อุปดิศย์ ราชกิจเจริญ หัวหน้าชุดเจรจา ได้ประกาศผ่านรถเครื่องขยายเสียง ขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม เนื่องจากการชุมนุมที่จัดขึ้นไม่ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนหน้า จึงเป็นการชุมนุมที่ผิดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมบางส่วนยังไม่ยอมสลายตัว แม้เจ้าหน้าที่เร่งเสริมกำลังทวงคืนพื้นผิวการจราจร


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #APEC2022 #เอเปค2565

#ม็อบ17พฤศจิกา65