"นพเก้า" 1 ใน 8 แอดมินเพจ #เรารักประยุทธ์ โพสต์ "เกือบ 7 ที่ต้องไปศาลกับคดีที่ไม่เป็นเรื่อง"
วันนี้ (7 พ.ย. 2565) หลังจากที่ศาลอ่านคำพิพากษา "ยกฟ้อง" ไม่ผิด ม.116 และพ.ร.บ.คอมฯ คดีตั้งแต่ปี 59 ชี้ ประชาชนวิจารณ์นักการเมืองได้ตามรัฐธรรมนูญ นั้น
"นพเก้า คงสุวรรณ" 1 ใน 8 แอดมินเพจฯ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงความยากบำบาก ความสูญเสียพร้อมขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือทางคดี ความว่า
เกือบ 7 ปี ที่ต้องไปศาล กับคดีไม่เป็นเรื่อง
เพียงแค่ถูกฟ้องว่าทำภาพล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ ถูกจับติดคุกจริง ๆ ทั้งค่ายทหารและเรือนจำ รวม 2 สัปดาห์ ถูกใส่โซ่ตรวน เดินเท่าเปล่ามาศาล ถูกปฏิบัติเหมือนอาชญากร ถูกยัดข้อกล่าวหา ม.116 (น้อง ๆข้อหากบฎ ม.113 โทษใกล้กับ ม.112)
- จำเลยบางคน ธุรกิจของเขาที่เพิ่งเริ่มต้นกำลังไปได้ดี เจ๊งทันทีเพราะติดคุก และ ไม่มีใครมาดูแลต่อ
- จำเลยบางคน กำลังจะตั้งตัวได้ ก็ต้องล้มครืน เพราะถูกจับ
- จำเลยบางคน ชีวิตพัง ถูกตราหน้าจากสังคมที่ยังไม่เข้าใจว่ามีคดี ไม่อยากยุ่งด้วย
- จำเลยบางคน ร่อนใบสมัครหางานทำเลี้ยงชีพไม่ต่ำกว่า 4-5 ที่ ถูกปฏิเสธการเข้ารับทำงาน เพราะติดประวัติอาชญากรรม มีคดีที่แม้จะยังไม่ตัดสิน และปัจจุบันนี้เขาบางคนก็ยังหางานทำที่มั่นคงไม่ได้
- จำเลยบางคน ต้องอยู่แยกกันกับที่บ้านไปเลยในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะกลัวทหาร-ตำรวจจะมาลงบ้านอีกครั้ง เหมือนครั้งที่ถูกอุ้มเข้าค่ายทหาร
- จำเลยบางคนต้อง "ลี้ภัย" เพราะไม่สามารถทนพิสูจน์ตัวเองด้วยระยะเวลาอันยาวนาน ไม่สามารถทนอยู่ในสภาวะที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกัดกลืนชีวิต ถูกขโมยอนาคต
- จำเลยบางคน จะไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อแสวงหาอนาคตที่ดีกว่า กลับติดเงื่อนไขมากมายในการออกไปหาความรู้ กว่าจะออกไปได้ เขาต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนอื่น นั่นคือ "เวลา"
หลายคนใช้เวลาเกือบ 7 ปี ทนทรมานกับข้อกล่าวหานี้ ดำเนินชีวิตไปอย่างกระท่อนกระแท่น เหมือนผู้กระทำความผิด แม้ศาลยังไม่ตัดสิน จนกระทั่งถึงวันที่ยกฟ้อง "โอกาส" และ "เวลา" ของชีวิต ที่ควรใช้ไปสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้ กลับต้องมาเสียไปให้ฟรี ๆ กับข้อกล่าวหาของรัฐบาล คสช. ที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"
และไม่ใช่แค่พวกผม 8 คน ที่ถูกพรากโอกาสเช่นนี้ มีคนอีกจำนวนมาก จากผลพวกการดำเนินคดีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องพบเจอสิ่งที่ผมยกตัวอย่างไป บางคนถึงระดับที่ไม่สามารถ "กลับมามีชีวิตเหมือนเดิมได้อีกเลย"
และสุดท้ายเมื่อเราถูก "ยกฟ้อง" สิ่งที่เสียไปเหล่านี้ เราจะไปเรียกร้องเอาคืนมาจากใครได้ จริงอยู่ ที่ตามกระบวนการสามารถ "ฟ้องกลับได้" แต่สิ่งที่สูญเสียไปแต่ละอย่าง แม้ฟ้องกลับแล้วชนะ มันก็ไม่สามารถมาทดแทนกันได้ โดยเฉพาะ "เวลา" และ "โอกาส"
แต่ในความ "เรื่องไม่เป็นเรื่อง" ก็มีลิสต์ที่ต้องขอบคุณผู้คนจำนวนมากเลยทีเดียว
- พี่ต้อล วิญญัติ ชาติมนตรี และทีมทนายของเขา ที่อดทนทำคดีนี้มาเกือบ 7 ปี ในวันที่เราไม่คิดว่าเราจะชนะที่รัฐฟ้องได้อย่างไร พี่ต้อลบอกกับเราว่า "พวกพี่จะทำให้ชนะให้ได้"
- วันแรก ๆ ที่ผมถูกจับ ต้องขอบคุณ นายแม่เอ๋ Yaowalak Anuphan และ อานนท์ นำภา ที่มาว่าความให้ และ เรียกร้องสิทธิในการเข้าถึงทนายให้ระหว่างสอบสวน ถ้าไม่มีนายแม่เอ๋ ในวันที่ถูกคุมตัว ผมว่าในวันนั้นผมอาจจะไม่มีทนาย ส่วนอานนท์ คนแรก ๆ ที่รู้ว่าผมถูกอุ้ม เขาทำให้เรื่องนี้ไม่เงียบ จนในค่ายทหารปั่นป่วน ถึงขนาดมีนายทหารคนหนึ่งพูดว่า "แม่งรู้ได้ไงวะ...ว่ามีคนถูกอุ้ม"
- พี่ตู่จตุพร พี่เต้นณัฐวุฒิ หมอเหวง อ.ธิดา ทีมแกนนำ นปช. ก็ต้องขอบคุณ เพราะเขาคือคนกลุ่มแรก ๆ ที่ออกไปตามหาพวกเราในทุก ๆ ที่ แม้กระทั่งไปบุกถึงค่ายทหาร ไปยันกองปราบ แม้ไปแล้วถูกกันไม่ให้เจอตัว แต่ก็ไป ขนกันไปเยี่ยมกันในเรือนจำ รวมถึงช่วยจัดการ เรื่องอาหารการกิน-การอยู่
- ทีม พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen ที่ไป "ยืนเฉย ๆ" เพื่อให้ปล่อยตัวพวกเรา บางคนไปยืนจนโดนจับ กลับมาถูกอุ้มทีหลัง จ่านิว Sirawith Seritiwat นี่หนักกว่าใคร ไปจนแม่โดน ม.112 รวมถึง โรม, ลูกเกด เพื่อน ๆน้อง ๆหลายคน ที่ทำกิจกรรมในเวลานั้น เพื่อรณรงค์ให้ปล่อยตัว รวมถึง สมศรี บุญนัม, Achara Ing และ ที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกจำนวนหนึ่ง
- เหล่าพี่ ๆ ท่าน ๆ เพื่อน ๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่อาจจะไม่สะดวกให้เอ่ยนามกันตรงนี้ มี อ.Ekachai Chainuvati รวมถึงพี่หนูหริ่ง สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่นึกได้ไว ๆ เป็นหนึ่งในนั้น ที่ช่วยเหลืออุ้มชูทั้งทางคดี หลายคนช่วยเรื่องเงินประกันตัว ที่ต้องใช้หลักทรัพย์จำนวนมาก และเรื่องจิตใจ ที่ต้องฟื้นฟู จนกระทั่งเริ่มกลับมาตั้งตัวดำเนินชีวิตได้ใหม่ได้อีกครั้ง
- เพื่อน ๆ สายสื่อมวลชน ที่เกาะติดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ถูกจับ ซึ่งทำข่าวยากกว่าวันนี้มาก และจนถึงวันสุดท้าย ที่ศาลอ่านคำพิพากษา แม้น้อง ๆ พี่ ๆ ในสายอาชีพนี้หลายคนมารู้ทีหลังว่ามีคดีนี้ติดตัว ก็ไม่รังเกียจ และวัดเราที่ผลงานและความสามารถอันน้อยนิดที่เราพอจะมี (ฮ่า...)
- ขอบคุณทุกเสียง "ปล่อยเพื่อนเรา" และทุกข้อความที่เขียนฝากมา รวมถึงทุกคนที่มาเยี่ยมในคุก เออ...สิ่งนี้มันมีความหมายเมื่อเราอยู่ข้างในนั้น
- ครอบครัวที่เข้าใจ และไม่เห็นเราเป็นคนอื่น ในวันที่เจอวิกฤต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญ ที่ทำให้เราฮึดมาจนถึงวันที่เราพ้นมลทิน
- ขอบคุณจำเลยร่วมหลายคนที่ยังไม่ถอดใจ
นับหนึ่งวันที่ชนะคดีที่รัฐบาลรัฐประหารฟ้อง
และกลับมาเป็นผู้บริสุทธ์อีกครั้งหนึ่ง...
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #8แอดมินเพจเรารักประยุทธ์