“พรรคประชาชน“ ขนทัพปราศรัยใหญ่รอบเมืองปลุกเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี
ประเดิมที่อำเภอบ้านผือ “คณิศร” ชูนโยบาย 6 ด่วนทำทันทีในปีแรก
“พิธา” ลั่นอุดรธานีเป็นเมืองหลวงประชาธิปไตย ไม่มีเจ้าของ
ชวนประชาชนบอกคนในครอบครัวไปเลือกตั้ง กานายก อบจ. พรรคประชาชนให้ถล่มทลาย
วันที่
16 พฤศจิกายน 2567 ที่ จ.อุดรธานี แกนนำ สส.
และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี
ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 นี้ ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก
อบจ.อุดรธานี เบอร์ 1 โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่ 3
อำเภอ ทั้งที่ อ.บ้านผือ ในช่วงเช้า, อ.หนองหาน
ในช่วงบ่าย และที่ อ.เมือง ในช่วงค่ำ
โดยแกนนำและผู้ช่วยหาเสียงที่ร่วมการปราศรัยในวันนี้
ต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบายพรรคประชาชนสำหรับการเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี เช่น
อภิชาติ ศิริสุนทร ผู้ช่วยหาเสียง อดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า
นักการเมืองต้องมีสัจจะ พูดคำไหนคำนั้น ให้สัญญาผ่านนโยบายกับประชาชนก็ต้องทำ
ตอนที่ตนเป็น สส. นโยบายที่อดีตพรรคก้าวไกลเคยหาเสียง แม้เราไม่ได้เป็นรัฐบาล
แต่ได้เอานโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนไปเดินต่อ ใช้กลไกในสภาผู้แทนราษฎร เช่น
กรรมาธิการ ตนในฐานะอดีตประธาน กมธ.ที่ดินฯ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน
ไม่เคยพูดว่าตัวเองไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แล้วจะแก้ปัญหาไม่ได้
เราเคยหาเสียงว่าจะปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ
อดีตพรรคก้าวไกลก็ไปร่างกฎหมายเพื่อยกระดับสิทธิ์ของประชาชน
ประชาชนมีปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก. เราก็เสนอกฎหมายยกระดับให้เป็นโฉนด
ปรากฏว่าถูกตีความเป็นกฎหมายการเงิน ต้องส่งให้นายกฯ แล้วนายกฯ
เศรษฐาในเวลานั้นก็ตอบกลับเป็นหนังสือว่าหน่วยงานราชการไม่เห็นด้วย
เช่นเดียวกับพี่น้องที่อยู่ในเขตป่าเขตอุทยาน
ถูกจำกัดสิทธิ์ถูกไล่ออกจากพื้นที่ทำกิน ตนก็ใช้กลไก กมธ.ที่ดินฯ
เพื่อชะลอปัญหาให้หน่วยงานมาชี้แจง จนปัญหาทุเลาลงหลายพื้นที่
แต่ล่าสุดรัฐบาลกลับออก พ.ร.ฎ. กีดกันพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ป่า
ดังนั้นไม่ต้องกังวล
พรรคประชาชนพูดอย่างไรทำอย่างนั้น ตรงไปตรงมา
พี่น้องไม่ต้องกลัวว่าได้ตำแหน่งแล้วจะไม่ทำ คุณคณิศรก็เช่นเดียวกัน
เขาจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ถ้าเขาไม่ทำ รอบหน้าก็ไม่ต้องเลือกเขาอีก
ในส่วนของ
พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน
ได้กล่าวถึงนโยบายน้ำประปาดื่มได้
โดยระบุว่าแม้ฝ่ายตรงข้ามจะพยายามโจมตีว่าเป็นไปไม่ได้
แต่คณะก้าวหน้าก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่าทำได้ โดยทำสำเร็จมาแล้วที่ ต.อาจสามารถ
จ.ร้อยเอ็ด เป็นที่แรกตั้งแต่ปี 2564 มาจนถึงวันนี้
ได้รับการรับรองโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และต่อมาก็ทำสำเร็จที่ ต.โพน
จ.กาฬสินธุ์, ต.หนองแคน จ.มุกดาหาร, ต.ดอนงัว
จ.มหาสารคาม และ ต.นาบัว จ.อุดรธานี และกำลังจะทำสำเร็จอีก 2 แห่งในปีหน้า
ดังนั้น
ที่มีการดูถูกว่าทำได้ไม่กี่แห่งนั้นจึงไม่จริง
และต้องไม่ลืมว่าคณะก้าวหน้าชนะเทศบาลและ อบต. ไม่ถึง 50 ที่จากพันกว่าแห่งทั่วประเทศ
และที่บอกว่าทำไม่ได้จริงและต้องใช้งบประมาณเยอะนั้นก็เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
อย่างที่ ต.นาบัว จ.อุดรธานี เองใช้งบประมาณเพียง 2 แสนบาทเท่านั้นในการทำน้ำประปาให้ทั้งตำบลดื่มได้
ถ้าครั้งนี้พรรคประชาชนได้เป็น อบจ.
นโยบายของคณิศรคือน้ำประปาใสดื่มได้ทั้งจังหวัด อบจ. จะให้งบประมาณสนับสนุนงบแก่ 179
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลทั้งอุดรธานี
สามารถทำให้น้ำประปาดื่มได้ทั้งจังหวัดภายใน 1 ปีแน่นอน
“บางพรรคบอกว่าจะทำน้ำประปาสะอาดทั้งอุดรธานี ถามว่า 12 ปีที่ผ่านมานายก อบจ.อุดรธานี ตั้งแต่ปี 2547-2567 มีอยู่พรรคเดียว
น้ำประปาไม่เคยสะอาด พอมาแข่งกับพรรคประชาชนจะมาทำน้ำประปาแล้ว
ถามว่าจะมาพัฒนาให้ประชาชนหรือจะมาเอาชนะพรรคประชาชนกันแน่” พรรณิการ์กล่าว
ทางด้าน
คณิศร ได้ปราศรัยถึงนโยบาย 6 ด่วนที่จะทำให้สำเร็จภายใน 1 ปี
โดยระบุว่าในฐานะคนอุดรธานีตนสัมผัสได้ว่าไม่ว่าจะเป็นความเจริญหรือการพัฒนาอุดรธานีต่างก็ถูกแช่แข็งมาตลอด
วันนี้ตนจึงมาขออาสาเป็นทางเลือกให้ชาวอุดรธานี โดยนอกจากนโยบาย 8 เสาหลักแล้ว ตนยังมีนโยบาย 6 ด่วนที่จะทำทันทีภายในปีแรก
ได้แก่
1)
ทำให้ อบจ.อุดรธานีโปร่งใสตรวจสอบได้ อบจ.อุดรธานีมีงบประมาณปีละ 1.2
พันล้านบาท ตนจะทำให้ประชาชนเห็นตัวเลขทั้งหมด
นำเข้าสู่ระบบออนไลน์ให้ประชาชนเห็นว่าเงินทั้งหมดเอาไปทำอะไรบ้าง และทุกคำถามนายก
อบจ. ต้องเป็นคนมาตอบเอง ที่สำคัญชาวอุดรธานีต้องมีส่วนร่วม
ผ่านสภาประชาชนในระดับชุมชน ไม่ต้องเดินทางไปถึง อบจ. เพื่อเสนอแนะ ไม่ว่าแต่ละชุมชนจะมีโครงการหรือนโยบายอะไรที่อยากให้นายก
อบจ. ทำให้ สามารถสะท้อนเสียงมา ร่วมคิดเพื่อประโยชน์ของชุมชนได้
2)
การทุจริตเป็น 0% โครงการและนโยบายที่ส่อให้เกิดการทุจริตตนจะไม่ทำ
จะทำแต่โครงการที่ตรวจสอบได้เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ หน่วยงานไหนใน อบจ.
ที่มีการทุจริตตนจะเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายทันที
3)
นโยบายขนส่งสาธารณะ เพื่อแก้ปัญหาประชาชนเดินทางลำบาก
นักท่องเที่ยวมาเที่ยวยาก ถ้าตนได้เป็นนายก อบจ.
จะทำให้เกิดขนส่งสาธารณะโดยรถเมล์ไฟฟ้า กำหนดเส้นทางเชื่อมโยงกลางเมืองอุดรธานี
สนามบิน สถานีขนส่ง ไปสถานที่ท่องเที่ยว ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ รถออกตรงเวลา ถึงจุดหมายตรงเวลา
ดูได้ด้วยระบบแอปพลิเคชัน กำหนดเวลาการเดินทางได้
4)
น้ำประปาใสดื่มได้ตลอดปี
คณะก้าวหน้าที่ทำสำเร็จมาแล้วหลายแห่งมีทั้งมีวิศวกรน้ำ สามารถเอาองค์ความรู้มาให้
อบต. ให้หมู่บ้าน มีเครื่องมือที่เป็นวิทยาศาสตร์
ทำให้น้ำประปาใสสะอาดดื่มได้แล้วจริง แม้จะมีผู้สมัครคนหนึ่งบอกว่าทำไม่ได้
แต่คณะก้าวหน้าก็ทำสำเร็จ พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว
5)
ถนนปลอดหลุม ไฟสว่าง มีกล้องวงจรปิด โดยถนนในสังกัด อบจ.
ที่ชำรุดทรุดโทรมและไม่ปลอดภัย อบจ. จะดำเนินการซ่อมให้เรียบร้อยภายในปีแรกทันที
6)
แก้ปัญหายาเสพติดผ่านนโยบายชุมชนปลอดภัยไม่มียาเสพติด โดย อบจ.
จะเป็นศูนย์กลางสนับสนุนงบประมาณให้ฝ่ายปกครองและเจ้าพนักงานจัดหาเครื่องมือในการตรวจสอบสารเสพติด
และในการนำเอาคนติดยาเสพติดมาแยกเป็นผู้ป่วย ประสานกับโรงพยาบาลอำเภอและจังหวัด
รวมทั้งสถานพยาบาลเอกชนที่เชี่ยวชาญในการนำไปรักษาบำบัด
รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางในการประสานงานเพื่อการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ค้ายาเสพติด
คณิศรยังระบุว่าเรื่องที่มีการโจมตีใส่ร้ายป้ายสีตนนั้น
ควรจะหมดเวลาได้แล้ว
นี่เป็นเวลาของการเมืองใหม่ที่ควรเน้นการนำเสนอนโยบายให้ประชาชน
ถ้าอยากเห็นการเมืองแบบตรงไปตรงมา ไม่กลับไปกลับมา ขอให้เลือกพรรคประชาชน
ตนจะนำอุดมการณ์ แนวคิด และนโยบายของพรรคประชาชนมาทำให้อุดรธานีเป็นจังหวัดแรกในฐานะ
อบจ. พรรคประชาชน
ด้าน
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน
ระบุว่าที่ผ่านมามีการพูดถึงว่าที่ตนกลับมาจากอเมริกาเพราะกลัวแพ้
แต่สำหรับนักการเมืองแบบตนนั้นไม่มีกลัวแพ้ เพราะแพ้มาเยอะแล้ว
แต่ชนะมาก็แยะเหมือนกัน อย่างการเลือกตั้งที่อุดรธานี ปี 2562 อนาคตใหม่ได้
1.4 แสนคะแนน เลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ปี 2563 ได้ 1.8 แสนคะแนน เลือกตั้งปี 2566 ได้มา 2.2 แสนคะแนน นี่คือการพัฒนา
ดังนั้นสำหรับพรรคประชาชน
การลงแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้ ตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 เราก็แพ้ที่อุดรธานี
เขต 1 แต่ก็ไม่กี่คะแนน ต่อมาเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลก็ชนะได้ สส.เขต 1 อุดรธานี
เราถึงไม่กลัวแพ้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยย่อมมีแพ้มีชนะ
คนชนะกลับมาแพ้คนแพ้ก็กลับมาชนะได้ ไม่มีใครกลัวทั้งนั้น
การทำงานแบบพรรคประชาชนคือการทำงานระยะยาว
คู่แข่งอาจจะดูการเลือกตั้งต่อการเลือกตั้งแต่พรรคประชาชนดูไปถึง 3 การเลือกตั้งข้างหน้า
การเมืองแบบพวกเราคือแข่งกับตัวเองทุกวันและการต่อสู้อย่างเต็มที่ไม่ท้อแท้ถดถอย
พิธายังกล่าวต่อไปว่าที่ผ่านมาทักษิณ
ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยหาเสียงเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายค้าน อบจ. คนเก่าเป็นมา 12 ปีเพิ่งมาบอกว่าจะทำน้ำประปาสะอาด
แปลว่า 12 ปีที่ผ่านมาไม่สะอาดใช่หรือไม่
บอกว่าจะจัดการปัญหายาเสพติด แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหาเจ้าพ่อยาเสพติด ทุนจีนสีเทา
เมื่อปีก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตั๋วตำรวจเพื่อไทย
ตราบใดที่ยังมียาเสพติดจากต่างประเทศแล้วยังมีตั๋วตำรวจ ยาเสพติดก็แก้ไม่ได้
เป็นรัฐบาลมา 14 เดือนราคายาบ้ายังเหมือนเดิม
ตั๋วตำรวจยังมีหรือไม่ ขอให้ตอบให้กระจ่างด้วย
พิธากล่าวต่อไปว่ามีคนกล่าวว่าอุดรธานีเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง
แต่สำหรับตนแล้วคนอุดรธานี ไม่มีเจ้าของ
อุดรธานีเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตยซึ่งมีหลายเฉด บางคนเลือกพรรคเพื่อไทย
บางคนเลือกพรรคก้าวไกล บางคนก็เลือกพรรคไทยสร้างไทย ดังนั้น แม้การแข่งขันครั้งนี้เรามั่นใจแต่ก็ไม่ประมาท
เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เหมือนการเลือกตั้งระดับชาติ
ประชาชนอยู่ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกลับมาลงคะแนนไม่ได้
แต่ตนก็ขอให้ทุกคนออกมาเลือกตั้งกันให้มากที่สุด
และขอสื่อสารไปถึงชาวอุดรธานีที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ ขอให้ช่วยพรรคประชาชนบอกกลับมาที่ครอบครัว
ถ้าอยากให้คนอุดรธานี มีงานทำ มีสาธารณสุขที่ดี มีการคมนาคมที่ดี
จะได้กลับมาบ้านเสียที ส่งข้อความกลับมาให้ครอบครัวที่อุดรธานี ให้ไปเลือกตั้งเยอะ
ๆ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อบจอุดร