คณะผู้นำฝ่ายค้านฯ
เปิดเวทีศรีสะเกษ-อุบลราชธานี พบผู้ได้รับผลกระทบเหตุปะทะไทย-กัมพูชา
ชาวบ้านบ่นไม่รู้ช่องทางเยียวยามีกี่ช่อง “ณัฐพงษ์” แนะรัฐกระจายจุด one-stop รวมทุกหน่วยงานเยียวยาตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกประชาชน
เตรียมตั้งกระทู้ถามรัฐบาลพฤหัสนี้
วันที่
19 สิงหาคม 2568 ที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน
พร้อมด้วยคณะ สส.พรรคประชาชน ร่วมเข้าพื้นที่จังหวัดชายแดนต่อเนื่องเป็นวันที่สอง
หลังจากเมื่อวานนี้ (18 ส.ค.) เข้าพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และ
จ.สุรินทร์ พบปะประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา
ติดตามความคืบหน้ากระบวนการชดเชยเยียวยา พร้อมรับฟังปัญหา ข้อเสนอ
และข้อเรียกร้องจากประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ
โดยในช่วงเช้าคณะผู้นำฝ่ายค้านฯ
ได้เปิดเวทีพบปะประชาชนที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
พร้อมเยี่ยมสำรวจบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย
ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังบ้านทับทิมสยาม ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
พบปะกับตัวแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
รับฟังปัญหาความขาดแคลนที่ต้องการการสนับสนุน
ก่อนเดินทางต่อไปยังที่ทำการเทศบาลตำบลสีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
พบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาทั้งเรื่องกรณีการเยียวยาและผลกระทบด้านอื่นๆ
ณัฐพงษ์ระบุว่าจากการเข้าพื้นที่สองวันที่ผ่านมา
พบปัญหาหลักขณะนี้อยู่ที่การชดเชยเยียวยา
ที่แต่ละที่มีวิธีการจ่ายไม่เหมือนกันและสร้างความสับสนแก่ประชาชนอย่างมาก
มีทั้งการเยียวยา 3,000
บาทจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ที่ต้องกรอกแบบฟอร์ม 11 หน้า แต่เงิน พม.
ตามระเบียบสามารถจ่ายให้ได้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง
ซึ่งประชาชนก็ต้องเป็นผู้พิสูจน์ว่าตัวเองเดือดร้อนอย่างไร
และยังมีการเยียวยาซ่อมแซมบ้านตามเกณฑ์ไม่เกิน 49,000 กว่าบาท
โดยใช้กลไกหลักคือ อบต. แต่บ้านบางหลังระเบิดลงพังทั้งหลัง เพียง 49,000 บาทย่อมไม่พอ ก็เป็นเรื่องที่ต้องหางบประมาณจากช่องทางอื่นมาเติม
ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับประชาชนทั่วไป
เขาต้องขอใคร ช่องทางไหน หลักเกณฑ์อย่างไร ไม่มีใครรู้
ขณะที่ข่าวออกเรื่องการช่วยเหลือจากรัฐบาลหลายด้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
แต่พอมาดูพื้นที่กลับยังมีประชาชนเข้าไม่ถึงหลายเรื่อง เช่น
เรื่องค่าน้ำที่รัฐบาลประกาศงดเว้นจัดเก็บ แต่ในบางพื้นที่ยังมีการเก็บอยู่
เพราะเป็นของประปาหมู่บ้านหรือ อปท.
ที่เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายลงมาแต่ไม่ได้ให้เงินสนับสนุนท้องถิ่นตามมาด้วย
ท้องถิ่นก็ยังคงต้องจัดเก็บต่อไป
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคในเวลานี้คือกลไกระบบราชการ
ที่ผ่านมาประชาชนเรียกร้องการเยียวยาไปที่ช่องทางทั้ง อบต. นายอำเภอ
ผู้ว่าราชการจังหวัด แต่กระบวนการเยียวยาก็ยังดำเนินการไปได้อย่างล่าช้า
แต่ทั้งนี้ตนก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
แต่ปัญหาอยู่ที่กลไกระบบราชการ
ถ้ารอช่องทางเยียวยาปกติปีหน้าก็อาจจะยังไม่ได้รับเงิน
เหมือนกับที่เกิดขึ้นในกรณีชดเชยน้ำท่วมหลายพื้นที่ที่ผ่านมา
ที่ผ่านไปข้ามปีแล้วก็ยังไม่ได้เงินอยู่ ซึ่งคนที่แก้ได้คือรัฐบาล
ที่จะเป็นคนกำหนดนโยบาย ปรับปรุงระเบียบ และใส่งบประมาณลงมา
วันนี้จะรับฟังเสียงจากทุกคนนำไปสะท้อนในสภาให้ดีที่สุด
ทั้งนี้
ข้อเสนอของตนนอกจากเรื่องการเยียวยารายครัวเรือนแบบถ้วนหน้าที่เสนอไปเมื่อวานนี้แล้ว
ส่วนเพิ่มที่แต่ละคนเดือดร้อนไม่เท่ากัน ต้องพิสูจน์ความเสียหาย
ซึ่งต้องใช้เวลาและกระบวนการ ตนอยากเห็นภาพที่รัฐบาลสั่งการ
จะให้ใครเป็นเจ้าภาพก็ได้ ให้แต่ละพื้นที่มีโต๊ะมาตั้ง มีหน่วยงานของทั้ง พม.
เกษตร นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด อบต. ธอส. ธ.ก.ส. และหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง ใครต้องการเยียวยาค่าซ่อมบ้าน ใครต้องการเรื่องสินเชื่อ
การพักการชำระหนี้ ฯลฯ รวมให้ประชาชนแต่ละคนมายื่นเรื่องที่เดียวในครั้งเดียว
ไม่ต้องให้ประชาชนทำเรื่องไปขอแต่ละหน่วยงานกันเอง
นี่คือสิ่งที่รัฐสามารถทำได้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคนได้รับการเยียวยาที่ดีกว่านี้
ในส่วนของ
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และ
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
ระบุว่าโดยปกติแล้วเมื่อมีการประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติที่ใดก็ตาม รัฐบาลมักมีมติ
ครม. อนุมัติเงินช่วยเหลือแบบเหมาจ่ายรายครัวเรือนให้ทุกครั้งไป แต่ที่น่าแปลกใจคือกรณีภัยพิบัติจากสงครามครั้งนี้ทำไมถึงยังไม่มีการออกมติ
ครม. จ่ายเงินช่วยเหลือรายครัวเรือนเกิดขึ้น ซึ่งทางผู้นำฝ่ายค้านฯ
จะนำปัญหานี้ไปตั้งกระทู้ถามโดยตรงถึงนายกรัฐมนตรี
และติดตามความคืบหน้าในกรณีต่างๆ ให้ต่อไป
สำหรับตนนั้น
มีข้อสังเกตจากการลงพื้นที่รอบนี้หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ 1) ความต้องการบังเกอร์ที่ประชาชนหลายคนยังต้องขุดกันเองตามมีตามเกิด
ก็ต้องใช้กลไกในการติดตามว่าจะมีงบประมาณมาถึงท้องถิ่นเพื่อนำไปสร้างบังเกอร์ให้ประชาชนได้หรือไม่
2) เรื่องของดอกเบี้ยหนี้สิน
จะมีการช่วยในเรื่องการพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย ขยายเวลาชำระหนี้
การออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้ประชาชนได้พอหายใจหายคอประกอบอาชีพปกติได้หรือไม่
3)
การเก็บกู้กระสุนและจรวดที่ยังไม่ระเบิด
ที่ต้องมีการเร่งสำรวจอย่างละเอียดและเร่งเก็บกู้โดยเร็ว
ซึ่งทางกรรมาธิการการทหารจะติดตามต่อไป และ 4) กรณีค่าตอบแทนให้
ชรบ. ซึ่งงบประมาณภัยพิบัติควรมีการแก้ไขระบบระเบียบ
ให้เบิกจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับ ชรบ. ได้ ทั้งนี้ จากการติดตามข่าวมา
เห็นว่ารัฐบาลมีความคิดจะนำเรื่องการสนับสนุนการทำงานของ ชรบ. เข้าคณะรัฐมนตรี
เบื้องต้นเตรียมพิจารณาเรื่องของเบี้ยเลี้ยง ชรบ. ใน 7 จังหวัด
32,740 คน วงเงิน 117 ล้านบาท
แม้ไม่มากแต่ก็เป็นงานติดกระดุมเม็ดแรกที่ดี
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ผู้นำฝ่ายค้าน #พรรคประชาชน