บางแง่มุมเรื่อง
“ดิจิทัล วอลเล็ต” จากหมอสลักธรรม
เมื่อวันที่
10 ตุลาคม 2566 นพ.สลักธรรม โตจิราการ หรือ “หมอหวาย” ได้โพสต์แสดงบางแง่มุมในเรื่อง
#ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคเพื่อไทย
และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทยขณะนี้ โดย “หมอหวาย”
ได้โพสต์ข้อความว่า
เรื่องเงินดิจิตอลผมเองก็พยายามติดตาม
แต่ก็ยังงง ๆ อยู่ เท่าที่พยายามปะติดปะต่อเข้าใจว่าจะเป็นแบบนี้
ไม่ทราบว่าจะถูกต้องไหม ถ้าทีมเพื่อไทยเข้ามาดูก็ช่วยแนะนำผมหน่อยครับว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่
“เงินดิจิตอล” ที่รัฐบาลวางแผนจะทำนี่น่าจะคล้ายกับ “คูปอง”
ที่มีการระบุเงื่อนไขว่าซื้ออะไรในพื้นที่ไหนได้บ้าง (จะเป็นในรัศมี 4 กิโลเมตร หรือในตำบลที่เรามีทะเบียนบ้านอยู่)
เมื่อจะใช้ต้องมีการสลักหลังทั้งทางฝั่งร้านค้าและฝั่งผู้ใช้ว่าใช้ซื้ออะไร
ซื้อเมื่อไหร่ และพอเอาคูปองฉบับนี้ไปใช้ต่อก็ต้องมีการสลักหลังต่อท้ายไปเรื่อย ๆ
และมีหลักฐานในการเก็บบันทึกสลักหลังทั้งฝั่งคนขาย คนซื้อ และรัฐ
การสลักหลังและการบันทึกหลักฐานการสลักหลังโดยแยกเก็บหลักฐานไว้ทั้งคนซื้อ คนขาย
และรัฐบาล (อาจรวมถึงการไปฝากหลักฐานการสลักหลังไว้ที่อื่นหลาย ๆ แหล่งกระจายกัน)
แบบอัตโนมัติโดยใช้ระบบดิจิตอล ก็คือการทำบล็อกเชนนั่นเอง
เพราะชีวิตจริงคงไม่มีใครมานั่งสลักหลังและทำบัญชีคูปองกันหรอกครับ
ตัวคูปอง
“เงินดิจิตอล”นี้ ไม่ใช่เงินสด แต่จะเขียนมูลค่าเอาไว้ว่าเป็นกี่บาท
อาจมีเงื่อนไขว่าสามารถนำไปแลกเป็นเงินจริงได้ที่ธนาคารของรัฐ โดยอาจมีค่าธรรมเนียมในการแลก
คล้าย ๆ ทรูวอลเล็ต พร้อมกันสำรองเงินสดไว้ตามยอดดังกล่าวที่มีการประมาณว่าอยู่ที่
5.6 แสนล้านบาท แต่ถ้าคนไม่ได้มาแลกออกเป็นเงินสดทั้งหมด ยอดเงินสดก้อนนี้ก็จะถูกใช้แค่บางส่วน
แต่ถ้าจะให้ถอนออกมาเป็นเงินสดไม่ได้เหมือนเงินในบัตรสตาร์บัค ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าเงินดิจิตอลนี้ใช้ได้จริงแม้จะแลกออกมาเป็นเงินสดไม่ได้
ต้องมีมาตรการดึงดูดร้านค้าให้รับเงินดิจิตอลก้อนนี้อย่างเช่นให้ร้านค้าสามารถนำเงินดิจิตอลที่ได้มาไปซื้อของกับผู้ค้าส่งได้โดยไม่ต้องถูกจำกัดเรื่องระยะทาง
หรือให้ทั้งร้านค้าและผู้ค้าส่งสามารถนำเงินดิจิตอลมาจ่ายภาษีแทนเงินสดตามมูลค่าของเงินดิจิตอลได้เลย
(ถ้าเป็นศัพท์เทคนิคของวงการ blockchain เงินดิจิตอลก็คือ fiat-collateralized
stablecoin)
สุดท้าย
ผมมองว่า “เงินดิจิตอล” จะได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่สร้างภาระทางการคลังไม่มากเกินไปหรือไม่
อยู่ที่รัฐจะสร้างความเชื่อถือให้กับเงินดิจิตอลให้คนไม่แลกออกมาเป็นเงินสด
และยอมใช้เงินดิจิตอลในการเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าแค่ไหนครับ
และต้องรอดูว่าเงินดิจิตอลจะส่งผลต่อสภาวะเงินเฟ้ออย่างไรครับ