"ปดิพัทธ์" ถือฤกษ์ 10 เดือน 10 แถลงเข้า "พรรคเป็นธรรม" ยันเดินหน้าผลักดันงานสภาฯโปร่งใส เป็นกลาง ตรวจสอบได้ เทียบเชิญ ‘ปิติพงศ์’ นั่งเป็นที่ปรึกษาฯ ด้าน"กัณวีร์" ย้ำไม่ใช่สาขา"ก้าวไกล" ขอมุ่งเน้นทำงานเป็นตัวเลือกให้กับประชาชน
วันนี้ (10 ต.ค. 66) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค แถลงยืนยันต่อการเข้าสังกัดพรรคเป็นธรรม ภายหลังจากที่นายปดิพัทธ์ ถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากสมาชิก เมื่อ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า หลังจากที่อดีตพรรคของตนได้มีมติให้ตนออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ตนเองก็ได้หารือและกล่าวในวันนี้ให้ชัดเจนว่าตนตัดสินใจเข้าพรรคเป็นธรรม เพราะอุดมการณ์และแนวทางที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดกับตอนที่ตนอยู่กับอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล
อันดับแรก ตนก็ต้องขอบพระคุณทั้งนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม และนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ตนรู้ดีว่าการทำงานของตนจะต้องเผชิญกับความเสียดทานแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปสภาให้โปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันวาระก้าวหน้า หรือนโยบายที่ตนได้แถลงไว้ในสภาผู้แทนราษฎร ตอนที่เค้าชิงตำแหน่งรองประธานสภา ซึ่งเลขาพรรคเป็นธรรมและหัวหน้าพรรคเป็นธรรมก็ยินดีสนับสนุนหลักการนี้
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า ตนยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรมอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอหนังสือจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งยืนยันถึงการพ้นสมาชิกภาพจากพรรคก้าวไกลก่อน ทั้งนี้ตนตัดสินใจจะเข้าร่วมกับพรรคเป็นธรรมเพราะเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงมากที่สุดกับพรรคก้าวไกล ซึ่งการแถลงของตนนั้นเพื่อยืนยันว่าตนมีสังกัดพรรคการเมืองเพื่อสร้างความชัดเจนในการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ฐานะประธานที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 11 ต.ค. ว่ามีสังกัดพรรคแน่นอน และเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง
จากการหารือกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นธรรม รับทราบว่าการทำงานของตนว่าต้องต้องเผชิญแรงเสียดทานต่าง ๆ ทั้งการผลักดันวาระก้าวหน้า รัฐสภาโปร่งใส เบื้องต้นได้หารือและพรรคเป็นธรรมพร้อมสนับสนุนในการทำงานของตน”นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า แม้จะอยู่สังกัดพรรคใดจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในสภาฯ ดังนั้นการทำงานจะอำนวยให้ทุกพรรคการเมืองอย่างเป็นธรรมและพร้อมการทำงานร่วมกับวุฒิสภาด้วย ทั้งนี้ยอมรับการถูกจับจ้องทางการเมืองปฏิเสธไม่ได้และเชื่อว่าการทำงานจะมีแรงเสียดทาน แม้ก่อนหน้านี้นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปรัฐบาลจะแสดงท่าทีเคารพการตัดสินใจ "ผมเคารพท่านอดิศร หากจะมีคำแนะนำหรือท่าทีอย่างไรพร้อมน้อมรับ ซึ่งสัญญาณที่ออกมาวานนี้ คือสัญญาณทางบวก ผมเชื่อว่าการทำงานในสภาฯจะราบรื่น"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง การตัดสินใจในอนาคตถึงการลงเลือกตั้งในนามพรรคเป็นธรรมหรือย้ายสังกัดตามที่ถูกมองว่าเป็นแค่กาฝาก นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า "ยังไม่ได้ตัดสินใจระยะยาวเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะผมต้องสังกัดได้ 30 วัน ซึ่งพรรคเป็นธรรมจริงใจและเปิดรับที่สุด อีกหลายปีจะตัดสินใจเป็นเอกสิทธิของผมและพรรคเป็นธรรม"
ขณะที่นายปิติพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่มีนิมิตหมายอันดีของพรรคเป็นธรรม ที่เรามีความภูมิใจได้รับเกียรติอย่างสูงที่ได้นายปดิพัทธ์มาร่วมงาน พรรคเป็นธรรมเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ชัดเจน ได้แก่ ประชาธิปไตย ประเทศชาติ และประชาชนด้วยความเป็นธรรม ดังนั้น เมื่อทำงานร่วมกันตนก็หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า จากนี้เป็นต้นไป จะมีบริบทในการบริหารกิจการสภาเพิ่มมากขึ้น งานของฝ่ายค้านซึ่งเป็นอีกบริบทหนึ่ง
ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสมัครสมาชิกพรรค โดยมีนายทะเบียนรับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่ง ต้องให้คณะกรรมการบริหารพรรครับรอง เนื่องจากนายปดิพัทธ์ไม่ได้เป็นผู้ที่มีตำแหน่งทั่วไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ความมั่นใจ เข้าใจว่าอุดมการณ์ของพรรคจะไม่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ของนายปดิพัทธ์หรือไม่ นายปิติพงศ์กล่าวว่า ตนยืนยันว่าจุดยืนของพรรคเป็นธรรม จะสนับสนุนการทำงานของนายปดิพัทธ์ในการทำงานสภา ซึ่งตนได้ทราบว่ามีหลายเรื่องที่นายปดิพัทธ์อยากทำ จึงได้มีการเชื้อเชิญตนเข้ามาทำงานที่ปรึกษาก็จะมาทำงานที่สภามากขึ้น
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการทำงานร่วมกันกับ นายปดิพัทธ์ ในฐานะ สส.ใหม่ โดยระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มี นายปดิพัทธ์ มาร่วมพรรคเป็นธรรมของเรา การทำงานของเราชัดเจนและตรงไปตรงมา ไม่บิดเบี้ยว เราจะสร้างให้ทุกคนเห็นว่าต่อไปนี้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยจะสามารถปักหลักปักธงในประเทศไทยได้
เราจะได้เห็นนายปดิพัทธ์ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 จะไม่เห็นความขัดแย้งต่างๆ เพราะในตำแหน่งทั้งประธาน และรองประธานสภาฯ ต้องมีความโปร่งใส เป็นกลาง และเป็นธรรม การทำงานต่างๆ ต้องไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทุกคนยืนยันจากการทำงานของนายปดิพัทธ์ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีอะไรมาขัดขวางการเดินหน้าระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยได้
การทำงานจะเป็นรูปแบบพรรคร่วมฝ่ายค้านเชิงรุก ได้เห็นการตรวจสอบและถ่วงดุลการบริหารราชการแผ่นดิน จะไม่ค้านทุกอย่าง แต่จะทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารแผ่นดินมีมากขึ้น เป็นความมุ่งหวังที่อยากเห็นต่อไป นายกัณวีร์ กล่าว
กรณีที่ถูกมองมาโดยตลอดว่าพรรคเป็นธรรมเป็นพรรคสาขาของพรรคก้าวไกล นายกัณวีร์ ยืนยันว่า ตนเป็นคนนอก ที่ไม่มีส่วนได้เสียกับพรรคก้าวไกล เช่นการเดินหาเสียงช่วงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลกับพรรคเป็นธรรมก็ต่อสู้กันในเชิงนโยบายมาก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราชัดเจนว่าแม้เราร่วมอุดมการณ์กัน แต่ในการหาเสียง การทำงานทางการเมือง เรามีจุดยืนของพวกเรา เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจนว่าเราไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคก้าวไกล
นายกัณวีร์ กล่าวต่อไปว่า เราทำงานเป็นตัวเลือกให้ประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่ดีที่สุด ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นคำถามนี้จึงไม่ควรจะมีออกมาจากสังคม แต่น่าจะเป็นการทำงานของพรรคร่วมอุดมการณ์ในการสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประชาชนควรมั่นใจและภูมิใจในการทำงานของเรา
ด้าน นายปิติพงศ์ ระบุเพิ่มเติมว่า เนื่องจาก นายปดิพัทธ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ระหว่างดำรงตำแหน่งอยู่ จะไม่มีการจัดสรรตำแหน่งภายในพรรคเป็นธรรม ทั้งกรรมการบริหารพรรค หรือตำแหน่งอื่น ๆ ให้ นายปดิพัทธ์ ซึ่ง นายปดิพัทธ์ ได้ปวารณาตัวสนับสนุนการทำงานทางการเมืองของพรรคในฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการย้ายพรรคครั้งนี้ ไม่มีเรื่องอามิสสินจ้าง ไม่มีระบบกล้วยเหมือนแต่ก่อน เป็นการย้ายพรรคด้วยอุดมการณ์ พรรคเป็นธรรมไม่ได้ตกปลาในบ่อของพรรคก้าวไกล
ดังนั้น คำถามที่ว่าจะเป็นสาขาพรรคหรือไม่ ขอยืนยันว่าเราไม่ได้เป็น เราอยู่หมู่บ้านประชาธิปไตยด้วยกัน มีบ้านคนละหลัง กินข้าวคนละชามด้วย ไม่ได้ชามเดียวกัน ชามผมอาจไม่อร่อยเหมือนพรรคก้าวไกล ก็ต้องว่ากันไป เราเป็นพรรคเกิดใหม่ แต่ก็คิดว่าไม่ถึงขนาดข้าวคลุกน้ำปลานะครับ นายปิติพงศ์ กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เป็นธรรม #รองประธานสภา