วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568

พรุ่งนี้ ! ปล่อยตัว “อัญชัญ ปรีเลิศ” สิ้นสุดการคุมขังคดี ม.112 นาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน

 


พรุ่งนี้ ! ปล่อยตัว “อัญชัญ ปรีเลิศ” สิ้นสุดการคุมขังคดี ม.112 นาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ในวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ทัณฑสถานหญิงกลางฯ “อัญชัญ ปรีเลิศ” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 วัย 69 ปี ซึ่งถูกตัดสินจำคุกรวม 29 ปี 174 เดือน (หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน) จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้อัปพหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ดีเจผู้จัดรายการวิทยุใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ รวมทั้งหมด 29 ครั้ง เป็นความผิด 29 กระทง จะได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลางฯ หลังถูกคุมขังมารวมกันนานกว่า 8 ปี สิ้นสุดการคุมขังคดี ม.112 นาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน


ทั้งนี้ เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ระบุว่า ย้อนกลับไปในคดีนี้ หลังการเข้ายึดอำนาจของ คสช. เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2558 อัญชัญ ในขณะนั้นรับราชการในหน่วนงานรัฐแห่งหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 10 นายบุกเข้าจับกุมตัว ในขณะที่เธอกำลังสอนวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ขายตรงให้กับเพื่อน ๆ ที่บ้านพัก โดยอัญชัญถูกนำตัวเข้าค่ายทหาร จากนั้นจึงถูกนำตัวมาแจ้งข้อหาคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นเป็นหนึ่งในผู้อัพโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ดีเจรายการวิทยุใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ในช่วงระหว่างช่วงปี 2557 – 2558  รวมทั้งหมด 29 ครั้ง 


อัญชัญถูกคุมขังใน 2 ช่วงเวลา ในช่วงแรก เธอถูกขังในระหว่างสอบสวน และพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี 9 เดือนเศษ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวภายใต้อำนาจของศาลทหารในขณะนั้น เธอถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 2 พ.ย. 2561 ศาลทหารกรุงเทพฯ อนุญาตให้ประกันตัว โดยญาติได้นำหลักทรัพย์มาวางเป็นมูลค่า 500,000 บาท 


หลังจากนั้น มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 9/2562 เรื่องการประกาศยกเลิกคำสั่ง คสช. บางฉบับที่หมดความจำเป็น ลงวันที่ 9 ก.ค. 2562 ได้มีคำสั่งให้โอนย้ายคดีพลเรือนไปที่ศาลยุติธรรม


ในช่วงปี 2563 อัญชัญได้ตัดสินใจกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ทำให้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2564 ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกอัญชัญกระทงละ 3 ปี รวมเป็นจำคุก 87 ปี แต่เนื่องจากรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือน เหลือโทษจำคุกรวม 29 ปี 174 เดือน (หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน) นับเป็นผู้ถูกพิพากษาจำคุกคดีมาตรา 112 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น จากนั้นเธอก็ตัดสินใจไม่อุทธรณ์คดีอีก ทำให้อัญชัญกลายเป็นผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดในปีเดียวกัน 


นับเป็นช่วงที่ 2 ที่อัญชัญต้องหวนกลับเข้าทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้ง เว้นแต่การรอคอยที่จะได้รับอิสรภาพของเธอในครั้งนี้ยาวนานจนแทบมองไม่เห็นว่าในบั้นปลายสุดท้ายจะได้ใช้ชีวิตในโลกกว้างอีกหรือไม่ 


แต่อัญชัญไม่เคยย่อท้อ ตลอดหลายปีมานี้ เธอเขียนจดหมายหลายฉบับ บรรยายชีวิตและกิจวัตรประจำวันในกรงขังอยู่อย่างสม่ำเสมอ


ในช่วงปลายปี 2567 จดหมายฉบับหนึ่งของเธอถูกส่งออกมาผ่านทนายความ บอกเล่าความรู้สึกผิดหวังจากอภัยโทษในรอบปีที่ผ่านมา “สำหรับป้านะลูก ปี 2567 เป็นปีแห่งความผิดหวัง ป้าคอยอภัยโทษ เขาก็ไม่ให้ พอไม่ได้ออกก็ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำที่เสียงดัง ข้าวของแพง จะกินจะนอนก็ลำบาก มีแต่คนเพิ่มขึ้น ๆ ไม่มีคนออก สภาพแวดล้อมมันหดหู่น่ะลูก” 


อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ลดละหรือเผยความย่อท้อ อัญชัญยังคงมีความหวังอยู่ในทุกลมหายใจที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตในบั้นปลายข้างนอก “ก็หวังว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น ก็อยากให้เขาดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง ป้าก็จะดูแลตัวเองให้มีลมหายใจไปหาเขา” 


จนในปีนี้ 2568 ในโอกาสครบระยะเวลา 8 ปี ที่อัญชัญถูกคุมขัง เธอส่งจดหมายออกมาบอกเล่าให้ทนายความฟังว่าความหวังที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านในบั้นปลาย คงไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป


ปีนี้เป็นปีที่ป้าถูกขังมาครบ 8 ปี แปลว่า ป้าถูกขังมา 1 ใน 3 ของโทษแล้ว หากมีอภัยโทษมาป้าก็เข้าเกณฑ์กับเขาบ้างแล้ว อาจจะได้ปล่อยตัวในปีนี้ ปีนี้ป้าเลยรู้สึกมีความหวังมาก ๆ อยู่ได้ด้วยความหวังเลยลูก”


จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 มีการประกาศ พ.ร.ฎ. อภัยโทษฯ พ.ศ. 2568 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ส่งผลให้ผู้ต้องขังทางการเมืองบางส่วนที่คดีสิ้นสุดแล้วจำนวนหนึ่ง เข้าเกณฑ์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงครึ่งปีหลังนี้


ต่อมาวันที่ 2 ส.ค. 2568 อัญชัญเขียนจดหมายจากเรือนจำส่งถึงเจ้าหน้าที่โครงการ Freedom bridge โดยแจ้งว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้รับอภัยโทษในปีนี้ด้วย ข้อความตอนหนึ่งจากจดหมาย สรุปการนับโทษที่เหลืออยู่ของตัวเองเธอเข้าเกณฑ์ได้ลดโทษลง 1 ใน 3 ในอภัยโทษช่วงเดือน ก.ค. 2563 และลดโทษลงอีกครั้ง 1 ใน 2 ในอภัยโทษเดือน ก.ค. 2564 และครั้งนี้ ลดอีก 1 ใน 4  


เท่ากับว่าโทษคงเหลือจริงของเธอจะอยู่ที่ 2 ปี 7 เดือน 20 วัน ซึ่งเข้าเกณฑ์การได้รับอภัยโทษ ตามมาตรา 8 ข้อ (ฉ) ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “เป็นบุคคลอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ พ.ร.ฎ นี้บังคับใช้ตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ในไม่เกินสามปีนับตั้งแต่การประกาศใช้ พ.ร.ฏ. นี้” 


และในวันที่ 12 ส.ค. 2568 ทนายความได้รับแจ้งจากอัญชัญว่าเธอมีชื่อเข้าอบรมโครงการโคกหนองนา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปล่อยตัวเรียบร้อยแล้ว 


ป้าอยู่มา ถ้าถึงวันที่ 26 ส.ค. 2568 ก็รวม ๆ 3,054 วัน หรือ 8 ปี 4 เดือน 19 วัน คงเพียงพอแล้วกับความผิดที่สุดในชีวิตของป้า เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเลยค่ะ ชีวิตที่เหลือก็คงไม่มากแล้ว ความเป็นมนุษย์กำลังจะกลับมาแล้ว ด้วยคำว่าอิสรภาพ


ชีวิตของป้าจะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด ยังมีสอง สองมือ สองขา ก็ต้องสู้ต่อไปจนกว่าจะลาโลกนี้”


การอบรมเตรียมความพร้อมที่จะปล่อยตัวกำลังมีขึ้นในระหว่างวันที่ 13 ส.ค. – 27 ส.ค. 2568 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการอบรม อัญชัญคาดว่าตัวเองจะได้รับการปล่อยตัวในทันที 


หากอัญชัญได้รับการปล่อยตัวในวันดังกล่าว การคุมขังทางการเมืองของเธอที่มีระยะเวลากว่า 8 ปี 4 เดือน 19 วันก็จะสิ้นสุดลง ทำให้เธอเป็นผู้ต้องขังหญิงทางการเมืองที่มีอายุมากที่สุดที่ถูกคุมขังมาอย่างยาวนานที่สุดในรอบหลายปีนี้ 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TLHR #อัญชัญปรีเลิศ #มาตรา112