“ทนายแจม” ถาม รมว.ยุติธรรม ข้อเท็จจริงกรณี
‘บุ้ง เนติพร’ เสียชีวิต เรียกร้องความชัดเจนแนวทางปฏิรูปเรือนจำ ด้าน “ทวี” ยัน
“ราชทัณฑ์” ทำตามมาตรฐานสากล
วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 11
พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นตั้งกระทู้ถาม รมว.ยุติธรรม กรณีการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร
เสน่ห์สังคม
ซึ่งเป็นเรื่องที่คลุมเครือและไม่ชัดเจนถึงกระบวนการรักษาชีวิตระหว่างที่ถูกฝากขังภายใต้การดูแลของกรมราชทัณฑ์
กระทรวงยุติธรรม โดยศศินันท์ไล่เรียงไทม์ไลน์และสถานการณ์ต่างๆ ระหว่างการอภิปราย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 เนติพรได้ถูกถอนประกันตัวในคดีอาญามาตรา
112 และถูกตัดสินให้จำคุกในคดีละเมิดอำนาจศาล 1 เดือน
ศศินันท์กล่าวว่าเนติพรถูกศาลตัดสินจำคุก 1 เดือนในข้อหาละเมิดอำนาจศาล ซึ่งคดีดังกล่าวจะพ้นโทษในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ แต่เพราะในวันเดียวกันเอง ซึ่งก็คือวันที่ 26 มกราคม ศาลสั่งถอนประกันคดีมาตรา 112 หมายความว่าระหว่างเดือนกุมภาพันธ์
บุ้ง เนติพร อยู่ในเรือนจำ ในฐานะถูกฝากขังระหว่างการพิจารณาคดี
และเมื่อคดียังไม่สิ้นสุด ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ต่อมาวันที่ 27
มกราคม หลังจากถูกตัดสินจำคุก
บุ้งได้ประกาศเรื่องอดอาหารจนอาการทรุดลงเรื่อย ๆ และวันที่ 14 พฤษภาคม บุ้งเสียชีวิตระหว่างที่ถูกควบคุมตัว
หลังการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร กรมราชทัณฑ์ได้ออกมาชี้แจง
ระบุกับผู้สื่อข่าวว่าทางกระทรวงยุติธรรมจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและจะให้ความร่วมมือกับญาติในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ตนจึงต้องการสอบถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่าสิ่งที่กรมราชทัณฑ์ได้แถลงมานั้นเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่
สืบเนื่องจากข้อมูลที่ตนได้จาก กมธ.การกฏหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน
มีการเรียกหน่วยงานเข้ามาชี้แจง มีข้อมูล 2 ชุด
ข้อมูลชุดแรกเป็นข้อมูลไทม์ไลน์การเสียชีวิตของคุณบุ้ง ที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจงใน
กมธ. ข้อมูลชุดที่สอง คือไทม์ไลน์การเสียชีวิตที่ได้มาจากกล้องวงจรปิด
ข้อเท็จจริงประการแรก
คือการแถลงของกรมราชทัณฑ์ไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้ชี้แจงในห้อง กมธ.
ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ ที่ไล่เรียงมา
สามารถเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดว่ามาตรฐานการดูแลผู้ป่วยของกรมราชทัณฑ์มีปัญหาแน่นอน
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่าการประกันตัวกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของระบบยุติธรรมของไทยนั้นมีปัญหา
จึงอยากได้ยินคำตอบจากรัฐมนตรีในคำถามแรก
ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร คืออะไร
กระบวนการการกู้ชีพที่เกิดขึ้น
เพราะเหตุใดถึงไม่มีการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (Automated
External Defibrillator หรือ AED) รวมถึงเวลาเสียชีวิตที่แท้จริงคือเวลาไหน
และกรมราชทัณฑ์จะมีการรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตครั้งนี้อย่างไร
นอกจากนี้
ศศินันท์ยังยกประสบการณ์การเป็นทนายให้กับนักโทษการเมืองหลายคนที่ถูกฝากขังก่อนมีคำตัดสิน
กรณีการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร
สะท้อนการดูแลผู้ต้องหาในเรือนจำและยังมีกรณีสุ่มเสี่ยงอีกหลายกรณีที่เข้าข่ายไม่ได้รับการดูแลตามมาตรฐานที่มนุษย์คนหนึ่งคนได้รับ
จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงและยกระดับการทำงาน
ศศินันท์ ยังได้ย้ำไปยัง รมว.ยุติธรรม ด้วยว่า
ขณะนี้ทางกระทรวงเองก็ยังไม่มีกำหนดที่ชัดเจนว่าจะมีแถลงการณ์เรื่องการปฏิรูปเรือนจำเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
อย่างไร การคุมขังไม่ได้ต้องการแค่จะลงโทษเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องเตรียมความพร้อมกลับให้ผู้ถูกคุมขังกลับมาสู่สังคมด้วยในอนาคตด้วย
นี่คือการเปลี่ยนตั้งแต่วิธีคิด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ
“ยินดีที่เห็นท่านรัฐมนตรีมีความตั้งใจจะปฏิรูปเรือนจำ
ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับนักโทษในคดีการเมือง ซึ่งตอนนี้มีหลายคนมาก
และกำลังจะเข้าไปอีกหลายคน อยู่ในระหว่างการควบคุมดูแลของกรมราชทัณฑ์
ดิฉันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียใครอีก เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญว่าจะเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองคนใด
จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำหรือไม่
แต่สำคัญที่ว่ากระบวนการของกรมราชทัณฑ์ในการดูแลผู้ต้องหาในเรือนจำ
กำลังมองผู้ต้องหาเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่หรือไม่” ศศินันท์ถามสรุปไปยัง
รมว.ยุติธรรม
ด้านพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่า
การเสียชีวิตของบุ้ง เป็นการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน
เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ต้องมีการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ
โดยให้อัยการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยแพทย์ที่ไม่ใช่ของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งเมื่อชันสูตรพลิกศพแล้ว กระบวนการทำสำนวนทั้งหมด
จะต้องเปิดโอกาสให้ญาติพี่น้อง หรือทนายความเข้าร่วมทั้งกระบวนการ
สามารถเพิ่มพยานในชั้นการพิจารณาของศาลได้
ทั้งนี้เท่าที่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของบุ้ง ทางสาขานิติเวช
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ระบุว่า เกิดจากการเสียสมดุลเกลือแร่ในเลือดร่วมกับโรคหัวใจโต
โดยกรณีนี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จำนวน8ราย
ที่ตั้งโดยกระทรวงยุติธรรม ได้ขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก30วัน
แต่คณะกรรมการฯได้ทำความเห็นเบื้องต้นออกมาว่า เป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ
ไม่ปรากฎร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด อ้างอิงจากใบมรณบัตร
และการตรวจพิสูจน์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ประกอบกับกล้องวงจรปิดในคืนวันเกิดเหตุ
พบว่า บุ้งได้นอนหลับพักผ่อนเป็นปกติ ภายในฝ่ายปกครองของผู้ต้องขังหญิง
“จากนั้นในช่วงเช้าเวลา 06.12น. ของวันที่14พ.ค.
บุ้งได้ลุกขึ้นมานั่งที่เตียงผู้ป่วย เริ่มคว่ำหน้าลง และมีการชักกระตุก เจ้าหน้าที่จึงได้กดกริ่งและแจ้งผู้ควบคุมเข้าไป
จนสรุปเห็นควรส่งให้แพทย์มาร่วมกันดำเนินการ
ถ้าถามว่าบุ้งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ
ในรายงานระบุว่าเสียชีวิตที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
แต่ในระหว่างการช่วยยื้อชีวิตอาจเป็นปรากฎการณ์เหมือนการเสียชีวิตแล้ว
ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นว่า ตามมาตรา 150 ของการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ เราเปิดโอกาสให้สามี ภรรยา บุพการี
ผู้สืบสันดาน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล ญาติของผู้ตาย
สามารถยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลฯได้
ยืนยันว่าการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์เป็นไปตามวิชาชีพ ตามมาตรฐานสากล
ตามหลักทางการแพทย์ ทั้งนี้รายละเอียดอย่างเป็นทางการขอให้รอคำสั่งจากศาลฯที่ถือเป็นที่สุด
และมีความเที่ยงธรรม” รมว.ยุติธรรม ระบุ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #กระทรวงยุติธรรม #บุ้งเนติพร #บุ้งทะลุวัง #กรมราชทัณฑ์