เบนจา อะปัญ, อนุสรณ์ อุณโณ, ศรีไพร นนทรีย์ ล้อมวงทบทวนการเดินทาง-แสวงหาอนาคตของข้อเรียกร้องฯ ในวาระ "ครบรอบ 5 ปี ปรากฎการณ์สะท้านฟ้า" 10 สิงหา #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ปิดท้ายด้วยปราศรัยจาก บอย ธัชพงศ์ และวิดีโอจาก เพนกวิน พริษฐ์
10 ส.ค. 2568 เวลา 16.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต บริเวณโถงอาคารกิจกรรมนักศึกษา มีกิจกรรมเสวนา “ครบรอบ 5 ปี ปรากฏการณ์สะท้านฟ้า” ร่วมทบทวนการเดินทางและแสวงหาอนาคตของข้อเรียกร้องฯ โดย เบนจา อะปัญ, อนุสรณ์ อุณโณ และศรีไพร นนทรีย์ และ “ปราศรัยพิเศษ“ จากธัชพงศ์ แกดำ และปิดท้ายด้วยพริษฐ์ ชิวารักษ์
ในช่วงแรก งานเริ่มต้นการเสวนาว่าด้วยการทบทวนและแสวงหาอนาคตของข้อเรียกร้องฯ จากวันนั้นถึงวันนี้ ได้แก่ “เบนจา อะปัญ” นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร, “อนุสรณ์ อุณโณ” อาจารย์ประจำสาขามานุษยวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ “ศรีไพร นนทรีย์” นักจัดตั้งกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง
เริ่มด้วย เบนจาที่หยิบยกคำว่า “กระแทก” มาอธิบายปรากฏการณ์ในวันดังกล่าว ว่าเป็นการกระแทกเพดาน กระแทกทางสังคม จนแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักการชุมนุมในปี 2563 และแทบไม่มีใครรู้ว่ามีการพูดถึงสถาบันฯ
ศรีไพร กล่าวต่อว่าสำหรับเธอในมุมมองของผู้ใช้แรงงาน คิดว่าการชุมนุมดังกล่าวมีความสำคัญมาก เพราะเป็นการต่อสู้ทางชนชั้นอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนด้านอนุสรณ์ กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ 10 สิงหา ว่าคือการตั้งคำถาม ‘ฟ้า‘ ที่ต่อเนื่องกันมาจากในอดีตจนเกิดทะลุเพดาน การเข้ามาของสื่อทางสังคม และความคับแค้นและสิ้นหวังของคนในยุคสมัยนั้น
ต่อมา เบนจาชวนทบทวนถึง 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ว่ามีอย่างน้อย 5 ข้อจะเกิดขึ้นหากใช้กระบวนการผ่านรัฐสภา แต่ทุกวันนี้สิ่งที่ถูกโอบรับจากภาครัฐคือ ‘การปราบปรามและนิติสงคราม‘ จนมีคนถูกขังในเรือนจำเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงทนายอานนท์ด้วย
สำหรับมุมมองของ ศรีไพร ว่าสำหรับ ‘ผู้ใช้แรงงาน’ ก็จะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ มีการรวมตัวจัดตั้งองค์กรในชื่อ ‘เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน‘ เพื่อมาร่วมเคลื่อนไหวและต่อสู้ทางชนชั้นในช่วงนั้น
ส่วนอนุสรณ์ เห็นว่าในปัจจุบันถึงแม้ 10 ข้อเรียกร้องจะยังไม่บรรลุผล แต่ก็เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว และมีความพยายามแยกตัวการเมืองในที่สาธารณะและสถาบันฯ ออกจากกัน
ช่วงท้ายของวงเสวนา ชวนทั้งสามคนฝากข้อความถึงผู้ลี้ภัยและคนที่ถูกขังในเรือนจำ ด้านเบนจากล่าวว่า “ขอโทษที่ทำได้เท่านี้และลงเอยในสภาพนี้ เราถามตัวเองว่าทำอะไรได้อีกบ้างในเวลานี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่พวกเราทำกันเอง แต่เป็นการกดปรามจากภาครัฐ อย่าลืมหาให้เจอว่าใครคือศัตรูตัวจริงของเรา ส่วนเพื่อนที่ลี้ภัย ก็ยังมีความหวังว่าก่อนจะตาย หวังว่าเพื่อนคงได้กลับมา“
ต่อด้วย ศรีไพรกล่าวว่า “เราต้องเห็นพลังของตัวเราเองและออกมาขับเคลื่อนว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และอยากให้กำลังใจคนอยู่ในเรือนจำ ขอบคุณในความเสียสละ ส่วนคนที่ลี้ภัย เรากำลังพยายามให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม“
อนุสรณ์ กล่าวปิดท้ายว่าสังคมต้องดำรงอยู่ด้วยความรู้ในการสั่งสอนลูกศิษย์ และใช้ความรู้ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และอยากให้ลูกศิษย์มีความกล้าหาญในการเป็นผู้บุกเบิกและนำสังคม
ในช่วงที่สอง การปราศรัยเริ่มต้นด้วย “บอย” ธัชพงศ์ โดยสรุปกล่าวว่า สำหรับเขาแล้วการชุมนุม 10 สิงหา 2563 เป็นการตอกเสาเข็มประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่หากย้อนไปวันที่ 3 สิงหา 2563 เขาขึ้นปราศรัยในการชุมนุม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย’ แต่ก็พูดถึงสิ่งนั้นตรง ๆ ไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อ ’อานนท์ นำภา’ ขึ้นพูดบนเวที
10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ ทำให้เห็น “ความหวัง” มาทลายความกลัวที่เคยถูกกดทับมาตลอด ธัชพงศ์เปรียบว่า เหมือนมีค้อนของคนธรรมดามาทุบเพดานที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ปิดท้ายด้วย “เพนกวิน“ พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ส่งวิดีโอการปราศรัยมาร่วมด้วย โดยสรุปแล้วกล่าวถึงเหตุการณ์การเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ว่าเป็นการชุมนุมและประกาศ 10 ข้อเรียกร้องถึงปัญหาอย่างเต็มรูปแบบพร้อมกับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
หลายคนพูดกันว่า 10 สิงหา เป็นวันที่เปลี่ยนความคิดของคน จนการเมืองไทยไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เกิดฝ่ายซ้ายใหม่ แต่เมื่อเวลาผ่านมาจนถึง 5 ปีแล้ว ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาก็มีการปรับตัว
เพนกวินเห็นว่าความท้าทายของฝ่ายซ้ายที่กำลังเผชิญอยู่ ก็คือการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ว ที่กลับมาทำลายฝ่ายที่เคยเรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย และความขัดแย้งของไทย-กัมพูชา จนเกิดกระแสขวาใหม่ที่เน้นเรื่องเชื้อชาติ และกองทัพ เป็นความท้าทายใหม่ที่ต้องหาวิธีต่อสู้กับกระแสขวาใหม่ที่เกิดขึ้น โดยที่ยังมั่นคงในหลักการและไม่หลงลืมความเป็นคน
และสุดท้าย 10 ข้อที่เรียกร้องกันไป ถึงแม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ แต่คนเปลี่ยนความคิดกันไปมาก และเชื่อว่าอีกไม่นานจะมีกลุ่มคนที่เห็นในข้อเรียกร้องไปทำให้เกิดขึ้นจริง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา #ปรากฏการณ์สะท้านฟ้า