วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

“อานนท์” นำผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าแจ้งความที่ สน.สำราญราษฎร์ เอาผิดจนท.ทุกระดับ ย้ำ “เพื่อนเราต้องไม่เจ็บฟรี คนผิดต้องถูกลงโทษ” ขณะที่ “รุ้ง ปนัสยา” อ่านแถลงการณ์แนวร่วมมธ. กรณีเหตุสลายการชุมนุม #ราษฎรหยุดAPEC2022

 


“อานนท์” นำผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าแจ้งความที่ สน.สำราญราษฎร์ เอาผิดจนท.ทุกระดับ ย้ำ “เพื่อนเราต้องไม่เจ็บฟรี คนผิดต้องถูกลงโทษ” ขณะที่ “รุ้ง ปนัสยา” อ่านแถลงการณ์แนวร่วมมธ. กรณีเหตุสลายการชุมนุม #ราษฎรหยุดAPEC2022


วันนี้ (19 พ.ย. 2565) เวลา 14.00 น. ที่ สน.สำราญราษฎร์ ทนายอานนท์ นำภา ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้กลุ่มราษฎรได้ส่งตัวแทนมากล่าวโทษดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่สลายการชุมนุมบริเวณถนนดินสอเมื่อวานนี้ โดยพวกเราได้มากล่าวโทษท่านผู้กำกับที่เป็นหัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัยในการชุมนุมและมีการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่คฝ. ซึ่งพยานหลักฐานทั้งหมดได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเป็นการสลายการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และมีการใช้กำลังเข้าทำร้ายผู้ชุมนุมและสื่อมวลชน ซึ่งเรามีพยานหลักฐานเป็นคลิปที่จะนำส่งพนักงานสอบสวนต่อไป การสลายการชุมนุมครั้งนี้ทำให้เพื่อนเราหลายคนบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พายุ” ตอนนี้รักษาดวงตาอยู่ ซึ่งอาการไม่ค่อยดีนัก เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ให้มีการกระทำแบบนี้ซ้ำอีก จะดำเนินคดีกับทุกคนตั้งแต่ผู้ปฏิบัติการจนถึงผู้บังคับบัญชา หากมีผู้ใดที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วยก็จะดำเนินคดีทุกคน”


จากนั้น “รุ้ง ปนัสยา” ได้อ่านแถลงการณ์จาก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ความว่า


เบื้องหลังรอยยิ้มทักทาย และภายใต้คำกล่าวสุนทรพจน์สวยหรูตามแบบอย่างครรลองอารยะประเทศ ด้วยเวลาเพียง 3 วัน ระหว่างการประชุม APEC 2022 ณ ประเทศไทย พวกท่านคงเห็นแล้วว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยขณะนี้ (What happening in Thailand) รัฐบาลเผด็จการในคราบประชาธิปไตยของเรา ได้แสดงการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงให้ประจักษ์แก่สายตาของพวกท่าน อย่างที่พวกเราประชาชนแทบไม่จำเป็นต้องบรรยายขยายความความเสวร้ายใด ๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติมแก่พวกท่านอีก


ในขณะที่การประชุมของท่านกำลังดำเนินอยู่ ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก็โลเมตร เจ้าหน้าที่ความมั่นคงภายใต้การบังคับบัญชาสูงสุดโดยนายกรัฐมนตรี ได้ไล่ทุบตีและกราดยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมที่ปราศจากเครื่องป้องกันอย่างบ้าคลั่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นอาจต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต  การใช้กำลังกดขี่ปราบปรามที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีเฉพาะ

ในระหว่างการประชุม APEC 2022 เท่านั้น แต่ด้วยข้อกล่าวอ้างอย่างการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ความรุนแรงที่รัฐเผด็จการกระทำต่อประชาชน เกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเหตุการณ์ปกติ แน่นอนว่าในบรรดากรณีทั้งหลาย รวมทั้งในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นการใช้อาวุธและใช้กำลังสลายการชุมนุม ที่ละเมิดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) และหลักการพื้นฐานว่าด้วยการใช้กำลังและอาวุธโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (Basic Principles of the Use of Force and Firearms by Law Enforcement Officials) ทั้งยังละเมิดกฎหมายภายในประเทศอย่าง คู่มือการปฏิบัติงานพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ. ศ. 2558, พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ รวมถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย


พวกเราขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดต้องการที่จะทำลายการประชุม APEC 2022 หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้นำประเทศ พวกเราเพียงแต่อยากจะส่งสารถึงพวกท่าน ดังที่พวกท่านน่าจะตระหนักดีแล้วว่าสถานการณ์ในประเทศไทยปัจจุบันนี้น่ากังวลเพียงใดต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในการชุมนุมสาธารณะ เราขอวิงวอนให้พวกท่านโปรดรับฟังเรา และย้ำเตือนต่อรัฐบาลของประเทศไทยให้หยุดคุกคามและทำร้ายผู้เห็นต่างที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย


และเราขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งหลาย ขอพวกท่านโปรดมองเข้าไปยังนัยตาของบุคคลที่ยืนอยู่ ณ ปลายกระบอกปืนของท่าน บุคคลผู้มีเลือดเนื้อและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับผู้คนที่ท่านรักและห่วงใย พวกเขาเหล่านั้นอาจเป็นใครบางคนที่ท่านเคยรู้จัก อาจเป็นญาติพี่น้องห่าง ๆ ที่ท่านเคยพบ พวกเขาอาจเป็นอนาคตมิตรสหายที่ดีในวันที่ท่านทนทุกข์ หรืออาจเป็นอดีตเพื่อนร่วมสุขที่ ณ ภูมิลำเนา ทั้งพวกเขาและท่านต่างเป็นมนุษย์ผู้มีความเจ็บปวด ความขุ่นเคือง ความสุข และความเศร้าเช่นเดียวกัน  และด้วยภาระหน้าที่ อาชีพ หรือคำสั่งที่ทำให้พวกท่านจำเป็นต้องยืนอยู่หลังแนวโล่ตรงอีกฟากฝั่งของท้องถนน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ท่านจำเป็นต้องเห็นเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าของพวกท่านเป็นศัตรู


พวกเราเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจว่า ในบรรดาพวกท่านทั้งหมด ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ที่ตัดสินใจเข้ารับราชการเพื่อก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยความมุ่งหวังที่จะทำร้ายบุคคลที่ท่านไม่เคยแม้แต่จะเคยพบหน้าค่าตา คำสั่งของเผด็จการไม่อาจเปลี่ยนให้ท่านกลายเป็นปีศาจเช่นเดียวกับความขัดแย้งทางกรเมือง ที่ไม่เคยหยุดพวกเราให้เชื่อมั่นว่า สักวันท่านจะหวนกลับมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน พวกเราประชาชนต่างมุ่งหวังและใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่า สังคมที่พวกท่านจะไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจกดขี่ของใคร สังคมที่พวกท่านจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์ และเพื่ออนาคตของตัวท่าน และพวกเราทุกคน โปรดกลับมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน


แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม


จากนั้นทนายอานนท์ได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บบางส่วนที่มีใบรับรองแพทย์และพยานหลักฐานมาพร้อมแล้วขึ้นไปแจ้งความกล่าวโทษ พร้อมทั้งกล่าวว่า เรามั่นใจในตำรวจ ถ้าช่วยเหลือกันก็เป็นตำรวจที่เลว คิดว่าตำรวจจะทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด “งานนี้กลางวันแสก ๆ ถ้ายังพ้นผิดอีกนี่ประเทศไทยก็ไม่รู้จะอยู่กันยังไงแล้วกับเจ้าหน้าที่รัฐแบบนี้” อานนท์กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ18พฤศจิกา65