พรุ่งนี้
! ปล่อยตัว “อัญชัญ ปรีเลิศ” สิ้นสุดการคุมขังคดี ม.112 นาน 8
ปี 4 เดือน 19 วัน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ในวันที่
27 สิงหาคม 2568 ที่ทัณฑสถานหญิงกลางฯ
“อัญชัญ ปรีเลิศ” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 วัย 69 ปี ซึ่งถูกตัดสินจำคุกรวม 29 ปี 174 เดือน (หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน)
จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้อัปพหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต”
ดีเจผู้จัดรายการวิทยุใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ รวมทั้งหมด
29 ครั้ง เป็นความผิด 29 กระทง จะได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลางฯ
หลังถูกคุมขังมารวมกันนานกว่า 8 ปี สิ้นสุดการคุมขังคดี ม.112
นาน 8 ปี 4 เดือน 19
วัน
ทั้งนี้
เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ระบุว่า ย้อนกลับไปในคดีนี้
หลังการเข้ายึดอำนาจของ คสช. เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2558 อัญชัญ ในขณะนั้นรับราชการในหน่วนงานรัฐแห่งหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 10
นายบุกเข้าจับกุมตัว
ในขณะที่เธอกำลังสอนวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ขายตรงให้กับเพื่อน ๆ ที่บ้านพัก
โดยอัญชัญถูกนำตัวเข้าค่ายทหาร จากนั้นจึงถูกนำตัวมาแจ้งข้อหาคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
โดยเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นเป็นหนึ่งในผู้อัพโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต”
ดีเจรายการวิทยุใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ในช่วงระหว่างช่วงปี 2557
– 2558 รวมทั้งหมด 29 ครั้ง
อัญชัญถูกคุมขังใน
2 ช่วงเวลา ในช่วงแรก เธอถูกขังในระหว่างสอบสวน และพิจารณาคดีนานถึง 3
ปี 9 เดือนเศษ
โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวภายใต้อำนาจของศาลทหารในขณะนั้น
เธอถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 2 พ.ย.
2561 ศาลทหารกรุงเทพฯ อนุญาตให้ประกันตัว
โดยญาติได้นำหลักทรัพย์มาวางเป็นมูลค่า 500,000 บาท
หลังจากนั้น
มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 9/2562 เรื่องการประกาศยกเลิกคำสั่ง คสช.
บางฉบับที่หมดความจำเป็น ลงวันที่ 9 ก.ค. 2562 ได้มีคำสั่งให้โอนย้ายคดีพลเรือนไปที่ศาลยุติธรรม
ในช่วงปี
2563 อัญชัญได้ตัดสินใจกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ทำให้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2564 ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกอัญชัญกระทงละ 3
ปี รวมเป็นจำคุก 87 ปี แต่เนื่องจากรับสารภาพ
จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือน เหลือโทษจำคุกรวม 29 ปี 174 เดือน (หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน)
นับเป็นผู้ถูกพิพากษาจำคุกคดีมาตรา 112 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น
จากนั้นเธอก็ตัดสินใจไม่อุทธรณ์คดีอีก
ทำให้อัญชัญกลายเป็นผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดในปีเดียวกัน
นับเป็นช่วงที่
2 ที่อัญชัญต้องหวนกลับเข้าทัณฑสถานหญิงกลางอีกครั้ง
เว้นแต่การรอคอยที่จะได้รับอิสรภาพของเธอในครั้งนี้ยาวนานจนแทบมองไม่เห็นว่าในบั้นปลายสุดท้ายจะได้ใช้ชีวิตในโลกกว้างอีกหรือไม่
แต่อัญชัญไม่เคยย่อท้อ
ตลอดหลายปีมานี้ เธอเขียนจดหมายหลายฉบับ
บรรยายชีวิตและกิจวัตรประจำวันในกรงขังอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ในช่วงปลายปี
2567 จดหมายฉบับหนึ่งของเธอถูกส่งออกมาผ่านทนายความ
บอกเล่าความรู้สึกผิดหวังจากอภัยโทษในรอบปีที่ผ่านมา “สำหรับป้านะลูก
ปี 2567 เป็นปีแห่งความผิดหวัง ป้าคอยอภัยโทษ เขาก็ไม่ให้
พอไม่ได้ออกก็ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำที่เสียงดัง ข้าวของแพง จะกินจะนอนก็ลำบาก
มีแต่คนเพิ่มขึ้น ๆ ไม่มีคนออก สภาพแวดล้อมมันหดหู่น่ะลูก”
อย่างไรก็ตาม
เธอไม่ได้ลดละหรือเผยความย่อท้อ
อัญชัญยังคงมีความหวังอยู่ในทุกลมหายใจที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตในบั้นปลายข้างนอก “ก็หวังว่าอะไร
ๆ มันจะดีขึ้น ก็อยากให้เขาดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง
ป้าก็จะดูแลตัวเองให้มีลมหายใจไปหาเขา”
จนในปีนี้
2568 ในโอกาสครบระยะเวลา 8 ปี ที่อัญชัญถูกคุมขัง
เธอส่งจดหมายออกมาบอกเล่าให้ทนายความฟังว่าความหวังที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านในบั้นปลาย
คงไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป
“ปีนี้เป็นปีที่ป้าถูกขังมาครบ 8 ปี แปลว่า
ป้าถูกขังมา 1 ใน 3 ของโทษแล้ว
หากมีอภัยโทษมาป้าก็เข้าเกณฑ์กับเขาบ้างแล้ว อาจจะได้ปล่อยตัวในปีนี้
ปีนี้ป้าเลยรู้สึกมีความหวังมาก ๆ อยู่ได้ด้วยความหวังเลยลูก”
จนกระทั่งเมื่อวันที่
29 ก.ค. 2568 มีการประกาศ พ.ร.ฎ. อภัยโทษฯ พ.ศ. 2568 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ส่งผลให้ผู้ต้องขังทางการเมืองบางส่วนที่คดีสิ้นสุดแล้วจำนวนหนึ่ง
เข้าเกณฑ์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ต่อมาวันที่
2 ส.ค. 2568 อัญชัญเขียนจดหมายจากเรือนจำส่งถึงเจ้าหน้าที่โครงการ
Freedom bridge โดยแจ้งว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้รับอภัยโทษในปีนี้ด้วย
ข้อความตอนหนึ่งจากจดหมาย
สรุปการนับโทษที่เหลืออยู่ของตัวเองเธอเข้าเกณฑ์ได้ลดโทษลง 1 ใน 3 ในอภัยโทษช่วงเดือน ก.ค. 2563 และลดโทษลงอีกครั้ง 1 ใน 2 ในอภัยโทษเดือน
ก.ค. 2564 และครั้งนี้ ลดอีก 1 ใน 4
เท่ากับว่าโทษคงเหลือจริงของเธอจะอยู่ที่
2 ปี 7 เดือน 20 วัน
ซึ่งเข้าเกณฑ์การได้รับอภัยโทษ ตามมาตรา 8 ข้อ (ฉ)
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “เป็นบุคคลอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ พ.ร.ฎ นี้บังคับใช้ตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้าน
และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี
ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ในไม่เกินสามปีนับตั้งแต่การประกาศใช้
พ.ร.ฏ. นี้”
และในวันที่
12 ส.ค. 2568 ทนายความได้รับแจ้งจากอัญชัญว่าเธอมีชื่อเข้าอบรมโครงการโคกหนองนา
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปล่อยตัวเรียบร้อยแล้ว
“ป้าอยู่มา ถ้าถึงวันที่ 26 ส.ค. 2568 ก็รวม ๆ 3,054 วัน หรือ 8 ปี 4
เดือน 19 วัน
คงเพียงพอแล้วกับความผิดที่สุดในชีวิตของป้า เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเลยค่ะ
ชีวิตที่เหลือก็คงไม่มากแล้ว ความเป็นมนุษย์กำลังจะกลับมาแล้ว ด้วยคำว่าอิสรภาพ
“ชีวิตของป้าจะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไร
ก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด ยังมีสอง สองมือ สองขา
ก็ต้องสู้ต่อไปจนกว่าจะลาโลกนี้”
การอบรมเตรียมความพร้อมที่จะปล่อยตัวกำลังมีขึ้นในระหว่างวันที่
13 ส.ค. – 27 ส.ค. 2568 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการอบรม
อัญชัญคาดว่าตัวเองจะได้รับการปล่อยตัวในทันที
หากอัญชัญได้รับการปล่อยตัวในวันดังกล่าว
การคุมขังทางการเมืองของเธอที่มีระยะเวลากว่า 8 ปี 4 เดือน
19 วันก็จะสิ้นสุดลง
ทำให้เธอเป็นผู้ต้องขังหญิงทางการเมืองที่มีอายุมากที่สุดที่ถูกคุมขังมาอย่างยาวนานที่สุดในรอบหลายปีนี้