แนวร่วมมธ.ผนึก
20 องค์กรนิสิตนักศึกษา ประชิดทำเนียบ ยื่นหนังสือนายก
ทวงความยุติธรรมให้คนตาย หารือแนวทางแก้ไขคดีการเมือง
ผลักดันนิรโทษกรรมให้คนเป็นรวม 112 หลังเคยตีระฆังร้องทุกข์ที่สภาแล้วไม่คืบ
วันที่
19 พ.ย. 2567 เวลา 10.00 น.
แนวร่วมธรรมศาสตร์ ร่วมกับองค์กรนิสิตนักศึกษา 20 องค์กร
ทำเนียบรัฐบาล เชิญนายกฯ และตัวแทน รับจดหมายเปิดผนึก ทวงถามนโยบายจากคณะผู้แทน
เนื่องในวาระครบ 4 ปี ที่มีการนำกฎหมายมาตรา 112 กลับมาบังคับใช้ และทวงถามแนวทางในการแก้ไขปัญหาคดีการเมืองจากรัฐบาล
โดยวันนี้ตำรวจได้ตรึงกำลังบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ
และปิดกั้นการจราจร ทำให้รถและผู้ชุมนุมไม่สามารถผ่านไปหน้าทำเนียบได้
ต่อมาได้มีการเจรจาและตกลงว่าสามมารถยื่นหนังสือที่หน้าทำเนียบได้ โดยมี นาย สมคิด
เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมด้วยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนของรัฐบาล ออกมารับหนังสือ
ต่อมา
นิสิตนักศึกษาได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการผูกริบบิ้นสีขาวที่ข้อมือนายสงคราม
เพื่อให้แระสานความยุติธรรม และริบบิ้นสีดำที่ข้อมือที่กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม
เพื่อแแสดงออกถึงการไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรม ก่อนจะยุติกิจกรรม เวลา 10.40 น.
สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้
จดหมายเปิดผนึกองค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายประชาชน
ถึง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
เรื่อง
เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาคดีความทางการเมือง เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี
การหวนกลับมาบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ด้วยปรากฏว่าสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการกดขี่ปราบปรามคุกคามผู้แสดงความเห็นต่างทางการเมือง นำมา ซึ่งการจำคุกประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากในฐานะนักโทษการเมือง เป็นที่ประจักษ์ว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการรื้อฟื้นการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาใช้อย่างกว้างขวาง
แม้กฎหมายดังกล่าวมิได้มีการบังคับใช้มาเป็นเวลานาน
การกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงนี้ได้ดำเนินมาจนครบ 4 ปี
แม้ปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสู่รัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร
ชินวัตร
แต่รัฐบาลกลับมิได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาอันร้ายแรงดังกล่าว
แม้แต่ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน
2567 ซึ่งเป็นวันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่นำโดยนายกรัฐมนตรี
แพทองธาร ชินวัตร
องค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายภาคประชาชนได้ร่วมกันยื่นจดหมายเปิดผนึกทวงถามนโยบายกับรัฐบาลในการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองและการอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้คนที่ถูกกดขี่ปราบปรามโดยรัฐ
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 2 เดือน
โดยปราศจากความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม
ด้วยเหตุนี้
องค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายภาคประชาชนจึงขอประกาศจุดยืนและเรียกร้องต่อรัฐบาล
ดังต่อไปนี้
1.
ต้องดำเนินการนิรโทษกรรมคดีความทางการเมืองซึ่งรวมไปถึงคดีอาญามาตรา
112 โดยทันทีและปราศจากเงื่อนไขทั้งปวง
2.
ต้องเร่งดำเนินการเยียวยาและคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้สูญเสียจากการปราบปรามโดยรัฐ
พร้อมทั้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนในการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงอย่างเด็ดขาด
3.
ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ชั้นตำรวจ อัยการ
จนถึงศาล เพื่อสถาปนาหลักนิติรัฐนิติธรรมสากล และให้หลักประกันว่าประชาชนจะได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง
องค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายภาคประชาชนขอประกาศอย่างแน่วแน่ว่า
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือเงื่อนไข
อันจำเป็นต่อการสถาปนาประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นในสังคมไทย หากปราศจากความยุติธรรม
สันติภาพย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ และการปล่อยให้การใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการกดขี่ปราบปราม
ย่อมมีแต่จะทำให้สังคมการเมืองไทยตกต่ำลงเท่านั้น
จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน #รวม112 #คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน