"กลุ่มราษฎร"
ร้อง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สอบปมสลายชุมนุม
เมื่อ 18 พ.ย. ด้านกมธ.รับเรื่อง จ่อเชิญผู้เกี่ยวข้อง ถก 24 พ.ย. นี้ อานนท์ เผย
เดินหน้าเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการสลายชุมนุมอย่างถึงที่สุด ทั้งทางวินัย
อาญา และแพ่ง
วันนี้
(21 พ.ย. 2565) เวลา 14.00 น. ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย นายอานนท์ นำภา ทนายความ,
นายบารมี ชัยรัตน์ แกนนำกลุ่มสมัชชาคนจน
พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค
ได้นำพยานหลักฐานจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่บริเวณถนนดินสอ
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พร้อมยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการ (กมธ.)
พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร
และพรรคร่วมฝ่ายค้าน
เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการใช้กำลังขัดขวางและสลายการชุมนุมของกลุ่ม
“ราษฎรหยุด APEC 2022"
จนเกิดเหตุความรุนแรงมีผู้บาดเจ็บและถูกจับหลายราย โดยบางรายอาจสูญเสียการมองเห็น
จึงเรียกร้องให้กรรมาธิการและพรรคร่วมฝ่ายค้านช่วยตรวจสอบทั้งข้อกฎหมายในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
รวมถึงหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยมีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.ก้าวไกล
ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ และตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน
เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ด้านนายบารมี
ชัยรัตน์ ตัวแทนผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค2022
ระบุว่า การชุมนุมวันดังกล่าว แกนนำได้แจ้งการชุมนุมตามกฎหมาย
แต่ถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังขัดขวางไม่ให้เดินขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
อีกทั้งได้พยายามเรียกร้องให้ตำรวจถอนกำลังออกไปและพร้อมเจรจา
และขณะที่เกิดเหตุชุลมุนนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การปะทะ
แต่เป็นการที่เจ้าหน้าที่ทุบตีเอาเพียงฝ่ายเดียว และในครั้งที่ 3
มีการเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่จากตำรวจคุมฝูงชน (คฝ.) เป็นอีกชุดหนึ่ง
ที่ใส่ผ้าพันคอสีเขียว เข้ามาสลายการชุมนุม
นายบารมี
ยังระบุว่า ถ้าเห็นว่าการชุมนุมไม่ชอบก็ต้องไปร้องต่อศาลให้มีคำสั่งยุติการชุมนุม
แต่นี่เป็นการใช้กำลังและอำนาจเถื่อนเข้ามาทำร้ายมวลชน
จนกระทั่งมีคนบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นอาจเสียดวงตา
ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยแบบนี้ มองว่าเป็นการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำของฝั่งผู้ชุมนุม
ในวันนี้จึงมาเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการฯ
ตรวจสอบข้อเท็จจริง
พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม
ตั้งแต่ผู้กำกับ สน.สำราญราษฎร์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบ.ชน.)
รวมถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นประธานจัดการประชุมเอเปค เข้ามาชี้แจง
ด้านนายณัฐชา
อินไชยบุญสวัสดิ์ กรรมาธิการพัฒนาการเมือง
กล่าวว่า
เหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่อแววไปในความรุนแรง
เป็นเพียงการออกมาเรียกร้องสิทธิเท่านั้น ซึ่งการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ไม่มีมาตรการจากเบาไปหาหนัก
ดังนั้นในวันพฤหัสบดีที่
24 พ.ย. 2565
จะนำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการพิจารณาของกรรมาธิการและจะเสนอเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ และในวันเดียวกันในเวลา 11.00 น.
สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์จะนำหลักฐานมายื่นต่อคณะกรรมาธิการฯด้วย
ขณะที่ธีรรัตน์
สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
กล่าวว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีภาพปรากฏชัดมีการยั่วยุจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนสถานการณ์บานปลาย มีการใช้กำลังทำให้มีผู้บาดเจ็บ อย่างไรก็ตามมองว่ารัฐบาลที่ดีควรที่จะเปิดหูเปิดตารับฟังความเห็นจากประชาชนไม่ใช่อยู่กดอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุม
ซึ่งหลังจากนี้ทางกรรมาธิการและพรรคฝ่ายค้าน
ก็จะร่วมกันแสวงหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการกระทำที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐ
นอกจากนี้
อานนท์ นำภา ได้เปิดเผยภายหลังการยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการฯ
ยืนยันว่าจะต้องมีการดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางวินัย
ทางอาญา และทางแพ่ง อย่างถึงที่สุด
ด้วยเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่รัฐต้องร่วมกันรับผิด
ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาจนถึงระดับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้ร่วมกันประพฤติผิดกฎ
ต้องรับผิดทั้งในระดับส่วนตัวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีส่วนรับผิดด้วย
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้
คิดว่าเจ้าหน้าที่ล้ำไปเยอะ ส่งผลกระทบทั้งผู้ชุมนุม
ผู้ไม่ได้ร่วมชุมนุมและสื่อมวลชน อีกทั้งการทำร้ายสื่อมวลชนทั้งที่แสดงตัวแล้ว
อาจแฝงเจตนาต้องการคุกคามสื่อในการนำเสนอข่าวการชุมนุม
ซึ่งสื่อมวลชนควรเรียกร้องและแสดงความจำนงเอาผิดร่วมด้วย
เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคมโดยเฉพาะในกรณีนี้ที่มีหลักฐานชัดเจน
นายอานนท์
ยังได้ระบุอีกว่า ขณะนี้ได้รวบรวมรายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่คาดว่าเป็นผู้กระทำความผิดได้กว่า
170 คนแล้ว ทั้งระดับผู้บังคับบัญชาและระดับปฏิบัติการ
รวมถึงอยู่ระหว่างการตามหาและพิสูจน์ทราบบุคคลที่ลั่นไกยิงกระสุนยางในระยะประชิด
และในระดับเหนือเอวซึ่งผิดหลักยุทธวิธี
และจากพฤติกรรมในเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายคนในสังคมตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่ใช่ตำรวจธรรมดาที่กระทำแบบนี้
ซึ่งต้องเอาผิดกันต่อไป
ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บก็ต้องกระทำอย่างเต็มที่ต่อไป นายอานนท์ กล่าว
นายอานนท์
ยังได้กล่าวอีกว่า นอกจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วจะเดินทางไปยังองค์กรอื่น ๆเช่น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ปปช.) เพื่อให้แสดงบทบาทในการตรวจสอบเรื่องนี้
และเรียกร้องให้สื่อนำเสนอข่าวเรื่องนี้ต่อไป
นายอานนท์
กล่าวต่อไปว่า
คาดว่าหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะทำงานในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดจริง ๆ
ก็ต้องเอาผิดตามกฎหมาย เพื่อแสดงบทบาทการเป็นเสาหลักของประเทศ ถึงแม้ที่ผ่านมา
จะมีกรณีที่ประชาชนเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐจากการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการชุมนุมได้นั้น
เกิดขึ้นน้อยมาก และฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ
18 พ.ย. ว่า "เตรียมหาทนายไว้ เจอกันชั้นศาลแน่นอน"
จากนั้นกลุ่มราษฎร
ได้ถ่ายรูปร่วมกัน โดยปิดตาข้างขวา เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์
เพื่อส่งกำลังใจให้"พายุ ดาวดิน" ที่ถูกตำรวจ คฝ.ยิงดวงตาเมื่อวันที่ 18
พฤศจิกายน ที่ผ่านมา #คฝยิงพายุ
#ราษฎรหยุดAPEC2022 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์