"โรม" หนุน ตั้งกมธ.วิสามัญ ศึกษายกเลิก MOU 43-44 ชี้ต้องพิจารณาศึกษารอบด้านโดยเร็ว เหตุมีการแบ่งสรรปันส่วนให้ภาคเอกชนแล้ว
หวั่นกระทบผลประโยชน์ชาติ
วันที่
21 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน
กล่าวถึงประเด็นข้อเสนอการ ยกเลิก MOU 43-44 ว่า
พรรคประชาชนเข้าใจถึงความกังวลของประชาชนที่มองว่า MOU ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยได้
จึงเห็นว่าการตัดสินใจในเรื่องนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ
"หนทางที่ดีที่สุดคือการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.วิสามัญ)
เพื่อศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ" นายรังสิมันต์กล่าว โดยเสนอให้ กมธ.วิสามัญ
ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เช่น นักการทูต นักวิชาการ
และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
นายรังสิมันต์
เน้นย้ำว่า การพิจารณาเรื่องนี้ต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะในส่วนของ MOU 44
ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (OCA) มีการแบ่งสรรปันส่วนก๊าซธรรมชาติให้กับภาคเอกชนแล้ว
หากมีการยกเลิกโดยไม่ได้เตรียมการ
อาจมีความเสี่ยงที่เอกชนเหล่านี้จะใช้วิธีการบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศไทย
ซึ่งอาจมีรัฐบาลต่างชาติหนุนหลังอยู่ด้วย
"เวลาที่เราจะดำเนินการอะไร ต้องเตรียมพร้อมถึงผลกระทบในทุกรูปแบบ"
นายรังสิมันต์กล่าว และยืนยันว่า การพิจารณาผ่าน
กมธ.วิสามัญจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและคาดว่าจะไม่ล่าช้า
ส่วนกรณีที่รัฐบาลอ้างว่าไม่สามารถยกเลิก
MOU ได้ เพราะไทยยังใช้เป็นกรอบในการอ้างว่ากัมพูชาละเมิดนั้น นายรังสิมันต์
ชี้แจงว่า MOU 44 เป็นคนละส่วนกับ MOU ที่รัฐบาลอ้าง
และมีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ยืนยันว่าสภามีสิทธิ์ที่จะรับรู้และตัดสินใจในเรื่องนี้
ดังนั้น ประเด็นสำคัญคือการตัดสินใจที่รอบด้าน โดยคาดหวังว่า กมธ.วิสามัญจะสามารถหาข้อสรุปออกมาได้อย่างครอบคลุมและรอบด้านโดยไม่ชักช้า