วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แนวร่วมมธ.ผนึก 20 องค์กรนิสิตนักศึกษา ประชิดทำเนียบ ยื่นหนังสือนายก ทวงความยุติธรรมให้คนตาย หารือแนวทางแก้ไขคดีการเมือง ผลักดันนิรโทษกรรมให้คนเป็นรวม 112 หลังเคยตีระฆังร้องทุกข์ที่สภาแล้วไม่คืบ

 


แนวร่วมมธ.ผนึก 20 องค์กรนิสิตนักศึกษา ประชิดทำเนียบ ยื่นหนังสือนายก ทวงความยุติธรรมให้คนตาย หารือแนวทางแก้ไขคดีการเมือง ผลักดันนิรโทษกรรมให้คนเป็นรวม 112 หลังเคยตีระฆังร้องทุกข์ที่สภาแล้วไม่คืบ


วันที่ 19 พ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. แนวร่วมธรรมศาสตร์ ร่วมกับองค์กรนิสิตนักศึกษา 20 องค์กร ทำเนียบรัฐบาล เชิญนายกฯ และตัวแทน รับจดหมายเปิดผนึก ทวงถามนโยบายจากคณะผู้แทน เนื่องในวาระครบ 4 ปี ที่มีการนำกฎหมายมาตรา 112 กลับมาบังคับใช้ และทวงถามแนวทางในการแก้ไขปัญหาคดีการเมืองจากรัฐบาล


โดยวันนี้ตำรวจได้ตรึงกำลังบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ และปิดกั้นการจราจร ทำให้รถและผู้ชุมนุมไม่สามารถผ่านไปหน้าทำเนียบได้ ต่อมาได้มีการเจรจาและตกลงว่าสามมารถยื่นหนังสือที่หน้าทำเนียบได้ โดยมี นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมด้วยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนของรัฐบาล ออกมารับหนังสือ


ต่อมา นิสิตนักศึกษาได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยการผูกริบบิ้นสีขาวที่ข้อมือนายสงคราม เพื่อให้แระสานความยุติธรรม และริบบิ้นสีดำที่ข้อมือที่กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม เพื่อแแสดงออกถึงการไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรม ก่อนจะยุติกิจกรรม เวลา 10.40 น.


สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้


จดหมายเปิดผนึกองค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายประชาชน ถึง นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี


เรื่อง เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาคดีความทางการเมือง เนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี การหวนกลับมาบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112


ด้วยปรากฏว่าสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการกดขี่ปราบปรามคุกคามผู้แสดงความเห็นต่างทางการเมือง นำมา ซึ่งการจำคุกประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากในฐานะนักโทษการเมือง เป็นที่ประจักษ์ว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการรื้อฟื้นการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาใช้อย่างกว้างขวาง


แม้กฎหมายดังกล่าวมิได้มีการบังคับใช้มาเป็นเวลานาน การกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงนี้ได้ดำเนินมาจนครบ 4 ปี แม้ปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองสู่รัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร แต่รัฐบาลกลับมิได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาอันร้ายแรงดังกล่าว แม้แต่ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่นำโดยนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร องค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายภาคประชาชนได้ร่วมกันยื่นจดหมายเปิดผนึกทวงถามนโยบายกับรัฐบาลในการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองและการอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้คนที่ถูกกดขี่ปราบปรามโดยรัฐ ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 2 เดือน โดยปราศจากความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม


ด้วยเหตุนี้ องค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายภาคประชาชนจึงขอประกาศจุดยืนและเรียกร้องต่อรัฐบาล ดังต่อไปนี้


1. ต้องดำเนินการนิรโทษกรรมคดีความทางการเมืองซึ่งรวมไปถึงคดีอาญามาตรา 112 โดยทันทีและปราศจากเงื่อนไขทั้งปวง

2. ต้องเร่งดำเนินการเยียวยาและคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้สูญเสียจากการปราบปรามโดยรัฐ พร้อมทั้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนในการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงอย่างเด็ดขาด

3. ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ชั้นตำรวจ อัยการ จนถึงศาล เพื่อสถาปนาหลักนิติรัฐนิติธรรมสากล และให้หลักประกันว่าประชาชนจะได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง


องค์กรนิสิตนักศึกษาและเครือข่ายภาคประชาชนขอประกาศอย่างแน่วแน่ว่า การแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือเงื่อนไข อันจำเป็นต่อการสถาปนาประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นในสังคมไทย หากปราศจากความยุติธรรม สันติภาพย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ และการปล่อยให้การใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการกดขี่ปราบปราม ย่อมมีแต่จะทำให้สังคมการเมืองไทยตกต่ำลงเท่านั้น


จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #นิรโทษกรรมประชาชน #รวม112 #คืนความเป็นธรรมให้ประชาชน