รมช.การต่างประเทศ
เผยมีแผนสำรองอพยพคนไทยหากมีการสู้รบรุนแรงต้องปิดน่านฟ้า
เตรียมเครื่องบินเพิ่มรับคนไทยกลับ ห่วงหากใช้รถยนต์อพยพไม่ง่าย ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
เตรียมให้กระทรวงแรงงานเร่งคุยนายจ้างจ่ายค่าแรง อย่าเป็นข้ออ้างให้อยู่ต่อ
วันที่
23 ตุลาคม 2566 นายจักรพงษ์ แสงมณี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวยืนยันว่าหากมีปฏิบัติการสู้รบรุนแรงเกิดขึ้นในอิสราเอล
ก็สามารถเที่ยวบินเพื่ออพยพคนไทยได้ทันที
แต่หากมีการสู้รบในภาคพื้นดินแล้วและท่าอากาศยานปิด ส่วนนี้จะลำบากมากขึ้นนายกรัฐมนตรีถึงมีความเป็นห่วงและอยากให้รีบทยอยอพยพออกมาก่อน
ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ศพของแรงงานไทยที่เหลือ
ต้องมีการประสานกับหลายทาง แต่ต้องมีการเปรียบเทียบเรื่องของ DNA เข้ามาเพื่อจะส่งไปที่อิสราเอล
และหากทางอิสราเอลยืนยันแน่ชัดแล้ว ก็จะส่งศพกลับมาทันที
ซึ่งเรามีเครื่องบินเดินทางไปทุกวันอยู่แล้ว
สามารถส่งกลับมาพร้อมกับเครื่องบินนั้นได้
ซึ่งการพิสูจน์อัตลักษณ์จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อยืนยันตัวตนของแรงงานไทย
และตนได้คุยกับสถาบันนิติเวชในเมืองไทยแล้วซึ่งก็ยอมรับในหลักการที่อิสราเอลทำทุกอย่างซึ่งถูกต้องหมด
ถือเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่ง 8 ร่างที่ส่งกลับมาก็ทำในลักษณะเดียวกัน
เมื่อถามว่าหากแรงงานไทยเดินทางกลับมาทั้งหมด
30,000 คน มีจำนวนเที่ยวบินที่จะรองรับการเดินทางเพียงพอหรือไม่
นายจักรพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้เดินทางกลับมาได้แล้ว 3,000 คน ซึ่ง หากอพยพกันแบบเร็ว ๆ
ตนสามารถหาเครื่องบินเพิ่มเข้าไปได้ โดยในส่วนกรอบเวลาอยากให้เร็วที่สุด
เพราะไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงวันไหน
ถ้าใครยืนยันว่าจะกลับเราพร้อมทุกอย่างตอนนี้ไม่ใช่แค่ 4
สายการบินของไทยที่ดูแลอยู่ ยังมีสายการบินสไปรเจ็ท สายการบิน, AOL และอีก
2-3 สายการบินติดต่อไว้ทั้งหมดแล้ว รวมถึงสายการบินอื่น ๆ จากทั่วโลกที่แสดงความช่วยเหลือมา
พร้อมยอมรับว่ามีการเตรียมแผนสำรองหากมีการปิดน่านฟ้าอีกครั้งซึ่งต้องเดินทางผ่านประเทศต่างๆรอบอิสราเอลแต่ถือว่าไม่ง่ายจึงพยายามขอร้องให้กลับในช่วงนี้
เพราะถ้ามีเหตุภาคพื้นดินเกิดขึ้นต้องใช้ถนน
ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงและเมื่อมีการสู้รบไม่สามารถจำกัดได้ว่าถนนเส้นไหนจะเปิดหรือปิดหรือมีเหตุปะทะเกิดขึ้น
ส่วนที่แรงงานไทยเป็นห่วงว่าหากเดินทางกลับจากอิสราเอลแล้วจะไม่สามารถกลับไปได้อีก
นายจักรพงษ์กล่าวว่า ทางอิสราเอลยืนยันว่า แรงงานทั้งหมดที่มีอยู่จะต่อวีซ่าให้
ถ้าสงครามจบยินดีรับแรงงานไทยกลับไปทุกคน
และเรื่องนี้ตนก็ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยในอิสราเอลโดยตลอด
ส่วนเงินเดือนที่แรงงานไทยยังไม่ได้นั้นจะมีการพูดคุยกับกระทรวงแรงงานแล้ว
ว่าต้องไปพูดคุยกับนายจ้างที่มีอยู่ประมาณ 10 บริษัท
ไม่ให้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการให้แรงงานอยู่ต่อเรื่องนี้ต้องรีบทำ