“ภูมิธรรม” ชี้
ปมฝ่ายต่อต้านกัมพูชากดดันฟ้องศาลโลกทวงเกาะกูด ไม่กระทบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ย้ำ การเจรจาเดินหน้าได้ หากรัฐบาลมาจากตัวแทนปชช.และเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ
วันที่
30 พฤศจิกายน 2567 ที่กองพลทหารราบที่ 7 จ.เชียงใหม่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
เสนอให้ใช้มาตรา152 เปิด อภิปรายเรื่องบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา
ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป (เอ็มโอยู 2544)
ในรัฐสภาทำข้อเสนอแนะให้รัฐบาลป้องกันม็อบลงถนน ว่า ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ
แต่เรื่องนี้ต้องมาดูตามความเป็นจริง ต้องดูพรรคร่วมรัฐบาลด้วยจะว่าอย่างไร
เป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันคิด แต่ขณะนี้ยังไม่ไปถึงตรงนั้น
ตอนนี้เราก็ใช้วิธีการชี้แจง หลายช่องทาง การแก้ปัญหาไม่ได้มีแค่ไม่วิธีเดียว ถ้าทำไม่ได้ก็เปลี่ยนวิธี
สิ่งที่นายนพดลเสนอ ก็น่าจะเสนอได้
เมื่อถามอีกว่า นายจักรภพ เพ็ญ
อดีตรมต.ประจำสำนักนายก ฯ เสนอให้รัฐบาล ยื่นเงื่อนไขเจรจาแบ่งผลประโยชน์เอ็มโอยู
2544 ภายใต้เงื่อนไขเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายทางทะเล และสนธิสัญญา
จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการเทคนิคร่วมฝ่ายไทย
(เจทีซี) ส่วนที่ว่าตนนั่งเป็นประธานยังต้องรอมติ คณะรัฐมนตรี (ครม.)
สุดท้ายต้องคุยกันก่อน เมื่อจัดตั้งได้ ก็ต้องมีการหารือกัน ยืนยันว่า
การเจรจาก็อยู่ภายใต้กรอบ เจทีซี และ เอ็มโอยู 2544 ตรงนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
ว่าจะไม่ไปกระทบ สิ่งที่เกี่ยวข้อง และต้องเป็นความเห็นชอบของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย
รวมถึงกฎหมายทางทะเล กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกรอบนโยบายต่าง ๆ
ที่เราต้องคำนึงด้วย
เมื่อถามอีกว่าที่ผ่านมาได้มีการหารือการประชุมความร่วมมือทวิภาคี
กับประเทศกัมพูชาในเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า
ในภาพรวมพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ ส่วนตรงนี้ไม่มีอะไร เราไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร
เพราะเขายอมรับและทราบอยู่แล้วว่าเกาะกูดเป็นของเรา และอยู่กับเรามาตั้งแต่ต้น
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถามอีกว่ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลกัมพูชากดดันให้ฟ้องศาลโลกเพื่อทวงคืนเกาะกูดจากไทย
จะส่งผลให้การเจรจาไม่ราบรื่นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า
เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย
ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เพียงแต่อยากให้ตรวจสอบภายในกรอบที่อยู่ภายใต้ของกฎหมาย
ตนขอย้ำว่าไม่มีปัญหาอะไรถ้ารัฐบาล ที่มีหน้าที่โดยตรงและเป็นตัวแทนประชาชน
ส่วนความเห็นของประชาชนบางส่วน ที่มีความแตกต่างกัน
ก็เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถามว่าการประชุมความร่วมมือทวิภาคี
กับประเทศกัมพูชา จะมีตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอมส่งผลกระทบความสัมพันธ์ 2
ประเทศหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า
เป็นแค่เพียงการพูดคุยเกี่ยวกับข่าวปลอมที่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แต่ไม่ถึงกับตั้งคณะกรรมการ เพียงแต่ให้แต่ละประเทศช่วยกันชี้แจง
เพราะบางครั้งมีเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง อยากให้ทั้ง 2
ประเทศช่วยกันตรวจสอบในข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนจะส่งผลให้ทั้ง
2 ประเทศ ไม่เข้าใจกัน และไม่ส่งผลดี รวมถึง เอ็มโอยู 2544 และเรื่องอื่นด้วย
เมื่อถามย้ำว่าร่วมถึงการปั่นข่าวว่าประเทศกัมพูชา เคลมหมูเด้ง เคลม น.ส.ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า ศิลปินนักแสดง ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าฟังเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วเอามาเป็นประเด็น