เชตวัน
สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน หัวข้อ สนามกอล์ฟทหารมีไว้ทำไม? เสวนา
“ตามหาขุมทรัพย์ของกองทัพไทย : การบริหารธุรกิจเชิงพาณิชย์ของกองทัพ”
เมื่อวันที่
12 ตุลาคม 2567 ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎรจัดงานเสวนา “ตามหาขุมทรัพย์ของกองทัพไทย :
การบริหารธุรกิจเชิงพาณิชย์ของกองทัพ”
ขณะที่เชตวัน
เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน และรองประธานคณะกรรมาธิการการทหาร
ได้รายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับกิจการสนามกอล์ฟของกองทัพ โดยระบุว่า จากการชี้แจงของกองทัพมีรายงานสนามกอล์ฟของกองทัพในปัจจุบันรวมทุกเหล่าทัพมีทั้งหมด
57 แห่ง บนที่ดินรวมกัน 20,871 ไร่
จากการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการฯ พบว่า ยังมีส่วนที่กองทัพไม่ได้แจ้งอีก 4 แห่ง ทำให้ในความเป็นจริงกองทัพมีสนามกอล์ฟรวมทั้งหมด 61 สนามบนที่ดินถึง 21,454 ไร่
โดยเป็นสนามของกองทัพเรือ 4 สนาม ที่ดินรวมกัน 2,354 ไร่ กองทัพอากาศ 13 สนาม ที่ดินรวมกัน 4,047 ไร่ และของกองทัพบก 40 สนาม ที่ดินรวมกัน 14,470
ไร่
เมื่อลองนำสนามกอล์ฟทั้งหมดจากทุกเหล่าทัพมาปักหมุดในแผนที่ประเทศไทยพบว่า
สนามกอล์ฟเหล่านี้กระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ แต่ที่เข้าใจไม่ได้
คือ การมีสนามของกองทัพหลายแห่งอยู่ติดกันใกล้กันมาก
ทั้งจากคนละเหล่าทัพและจากเหล่าทัพเดียวกัน
เชตวัน
กล่าวต่อไปว่าประชาชนไม่เข้าใจว่าทำไมกองทัพถึงใช้ที่ดินรัฐไปทำสนามกอล์ฟมากมายถึงเพียงนี้
และทำไมแต่ละเหล่าทัพต้องมีคนละสนามในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ไม่นับรวมว่า
มีสนามกอล์ฟของกองทัพที่อยู่ใกล้สนามกอล์ฟของเอกชนด้วย
ที่ผ่านมากองทัพเคยชี้แจงว่า ใช้เพื่อเป็นที่ออกกำลังกายของทหาร
มีไว้รับรองแขกบ้านแขกเมือง
มีไว้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและค่าบริการของสนามกอล์ฟเอกชนที่อยู่ใกล้เคียง
และมีไว้เพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ในเชิงความมั่นคง
แต่ในระยะหลังทุกเหตุผลที่กองทัพเคยยกมาเหมือนจะถูกลืมไปแล้ว
มีการรวมกันเป็นเหตุผลเดียว คือ เพื่อเป็นสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย
เพราะเป็นแหล่งรายได้เข้าสู่กองทุนสวัสดิการ
อย่างไรก็ตามข้ออ้างดังกล่าวนั้นยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า
กองทัพจำเป็นต้องมีสนามกอล์ฟจำนวนมากขนาดนี้ไปทำไม
นั่นทำให้ตนและพรรคประชาชนมีข้อเสนอว่า
ต้องมีการนำสนามกอล์ฟเหล่านี้มาพิจารณาความสมเหตุสมผลใหม่อีกครั้งว่า
จะให้กองทัพบริหารจัดการต่อไปหรือควรต้องส่งคืนให้รัฐใช้ประโยชน์อื่น
เชตวัน
ยกตัวอย่างกรณีสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ บนพื้นที่กว่า 625 ไร่
หากเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะจะทำให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์เกือบ 3 แสนคน เฉพาะสำหรับชาวปทุมธานี
หากรวมประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอื่นด้วยจะมีประชาชนได้ประโยชน์กว่า 5 แสนคน อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากกำไร 11 ล้านบาทต่อปีที่สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ได้รับ
ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเสียโอกาสจากการไม่ได้พัฒนาพื้นที่กว่า 625 ไร่ ราคาประเมินไร่ละ 16.4 ล้านบาท มูลค่ารวมถึง 10,250
ล้านบาทนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เชตวัน
ยังระบุว่า การนำสนามกอล์ฟเหล่านี้มาทำประโยชน์ในทางอื่น
จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนได้มากกว่านี้มาก เช่น
สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ หากเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์
แม้ไม่ได้สร้างรายได้ แต่ประชาชน 3-5 แสนคนจะได้ใช้ที่ดินแห่งนี้เป็นที่ออกกำลังกาย
มีสุขภาพที่ดี
และจะสามารถประหยัดงบประมาณของประเทศในการดูแลความเจ็บไข้ได้ป่วยได้มหาศาล
เปลี่ยนจากผู้ใช้งานที่เป็นนายพลจำนวนไม่มาก ไปสู่ประชาชน
สามารถออกแบบให้เป็นได้ทั้งศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตครบวงจรกลางเมือง
ศูนย์กีฬาและพื้นที่จัดงานอีเวนต์ สวนสาธารณะสีเขียวขนาดใหญ่
“ผมเข้าใจเรื่องความจำเป็นในการออกกำลังกายของทหาร ความมั่นคง
สวัสดิการกองทัพ ข้อเสนอการเปลี่ยนสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์เป็นสวนสาธารณะ
การยกเลิกสนามกอล์ฟกานต์รัตน์ การยกเลิกสนามกอล์ฟในตัวเมืองโคราช หรือเชียงราย
ไม่ใช่ว่าต้องตะบี้ตะบันเอามาให้ได้ อะไรที่จำเป็นสำหรับกองทัพและความมั่นคง
ถ้ากองทัพอธิบายกับสังคมได้ว่าจำเป็นอย่างไรก็บริหารต่อไป แต่อะไรที่ตอบไม่ได้
ไม่สมเหตุสมผล ใช้ที่ดินไม่คุ้มค่า กองทัพก็ต้องพิจารณาตัวเอง ให้มีความโปร่งใส
ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมกับทุกคน เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่และประเทศ”
เชตวันกล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กมธกองทัพ #ธุรกิจกองทัพ