วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

'อาเล็ก' ระบายความเจ็บปวดในนามศิลปินเพื่อราษฎร ขอยุติกิจกรรม #ปล่อยเพื่อนเรา หน้าศาลอาญารัชดา เหตุถูกคุกคาม ชี้แม้อยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ปลอดภัย ยันขอเคียงข้าง ส่งความห่วงใยผู้ต้องขังการเมืองทุกคน

 


'อาเล็ก' ระบายความเจ็บปวดในนามศิลปินเพื่อราษฎร ขอยุติกิจกรรม #ปล่อยเพื่อนเรา หน้าศาลอาญารัชดา เหตุถูกคุกคาม ชี้แม้อยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ปลอดภัย ยันขอเคียงข้าง ส่งความห่วงใยผู้ต้องขังการเมืองทุกคน

 

ตามที่เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ในเวลาประมาณ 18.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางไปที่หน้าป้ายสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญา เพื่อเรียกร้องให้ บาส มงคล หรือ ‘บัสบาส’ ได้ลงมาจากป้ายสำนักงานฯ พร้อมกับโยนสิ่งของขึ้นไป และข่มขู่สื่อมวลชนในบริเวณที่เกิดเหตุ

 

อย่างไรก็ตาม เหตุที่'บัสบาส' ได้ปีนขึ้นไปที่ป้ายสำนักงานฯ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เทศกิจ นำเอาสัมภาระของเขาที่ยึดไปมาคืน เพราะเทศกิจเข้าใจว่าบัสบาส เป็นบุคคลไร้บ้าน

 

ในเหตุการณ์นั้น อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ศิลปินเพลงเพื่อราษฎร ที่จัดกิจกรรมรณรงค์เรื่องการคืนสิทธิประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมืองในบริเวณนั้นประจำอยู่แล้ว ให้สัมภาษณ์กับประชาไทว่า หลังเกิดเหตุชุลมุน ตนตกลงจะเก็บของกลับ แต่ก็มีคนจากกลุ่ม ศปปส.เข้าถึงตัวและทรัพย์สินของทั้งยังต่อยที่แก้มของตน

 

อาเล็กยังกล่าวอีกว่า กลุ่ม ศปปส.มาป่วนหลายครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะต่อยตนเองต่อหน้าตำรวจ ซึ่งตำรวจได้แค่เตือน ส่วนประเด็นว่า ศปปส.มีอาวุธหรือไม่นั้น เขาได้ยินว่ามีการพกอาวุธ แต่ส่วนตัวยังไม่เห็น ทำให้รู้สึกว่า “ไม่มีความปลอดภัยใด ๆ ตำรวจไม่สามารถปกป้องเราได้”

 

ล่าสุด วันนี้ (20 ตุลาคม 2566) อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คฝากความถึงเพื่อนในเรือนจำ มีใจความว่า

 

ถึงอานนท์ นำภา และเพื่อน ๆ 36 นักสู้ในเรือนจำ เพื่อให้เพื่อน ๆ ในเรือนจำได้ทราบว่าผมและเพื่อนไปทำกิจกรรมหน้าศาลอาญารัชดา เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวทุกวันต่อเนื่อง

 

ผมมีเรื่องจะเล่าให้เพื่อนได้รับรู้ว่า ขณะที่ผมไปทำกิจกรรมก็มี กลุ่มปกป้องสถาบันฯมาก่อกวนหลายครั้ง แต่ที่น่าเศร้าที่สุดในวันที่ 15 ตุลาอกลุ่มปกป้องสถาบันฯได้บุกมาข่มขู่และทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธเหล็กประแจที่ถือมา และอาจมีที่ซุกซ่อนมาอีกเพื่อเล่นงานพวกผม ถ้ามีการตอบโต้คงบานปลาย ผมและเพื่อนจึงทำได้แค่อยู่นิ่ง ๆ แต่ก็ไม่วายถูกทำร้าย

 

และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือท่าทีของตำรวจสน.พหลฯ ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อยกว่า 10 คน ไม่หือไม่อือกับคนที่บุกเข้ามาทำร้ายพวกผมเลย ชัดเจนว่าพวกปกป้องสถาบันฯอยู่เหนือกฎหมาย และยังน่าเศร้าอีกอย่างว่าสื่อฝั่งก้าวหน้าไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์นี้เลย

 

ความแตกแยกที่สลับซับซ้อนซึ่งมีมานานและหนักขึ้นทุกวัน ผมจะบอกอานนท์และเพื่อนนักสู้ในเรือนจำว่า ผมคงไม่ได้ไปทำกิจกรรมหน้าศาลอีกแล้ว ด้วยเห็นว่าเราหาความปลอดภัยไม่ได้เลย แม้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่เราก็ไม่ปลอดภัย

 

และการคำนึงถึงภาพใหญ่ในการต่อสู้หากพวกเราคนใดคนหนึ่งทนไม่ไหวตอบโต้ออกไป ก็อาจมีการบาดเจ็บหรือพลาดพลั้งถึงชีวิตและมีการเอาคืน ซึ่งก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่ามันจะไปจบตรงไหน

 

ผมจึงเขียนจดหมายมาเล่าเรื่องความเจ็บปวดของพวกผมในนามศิลปินราษฎรกับเพื่อน ๆ ที่ร่วมกิจกรรมและสื่ออิสระเพื่อให้เพื่อนในเรือนจำได้รับทราบและบันทึกไว้ว่าสำหรับวันนี้พวกเราทำเต็มที่แล้วมันได้แค่นี้

 

นับจากนี้ผมและพวกเราตรงนี้จะทำอะไรคงต้องระมัดระวังทำตัวให้เล็กที่สุด จำต้องเก็บความเจ็บ ความแค้น ความเศร้า และความรู้สึกโดดเดี่ยวไว้ในใจ พวกเราตั้งสติคิดหาทางที่จะต่อสู้กับเพื่อน ๆ ในเรือนจำต่อไป

 

สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อน ๆ ในเรือนจำทั้ง 36 คนจงมั่นใจว่าเรายังจะเคียงข้างและต่อสู้ไปด้วยกัน เป็นกำลังใจให้กัน ขอให้เพื่อน ๆ รักษาสุขภาพรอวันที่จะได้ออกมาพบกันอีกครั้ง

 

พวกเราไม่ลืมคนข้างในและห่วงใยเสมอ...

 

พร้อมลงชื่อ อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์, ขุนแผน แสนสะท้าน, กลุ่มศิลปินราษฎร มวลชนและสื่ออิสระ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ศิลปินราษฎร #ปล่อยเพื่อนเรา