วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

"โรม" หนุน ตั้งกมธ.วิสามัญ ศึกษายกเลิก MOU 43-44 ชี้ต้องพิจารณาศึกษารอบด้านโดยเร็ว เหตุมีการแบ่งสรรปันส่วนให้ภาคเอกชนแล้ว หวั่นกระทบผลประโยชน์ชาติ

 




"โรม" หนุน ตั้งกมธ.วิสามัญ ศึกษายกเลิก MOU 43-44 ชี้ต้องพิจารณาศึกษารอบด้านโดยเร็ว เหตุมีการแบ่งสรรปันส่วนให้ภาคเอกชนแล้ว หวั่นกระทบผลประโยชน์ชาติ


วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงประเด็นข้อเสนอการ ยกเลิก MOU 43-44 ว่า พรรคประชาชนเข้าใจถึงความกังวลของประชาชนที่มองว่า MOU ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยได้ จึงเห็นว่าการตัดสินใจในเรื่องนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ


​"หนทางที่ดีที่สุดคือการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.วิสามัญ) เพื่อศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ" นายรังสิมันต์กล่าว โดยเสนอให้ กมธ.วิสามัญ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เช่น นักการทูต นักวิชาการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน


​นายรังสิมันต์ เน้นย้ำว่า การพิจารณาเรื่องนี้ต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะในส่วนของ MOU 44 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา (OCA) มีการแบ่งสรรปันส่วนก๊าซธรรมชาติให้กับภาคเอกชนแล้ว หากมีการยกเลิกโดยไม่ได้เตรียมการ อาจมีความเสี่ยงที่เอกชนเหล่านี้จะใช้วิธีการบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศไทย ซึ่งอาจมีรัฐบาลต่างชาติหนุนหลังอยู่ด้วย


​"เวลาที่เราจะดำเนินการอะไร ต้องเตรียมพร้อมถึงผลกระทบในทุกรูปแบบ" นายรังสิมันต์กล่าว และยืนยันว่า การพิจารณาผ่าน กมธ.วิสามัญจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและคาดว่าจะไม่ล่าช้า


​ส่วนกรณีที่รัฐบาลอ้างว่าไม่สามารถยกเลิก MOU ได้ เพราะไทยยังใช้เป็นกรอบในการอ้างว่ากัมพูชาละเมิดนั้น นายรังสิมันต์ ชี้แจงว่า MOU 44 เป็นคนละส่วนกับ MOU ที่รัฐบาลอ้าง และมีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกฝ่ายเดียว อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ยืนยันว่าสภามีสิทธิ์ที่จะรับรู้และตัดสินใจในเรื่องนี้ ดังนั้น ประเด็นสำคัญคือการตัดสินใจที่รอบด้าน โดยคาดหวังว่า กมธ.วิสามัญจะสามารถหาข้อสรุปออกมาได้อย่างครอบคลุมและรอบด้านโดยไม่ชักช้า

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รังสิมันต์โรม #MOU43 #MOU44