คุกคามทางเพศไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ
“ภัสริน” โต้ สว.เดชา เหตุผลเลอะเทอะ ค้านแก้กฎหมายคุ้มครองผู้เสียหาย
ชี้กำลังปกป้องผู้คุกคามให้ทำร้ายคนอื่นโดยไม่ถูกเอาผิด
วันที่
19 สิงหาคม 2568 ภัสริน รามวงศ์ สส.กรุงเทพฯ
(บางซื่อ-ดุสิต) พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี เดชา นุตาลัย สว.
อภิปรายแสดงความไม่เห็นด้วยต่อร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดฐานคุกคามทางเพศ
โดยภัสรินกล่าวว่า ได้รับฟังการอภิปรายกฎหมายคุกคามทางเพศในชั้น สว. มี สว.
ท่านหนึ่งอภิปรายคัดค้านกฎหมายโดยอ้างว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์
หวั่นตีความเกินจริงนั้น ตนคิดว่าข้ออ้างของ สว. ท่านนี้มีปัญหาอย่างมาก
โดยขอแยกแยะเป็น 3 ประเด็น
(1)
กฎหมายพูดถึง “ผู้เสียหาย” เป็นหลัก
ไม่ใช่เรื่องสมมติว่ามีใครร้องเพลงจีบหรือแอบมองแล้วติดคุกทันทีอย่างที่ สว.
ท่านนี้เอามามั่วนิ่ม กฎหมายกำหนดชัดว่าต้องมีลักษณะการกระทำที่ส่อไปทางเพศ
และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญ อับอาย หวาดกลัว หรือไม่ปลอดภัย ถึงจะเข้าข่ายความผิด
(2)
การเปรียบเทียบกับเนื้อเพลงหรือบทกวีเป็นการบิดเบือน
เพลงที่ไม่ได้เจาะจงใครย่อมไม่ใช่การคุกคามในแบบที่กฎหมายสื่อ เพราะไม่มี
“ผู้เสียหายที่ชัดเจน”
ในขณะที่กฎหมายนี้เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับการคุกคามที่มีผู้ถูกกระทำ
มีผู้เสียหายจริง เช่น การตามรังควาน ตามตื๊อ การส่งข้อความส่อไปทางเพศ
การเฝ้ามองจนทำให้คนรู้สึกไม่ปลอดภัย
ซึ่งในบริบทไทยแม้วัฒนธรรมบางอย่างอาจมองพฤติกรรม “ตื๊อ” หรือ
“ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” เป็นเรื่องปกติ
แต่ในความเป็นจริงอาจเป็นการคุกคามที่ฝังรากและถูกทำให้ชอบธรรมโดยไม่รู้ตัว
(3)
การอ้างว่า “ผู้หญิงถูกมองแล้วก็ตื่นเต้นใจเต้นแรง”
เป็นการเหมารวมและเหยียดเพศ เพราะในความจริง ผู้หญิง ผู้ชาย หรือจะใครคนไหน
จำนวนมากรู้สึกหวาดกลัวและไม่ปลอดภัย ไม่ใช่เขินอายอย่างที่
สว.ท่านนี้โรแมนติไซส์ให้ดูน่ารัก
ภัสรินกล่าวว่า
ทั้งหมดนี้สะท้อนทัศนคติที่ไม่เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้อื่น
การคัดค้านกฎหมายด้วยเหตุผลเลอะเทอะแบบนี้
ไม่ได้ปกป้องความเป็นธรรมชาติของมนุษย์อย่างที่อ้าง
แต่คือการปกป้องสิทธิของผู้คุกคามให้ยังทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่ถูกเอาผิดต่างหาก
เราควรหยุดมองการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องธรรมดา
เลิกมองว่าการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนหมาหยอกไก่
และเริ่มสร้างสังคมที่สิทธิในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยสำคัญกว่ามุกตลกหรือเพลงเก่าได้แล้ว